ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันเสาร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2564

มิตรภาพบนเกาะพยาม 5 วัน 4 คืน

 บันทึกการเดินทาง

วันที่ 24.12.20




ต้องบอกก่อนเลยว่า ทริปนี้ เหมือนออกมาคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจริงๆ ออกไปคนเดียว เดินทางคนเดียว 

ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องการอะไร แต่รู้ว่าอยากไปคนเดียว

เผื่อได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น ได้คิดอะไรมากขึ้น

พูดตรงๆเลย ตอนนี้เหมือนชีวิตมันอีรุงตุงนังมาก

ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงเหมือนกัน ได้แต่ปล่อยเวลาให้มันผ่านตัวเราไปวันๆ เผื่อเวลา มันจะนำพาเหตุการณ์ต่างๆเข้ามา

และพาบางอย่างออกไปเอง เพราะฉะนั้น อย่าไปคิดแม่งเลย ใช้ชีวิตให้สุขกับปัจจุบันนั่นแหละ ดีที่สุดแล้วว


วันนี้ผมเลือกเดินทางมสเกาะพยาม ไม่รุสิ

เคยคิดจะมานานละ แต่ก็ไม่ได้มาซักที 

ตอนนี้มีโอกาสแล้วก็เลยมาแม่งเลย

อย่าไปคิดเยอะ !!




ผมเดินทางมาขึ้นเครื่องยามเช้า แต่เครื่องออก 11.05

เลยเข้ามาหาไรกินที่ ศูนย์อาหาร สนามบินก่อน
ก่อนที่จะเข้าเกต สั่งกระเพราหมูสับไข่ดาวไปจานนึง 
ก็โอเครนะ อร่อยดี 55 บาท 




กินเสร็จ ก็ได้เวลา เข้าเกตไปขึ้นเครื่อง 
วันนี้คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ เนื่องจากโควิดยังรุนแรงอยู่






เมื่อมองจากบนฟ้า
 มองเห็นทะเล และเกาะน้อยใหญ่เต็มไปหมด
ถ่ายรูปจากข้างบนก็สวยไปอีกแบบ


ใช้เวลาประมาณ 1 ชม ก็มาถึงสนามบินระนอง


เมื่อออกมาจากสนามบินก็เคว้งอีกครั้ง
เพราะไม่รู้ต้องไปไหนต่อ รู้แต่ต้องไปท่าเรือให้ได้

พอดีเห็นรถโดยสารจอดข้างหน้า
เลยคิดว่าน่าจะไปท่าเรือ เลยมายืนรอ
แต่ปรากฎว่า คนขับไม่อยู่

แล้วก็มีพี่อีกคน เดินมาถามว่าน้องจะไปไหน
ผมเลยตอบว่า ไปท่าเรือครับ

พี่แกก็บอก คิด100 เดียว ไปรถส่วนตัว
พี่กะลังจะกลับบ้านพอดี 

เราก็อยากไปท่าเรือเร็วๆ กะว่าไปให้ทันเรือเมล์
รอบบ่าย 2 



ระหว่างที่พี่แกขับรถไปก็คุยกันไป ระยะทาง 30 กว่าโล
แป๊ปเดียวถึง โดยพี่เขาขับฟอจูนเนอมาส่ง แบบส่วนตัว
100 บาท คุ้มอยู่ แลกกับเวลา และความสะดวกสบาย




จากนั้นก็เดินเข้าไปซื้อตั๋ว เรือเมล์
แต่ วันนี้เรือ เมล์รอบบ่ายไม่มี
เลยต้องนั่งสปีดโบ๊ทแทน 350 บาท
พี่เค้าลดให้เหลือ 300 รอบบ่ายโมง



ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที
ก็ถึง เกาะพยาม







หลังจากนั้นก็เดินข้ามท่าเทียบเรือ
แล้วเลี้ยวซ้ายมาอีกประมาณ ร้อยเมตร
ก็ถึงที่พักในคืนแรก พยามโฮสเทล
คืนละ 100 บาท เท่านั้น แต่ในคืน พรุ่งนี้และมะรืน

