ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

ครั้งแรกที่ฮานอย...แต่ไม่นอยด์ แฮะ EP.1


บันทึกการเดินทาง 

ณ วันที่ 19-23.10.19

ฮานอย ประเทศ เวียดนาม

  ทุกครั้งที่การเดินทางเริ่มต้นขึ้น นั่นทำให้สารแห่งความสุขเริ่มหลั่งอีกครั้ง ครั้งนี้ ก็เช่นกัน เราได้ทำการจองตั๋วบิน กรุงเทพ-ฮานอย เป็นครั้งที่ 2   เนื่องจากครั้งแรกเราจองไว้เมื่อปี 2018 แต่ไม่ได้ไป ทิ้งเงินไปฟรีๆเกือบ3พันบาท แต่ครั้งนี้เราจะไม่พลาด  โดยแพลนของเราคือ เรามีเวลา 5 วันเต็ม เราจะไปซาปาและฮานอย และแว๊บไปฮาลองบก อีกซักวัน ที่เมืองนิญบินห์  เท่ากับเราไป 3 เมืองในเวลา 5 วัน โอ้ มายกอต  เอาล่ะ เข้าเรื่องการเดินทางกันเลยดีกว่า



  ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย จะสรุปท้ายทริปละกันครับ  เราออกเดินทาง กันแต่เช้ามืด ออกจากบ้านกันตั้งแต่ ตี 4 เพื่อไม่ให้พลาด ไหนจะต้องเอารถไปจอดสนามบิน ไปโหลดกระเป๋า เผื่อเวลาไว้หน่อย น่าจะดีกว่า เมื่อมาถึงสนามบิน เราก็เข้าไปโหลดกระเป๋า เช้คอิน แล้วเตรียมตัวเข้าเกต


เมื่อเข้ามารอภายในเกต ก็กินข้าวเหนียวหมูปิ้ง ที่ซื้อมา เอาออกมากิน รองท้องไว้ก่อน ก่อนที่จะไปถึงฮานอย ในช่วงเวลา 8 โมงเช้า ที่นู่น  เวลาที่เมืองไทย กะฮานอย ใช้ไทม์โซนเดียวกัน จึงไม่ต้องปรับเวลา 



จนเรามาถึงสนามบิน นอย ไบ คนโล่งมาก ผ่าน ตม.อย่างง่ายดาย  เราก็ออกมารับซิม ที่จองมาจากในเว็บ  เราใช้บริการเอเจนซี่ KLOOK ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้  คือซื้อในราคาที่ถูกกว่าความจริง ไม่รู้ว่าเขาทำได้ยังไงเหมือนกัน  เราซื้อซิมในเว็บในราคา 150 บาทเท่านั้น แต่ถ้าจะมาซื้อที่นี่ก็ได้ แต่ราคาอาจจะอยู่ที่ 300 บาท 




เอาล่ะ พอเรารับซิมเสร็จ ให้เค้าเปลี่ยนให้ สัญญาณอินเตอร์เน็ตดีแรงมาก ใช้ได้ 7 วัน เน็ตอันลิมิต เน็ตเต็มสปีด ให้ใช้วันละ 2 GB  ใช้ครบเน็ตจะปรับสปีดลงเหลือ 256kb     7 วัน ก็ 14 GB  ข้อดีคือ  เราจมีเน็ตแรงใช้ทุกวัน  ข้อเสียคือ ให้วันละ 2 GB เท่านั้น  เอาล่ะ เราออกจากสนามบิน เลี้ยวซ้ายไปรอขึ้นรถเมล์สาย 86 เพื่อเข้าตัวเมือง






เราขึ้นรถเมล์สาย 86 ในราคา 30,000 ดอง ใช้เวลา เกือบชั่วโมง กว่าจะถึงตัวเมือง แอร์เย็นดี มีไวไฟฟรีในรถให้เล่น เราก็บอกคนขายตั๋วว่าเราจะลงตรง ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม เค้าก็โอเค เข้าใจ  พอถึงที่ เค้าก็เรียกให้เราลง บริการดีจริง






จากนั้น เราต้องเดินไปทะเลสาบ เพื่อข้ามไปที่พัก ต้องเดินอีกประมาณ กิโลกว่า เราก็เหมือนได้เดินชมเมืองไปในตัว   ค่อนข้างวุ่นวาย แออัด  เหมือนในรูปที่เราเห็นตามเพจต่างๆ แต่ฝุ่นค่อนข้างเยอะ 