ที่นี่ห้องเต็ม เนื่องจากมีคนเข้าพัก 
เพราะพรุ่งนี้มีงานเปิดเกาะพยาม
ซึ่งจัดอยู่หน้าที่พักนี้เลย

ถ้านอน ก็คงนอนไม่หลับแน่ๆ
แต่คืนนี้ ก็พักที่นี่ไปก่อน


หลังจากเก็บของ นอนชาร์จแบตซักแป๊ป
ก็ควัก เหนียวไก่ทอดที่ซื้อมา ออกมากินหน้าห้อง
แล้วออกไปเดินเล่น เริ่มจากเดินไปฝั่งขวาก่อน







เมื่อเดินมาถึงสะพาน ตรงนี้ลมดีมาก
แล้ววิวก็ดีสุดๆ เหมาะแก่การ ถ่ายภาพ
เป็นอย่างยิ่ง แล้วจิบเครื่องดื่มไปด้วยนี่
มันช่าง เป็นอะไรที่เข้ากันมาก

จากนั้น เดินกลับมาที่เดิม และเดินต่อไปฝั่งซ้าย
อ่าวนี้มีชื่อว่า อ่าวแม่หม้าย 
บรรยากาศบนเกาะนี้ ก็จะเหงาๆหน่อย
เพราะนักท่องเที่ยว น้อยมาก


ผมเดินมายังวัด เกาะพยาม
แล้วก็เดินมายัง โบสถ์กลางทะเล
แน่นอนว่า โบสถ์กำลังซ่อมบำรุงอยู่
แต่ชิลดีนะ ลมเย็นสบายมาก


ส่วนพรุ่งนี้จัดงานจะมีอะไรบ้างนั้น ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน
ต้องรอลุ้นต่อไป








กลับมาที่พักอีกครั้ง 
เย็นนี้คงต้องหาร้านนั่งชิลแล้วล่ะ
ไม่ต้องหาที่ไหนไกล
หน้าที่พักเราเลย ชาวเกาะซีฟู๊ด ราคาแอบแรง

จานละ ร้อยทั้งนั้น เห้ออ นี่ขูดเลือดกันชัดๆ

แต่ก็คงมื้อเดียว
กินเอาบรรยากาศ





โดยที่อาหารมื้อเย็นในวันนี้ของเรา
เป็นผัดพริกแกงหมู ง่ายๆ
แต่รสชาติ ถือว่าใช้ได้เลย
พริกแกงเข้มข้น
แต่ก็ยังแพงไปอยู่ดี ถ้าเทียบกับราคา



แต่ต้องยอมรับว่าลมดีจริงๆ
ทำให้นั่งได้ 2-3 ชม เลยนะเนี่ย
ฟินนน !!





ก่อนที่ค่ำคืนนี้จะหมดไป
ราตรีสวัสดิ์



25.12.20

Merry X’mas

แน่นอนว่าปีนี้ เป็นปีที่ฉลองคริสต์มาส
ไม่เต็มที่เหมือนปีอื่นๆ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19
ลากยาวมาถึงปลายปี

เช้าวันนี้ ผมได้ลุกจากเตียง ไปรับลมริมทะเล
แต่ก็อย่างที่เห็น คือ เหมือนสภาพอากาศจะไม่เป็นใจเท่าไหร่นัก เลยขอมานั่งเล่นริมทะเลชิวๆ รับลม
ตามประสามาติดเกาะ ไม่มีอะไรทำ
ไม่รู้จะไปไหนอีกด้วย
ชีวิตไม่มีแก่นสารเลย 555+




เอาล่ะ ได้เวลาเก็บของ ย้ายที่พักกันแล้ว
ออกไปเช่ามอไซมาวันละ 100 บาทเท่านั้น
ทำสัญญาเช่า 2 วัน








แล้วขับไปฝั่งอ่าวใหญ่
เพื่อเข้าเชคอินที่พักใหม่ของเรา
Tropical
เลยทำให้รุจักกับ 
น้องอิง และโอม 2 พี่น้องเจ้าของที่นี่


ยังวัยรุ่นทั้งคู่ อายุน้อยกว่าผมอีก
แต่ใช้ชีวิตกันสุดเหวี่ยงสุดๆ

เมื่อผมมาถึง น้องก็ชวนออกไป
กินข้าว ออกไปหาพี่ๆในเกาะ 
พาไปรุ้จักพี่ปุ๊ก กับพี่ฝน
ที่ร้านพยามาศ ร้านนวด

ก่อนที่จะพาผมไปที่ร้านคราฟเบียร์ เจ้าเดียว
ของเกาะพยาม







ชีวิตทั้งวันวนเวียนอยู่แค่นี้จริงๆ
แล้วผมก็แอบไปนอนจิบเบียร์ชิวๆ
ริมทะเลคนเดียว เงียบๆ สึมๆ
แล้วก็หลับ 555

จากนั้นก็กลับไปเล่นเซิร์ฟที่อ่าวใหญ่
บอกก่อน ที่อ่าวใหญ่คลื่นดีมาก

เหมาะแก่การเล่นเซิร์ฟสุดๆ
ก็เอาบอร์ดจากที่บ้านนั่นแหละ







ไปเล่น แต่บอร์ดเล็ก ทำให้เล่นยากมาก
อย่าว่าแต่ยืนบนบอร์ด แค่เอาตัวว่ายออกไป
ก็ไม่รอดละ มันทรงตัวยากมาก
จริงอยู่ที่มันเบา แต่ยิ่งเบา ยิ่งมีผลต่อการทรงตัว

เล่นเสร็จ เอาบอร์ดมาเก็บ
แล้วอาบน้ำ ออกไปกินเบียร์ ที่หน้างาน
วันนี้ เป็นวันเปิดเกาะ ทำให้ที่นี่ครึกครื้นเชียว





โดยผมและ น้องเจน และการ์ตูน
ได้มานั่งกินเบียร์กันที่ร้าน
ก่อนที่จะเริ่มรุจักกับ นารา 
ซึ่งเปิดบาร์ ขายค็อกเทล เช่นกัน

และผมก็เมา
 จบค่ำคืนนี้





26.12.20

เช้าหลังวันคริสมาต์




ผมตื่น มาท่ามกลางเสียงฝนที่ตกลงมา
ผมได้แต่ออกมานอนเปลฟังเสียงฝนที่ตกกระทบหลังคา
พร้อมกับฟังเพลงไปด้วย

ก่อนที่เจน จะตื่นแล้วเดินออกมาทักทายในยามเช้า
และถามผมว่าหิวมั๊ย

เพราะฝนที่ตกอยู่ในตอนนั้น
ทำให้ผมออกไปหาไรกินไม่ได้

แต่เจนก็เอ่ยปากถาม ว่ากินมาม่ามั๊ย
เด่วเจนไปชงให้

ผมก็ตอบรับเจนไป

มาม่ามาพร้อมกาแฟดำ 1 แก้ว
แล้วออกมา นั่งต่อที่หน้าบาร์






ผมได้แต่นอนฟังเพลงไปเรื่อยๆ จนเที่ยง
เจนออกไป บ้านพี่ปุ๊ก ก่อน

ส่วนผมขอออกตามไปทีหลัง
จนช่วงบ่ายมาถึง บ้านพี่ปุ๊ก ที่ กรีน พยาม





พวกพี่เค้ากะลังนอนหลับพักผ่อนกันอยู่
ผมนั่งคุยกับพี่ปุ๊กแป๊ปนึง
ก่อนจะขอตัวออกไปกินข้าวหน้าหาดซักหน่อย






ร้านที่ผมมานั่งกิน เป็นร้านเดียวกับที่ อิง โอม 
มากินวันแรก เพราะบรรยากาศในวันนั้น มันดีจริงๆ

เลยขอกลับมาชิมรสชาติหน่อย
เป็นเมนูผัดกระเพรา ราคา 80 บาท
แต่วิวอลังการจริงๆนะ ขอบอก 

จากนั้น ผมนั่งต่อ อีก 3 ชม.
ที่ร้านอาหารตามสั่งร้านนั้น

นี่มันอะไรกันวะเนี่ย 5555
นั่งเพลินมากๆ ด้วยความที่บรรยากาศมันดี

ก่อนที่จะกลับไปบ้านพี่ปุ๊ก ช่วง 4 โมงเย็น
ก็เห็นแกนั่งกินเบียร์ กับเจน พี่พร แล้วก็น้าอีกคน