เราเดินกันไปจนถึงที่พัก เลยฝากกระเป๋าไว้ เพราะยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน แล้วก็เลยเดินออกมาหาของกิน มาเจอเฝอข้างทาง แบบโลคอลเลยนะ ชามละ 30000 ดอง เลยลองสั่งมาดู ให้มาเยอะมากกก กินไม่หมดเลย แต่ไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่   มื้อแรก ก็local เลยนะ ต่างจากเฝอที่กินที่ลาว













กินเสร็จก็ไปเดินเล่นแถวทะเลสาบ แถวนี้ร่มรื่นมาก มีกิจกรรมจัดรอบทะเลสาบบ่อยๆ  แล้ววันที่ผมมา มีจัดกิจกรรมของ RED BULL มวยเวียดนาม ต่อยกับ เกาหลี   คือ ที่เมืองนี้เราจะเห็นเกาหลี มาเยอะมาก เพิ่งมารู้ทีหลังว่า เกาหลีและเวียดนาม มีสัมพันธ์อันดีต่อกัน   เหมือนไทยกับจีน ไทยกับญี่ปุ่น ไทยกับรัสเซียประมาณนี้ 









หลังจากนั้นได้แวะขึ้นไปกินเบียร์บนตึก ตรง old quater ตรงนี้ฮิตมาก  แต่ราคาก็แพงมากเช่นกัน  เราสั่ง bun cha มากิน เค้าว่าขึ้นชื่อเรื่องความอร่อย  กับหมูทอดหมักเบียร์  มากิน  อร่อยนะ แต่รสออกจืดไปหน่อย  เช็คบิลมา มีค่าเซอร์วิส มีแวทอีก รวมกันปาไป 4 แสนกว่าดอง  มื้อเดียว ใช้เงินอย่างกับราชา














หลังจากนั่งจิบเบียร์ข้างบน ลงมาข้างล่าง มาซื้อเบียร์จากมินิมาร์ท ไปนั่งกินตรงทะเลสาบอีก นั่งจิบไป ชมวิวไป เบียร์หมด ก็ไปซื้อตั๋วเที่ยวในปราสาทกลางแม่น้ำ ของฮานอยกันดีกว่า สะพานนี้ที่เคยใช้ถ่ายหนัง ฮอยอันฉันรักเธอ แต่สะพานดันมาอยู่ที่ฮานอย 5555+ จ่ายค่าตั๋วไปอีก 30000ดอง แต่พอเข้าไปด้านใน ก็เป็นวัดเฉยๆ วัดจีนเก่าๆ ต้องศึกษาประวัติศาสตร์มาบ้างถึงจะอิน  โดยรวมถือว่า ไม่มีอะไร
5555 








18.30 น.
หลังออกจากวัด ก็เดินกลับไปเชคอินที่พัก แล้วก็อาบน้ำ นอนพักผ่อนเอาแรง ตื่นมาอีกที หกโมงครึ่งละ เลยลุกออกไปสำรวจฮานอย ในยามค่ำคืนกันอีกหน่อย แน่นอนว่าเรา เดินไปกินร้าน BUN CHA ชื่อดังของที่นี่ ร้านมีกี่ชั้นไม่รู้ แต่ได้นั่งชั้น 3 อ่ะ  คือคนเยอะมาก แต่พอสั่งมากิน เออ อร่อยดีว่ะ ให้เยอะด้วย
หน้าตาคือหมูย่างแช่น้ำซุปหอมๆหวานๆ เค็มๆ กินกับเส้นขนมจีน แล้วก็ผัก อร่อยมากก พอเชคบิล จ่ายไปอีก แสนสอง แต่อิ่มแปล้ 











หลังจากนั้นเดินออกจากร้านกลับไปที่ old quater ที่เดิม แล้วไปเดิน walking street   เดินดูของขาย ซึ่งไม่ต่างจากบ้านเรา ของขายเหมือนๆกันแต่ราคาอาจถูกกว่าหน่อย  เมื่อเดินเสร็จ เราจึงเดินไปย่าน TA HIEN ย่านนี้เป็นที่รู้ดี ว่ามันคือแหล่งแฮงค์เอาท์วัยรุ่นเวียดนาม คือร้านแม่งโคตรเยอะ คนก็โคตรเยอะ คือครึกครื้น นั่นแหละ ถ้ามาเที่ยวฮานอย ต้องห้ามพลาดที่นี่เลย ยามค่ำคืน