ผมก็เลยได้ไปร่วมวงด้วยอีกคน
และแยกย้ายก็ช่วงประมาณ 5 โมงเย็น








โดยพี่ปุ๊ก เจน ได้พาผมไปเที่ยวต่อ
ที่พยามคอทเทจ รีสอร์ท
เป็นรีสอร์ท หรู ใกล้ๆ หินทะลุ

ทำให้ผมเดินไปถ่ายรูปได้ จากหน้าหาด
และขอเอาคายัคที่รีสอร์ท ออกไปพายย
ชมพระอาทิตย์ตก บริเวณด้านหน้า






ซึ่งสวยงามมาก ในช่วงเวลานั้น







หลังจากที่ผมดูพระอาทิตย์ตกแล้ว

ผมและคนอื่นๆ ก็ออกไปที่งานอีกครั้ง
วันนี้เป็นวันจัดงานวันสุดท้าย

สำหรับการเปิดเกาะพยาม







แต่คืนนี้เหงาหงอย ซึ่งต่างจากคืนแรก

ทำให้ในวันนี้ ผมไม่ได้อยู่จนดึกเหมือนเมื่อคืน
เลือกที่จะกลับไปนอน ชมแสงจันทร์ ยามค่ำคืน

แบบมืดๆ ที่บ้านดีกว่า
โดยมีไอ้พยามอยู่เป็นเพื่อน 
555 กลัวก็กลัว แต่มันคือหมาต๊อง
มันเลยไม่ได้ทำอันตรายอะไรผม

พอมันได้ยินเสียงรถมอไซค์ ผม
มันรีบวิ่งออกมาหา
แต่ในใจก็กลัวนิดๆ 
แต่ป่าวเรยจร้า  มาดมๆ แค่นั้น 
แล้วก็ไปนอนรอเจ้าของมันต่อไป


27.12.20

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะอยู่ที่นี่
ในใจผมคิดว่า เราคงต้องทำอะไรทิ้งไว้บ้างแล้วแหละ

ก็เลยหยิบกระดาษมาวาดรูปในช่วงเช้า
เป็นรูป tropical



แล้วเจนก็เดินมา
ผมเลยถามหาอุปกรณ์ พวกไม้ 
หรือค้อนตะปู สีอะไรพวกนี้

ในที่สุดก็ได้มา แล้วก็เริ่มทำเดี๋ยวนั้นเรย








ผ่านไปครึ่งวัน ได้มาเท่านี้
อาบน้ำอาบท่า ก่อนออกไปกินข้าวเช้า
เป็นอาหารอีสาน ราคาไม่แพง
แถมอร่อยด้วย



แล้วก็ขับต่อไปยังบ้านพี่ปุ๊ก พี่พรเหมือนเดิม
เพิ่มเติมคือ มีนารา และครูอุ๊ อยู่ด้วย


ก่อนที่จะไปนั่งเล่นที่พยามคอนแทค รีสอร์ท
ก็นั่งกินนั่งดื่ม พูดคุย กินดื่ม เคล้าคลอ บรรยากาศกันไป







ก่อนที่จะกลับมาบ้านช่วง 4 โมงเย็น 
เพื่อทำป้ายให้เสร็จ แล้วค่อยไปดูพระอาทิตย์ตกที่อ่าวใหญ่

ซัก 6 โมง พวกพี่พร ก็มาที่บ้าน
แล้วขับกันไปต่อที่ รีสอร์ทพี่ดำ
ที่อยู่ฝั่งอ่าวใหญ่

ที่นี่พระอาทิตย์ตก กะเล่นเซิร์ฟ
ที่นี่ คือ the best 







มีไอ้เจ้าพยาม มาเล่นทะเลที่นี่ด้วย
มันวิ่งตามรถมอเตอร์ไซค์มา
เปลี่ยนบรรยากาศบ้างอะไรบ้าง










แสงในยามเย็นเป็นอะไรที่สวยงามมากที่อ่าวใหญ่



จนมืดค่ำ ประมาณ 2 ทุ่ม ผมกลับมาที่บ้าน 
แล้วก็ขับรถ ออกไปกินก๋วยเตี๋ยวคนเดียว
จน 4 ทุ่มกลับมาอาบน้ำ
กำลังจะนอน เจนโทรตาม
ว่ายังนั่งกินที่บ้านพี่ดำอยู่
จะตามออกมามั๊ย

ด้วยสปิริต ว่าพรุ่งนี้จะกลับแล้ว
ก็เลยออกไป 










เจอสมาชิกครบทีมเรยจร้า
กะลังนั่ง กินกันอย่างหนัก
และเหมือนจะหนักจริง

เพราะพี่ดำไม่ปล่อยใครกลับไปง่ายๆ
แม้แต่แขกอย่างผม 555

แต่ผมอาศัยจังหวะลุกมาเข้าห้องน้ำ 
บิมอไซค์กลับมาบ้าน
เหมือนจะได้นอน แต่ก็ไม่ได้นอน


ประมาณ เที่ยงคืน ผมออกมาจะเข้าห้องน้ำ
เห็นเจน พี่ปุ๊ก พี่พร กลับมานั่งที่บ้านแล้ว
เลยเรียกผมเข้าไปคุย

ครั้งนี้คุยกันอย่างเปิดอกเปิดใจ
พี่ปุ๊กเลี้ยงเบียร์ ไป 3 กระป๋อง

ส่วนการ์ตูน เพิ่งกลับมา
เลี้ยงเบียร์ กินเป็นเพื่อน อีกกระป๋อง
แม่เจ้า จนตี 4 ครึ่ง ถึงได้กลับเข้าไปนอน
แล้วผมต้องตื่น 6 โมงเพื่อ ไปขึ้นเรือ 8 โมง
แม่เจ้าโว้ยย





เช้านี้ ร่างกายอึนสุดๆ
กับการได้นอนแค่ 2 ชม
แต่ก็ต้องตื่นเพื่อกลับฝั่งระนอง

ตอนผมตื่น คนอื่นๆยังไม่มีใครตื่น
ก็ได้แต่เขียนโนีตเอาไว้
ตังก็ยังไม่ได้จ่าย

ไว้โอนจ่ายเอา




นี่คือสิ่งที่ผมทิ้งไว้ที่ tropacal
ยังไม่เสร็จดีเรย 
ให้เจนทำต่อให้เสร็จ



ก่อนกลับแวะมากินข้าวเช้า
ก่อนเอารถไปคืน ที่ท่าเรือ
ท้องฟ้าวันนี้ ดูสดใสจังเลย
ดีจัง







แต่ก็ต้องกลับแล้วสินะ 
8 โมง ครึ่ง ก็ได้เวลา เรือ ออกจากฝั่ง
ประมาณ 40 นาที ก็ถึงบนฝั่ง




เมื่อถึงฝั่งแล้ว
ผมเดินถามทาง ถึงวิธีกลับมาสนามบิน
โดยเดินข้ามฝั่งถนนมา  
เรียกรถโดยสาร
 15  บาท ให้ไปส่ง ยังท่ารถ ที่ไปสนามบิน




เมื่อถึงท่ารถที่ไปสนามบิน 
ก็รอรถออก ประมาณ 10 โมง
ค่ารถ 50 บาท ใช้เวลา 30 นาที ก็ถึง สนามบิน


เดินเข้าไปซื้อตั๋ว ในสนามบิน
ในราคา 300 บาท
แล้วรอเวลา ขึ้นเครื่องกลับ กทม.

ในระหว่างที่เข้าเกตมาได้
ก็ได้โทรกลับหาเจน เพื่อถามเลขบัญชี
โอนเงินค่าห้องและอาหาร ทั้งหมดให้

ถ้าเป็นคนอื่นไม่รู้จะโอนให้แบบนี้มั๊ย
เพราะ ไม่ได้มีการเก็บบัตรประชาชนอะไรไว้เลย
ใช้ความไว้ใจล้วนๆ
ใจแลกใจ ว่างั้นเถอะ







บ๊ายบายระนอง  ไว้จะกลับมาหาอีกครั้ง










Popular Posts

Facebook