เราได้สั่งเบียร์มา 2 ขวด นั่งจิบไปซักพัก เข้าใจละว่าทำไม เก้าอี้กะโต๊ะต้องตัวเล็ก  เพราะตำรวจมา จะได้มูฟได้ง่าย และเร็ว คือประมาณว่า ตั้งโต๊ะล้ำเส้นออกมา พอตำรวจมาตรวจก็เก็บ พอไปแล้วก็เอามาตั้งใหม่  เป็นอย่างนี้อยู่ 2-3 รอบ นั่งดูก็เพลินๆดี
















หลังจากนั้นได้เวลาเดินกลับที่พัก แวะซื้อน้ำอาหารที่เซเว่น เพื่อที่จะไปทัวร์ฮาลองบกในวันพรุ่งนี้ หลังจากนั้นก็เข้าห้องอาบน้ำนอน  ลืมบอกว่าเราพักกันที่โรงแรม the first hostel ราคา คืนละ 80 กว่าบาท แล้วพรุ่งนี้จะมีทัวร์มารับเรา เช่นเดิม เราจองผ่าน KLOOK เหมือนเดิม เป็นช่วงโปร ลดราคา เหลือ 850 บาท พรุ่งนี้เขาจะมารับเราแต่เช้าที่โรงแรม จนถึงค่ำก็กลับมาส่งโรงแรม 









20.10.19







   เช้าวันต่อมา ล้างหน้าแปรงฟัน เก็บของ เชคเอาท์แล้วฝากกระเป๋าไว้ แล้วนั่งกินอาหารเช้าของโรงแรม เพื่อรอให้ทัวร์มารับ ทัวร์ส่งอีเมลมาบอกว่า จะมารับเรา 8 โมง ให้มารอหน้าโรงแรมได้เลย  พอถึงเวลา ก็มารับจริงๆ  จากนั้น ชีวิตเราก็เหมือนฝากไว้กับทัวร์ 









รถบัสเริ่มตระเวนรับคนในฮานอยจนครบ แล้วก็มุ่งสู่ นิญ บิญ ใช้เวลาประมาณ เกือบ 3 ชม. แต่มีแวะให้เข้าห้องน้ำแล้วก็ซื้อของระหว่างทาง 20 นาที  ไกด์พูดภาษาอังกฤษได้ดี ชื่อทอม เป็นชาวเวียดนาม  เอ็นเตอร์เทนดี ยังหนุ่มอยู่ใจดี ยืดหยุ่น  เราเริ่มมาถึงที่เที่ยวแรก คือวัด ฮวา ลือ เป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาาสตร์ของเวียดนาม เกี่ยวกับกษัตริย์สมัยก่อน








เอาจริงๆเหมาะกับคนที่ชอบประวัติศาสตร์จะอินมากกว่า ส่วนผมน่ะหรอ ถ่ายรูปสิครับ เก็บไว้เป็นที่ระลึก จากนั้นไกด์ก็พาเราเดินชมจนรอบวัด ที่นี่ถ้ามาเองก็ต้องซื้อตั๋วเข้าด้านในอยู่ดี แต่ไม่ทราบว่าคนละเท่าไหร่  เราอยู่กันที่วัดนี้ประมาณ 2 ชม. 

















จากนั้น เราก็ขึ้นรถบัสต่อ ไปกินข้าวกลางวันกัน ทัวร์นี้รวมค่าอาหารกลางวันไปแล้ว เป็นแบบบุฟเฟต์ ซึ่งเยอะมาก อาหารหลากหลายดีมาก แต่ไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่  แต่โดยรวมถือว่าคุ้มค่า หลังจากกินข้าวเสร็จ ขึ้นรถบัสไปกันต่อ อีกครึ่ง ชม. ก็มาจอดที่ TAM COC แล้วให้เราเข้าไปเลือกจักรยาน ไกด์ก็พาเราปั่นไปดูพระราชวังที่ไหนซักที่ ซึ่งระหว่างทาง วิวดีสัส







ระยะทางประมาณ 2-3 กิโลได้ กว่าจะมาถึงวัง แต่ไม่เหนื่อยเท่าไหร่ ลมเย็นสบาย จากนั้นก็กลับทางเดิม เอาจักรยานไปเก็บ แล้วก็เตรียมตัวลงเรือ ตอนนั้้นเวลาก็บ่าย 3 ครึ่งละ 2 คน ต่อ 1 ลำ  มีคนพายให้  ต้องบอกก่อนว่าพายไปไกลมาก ไม่รู้ว่ากี่กิโล แต่ใช้เวลา 1 ชม. ในการพายไปจนสุด แล้วพายกลับอีก 1 ชม.  รวมเวลาการนั่งเรือ 2 ชม.











แต่วิวระหว่างทางดีมากๆ มีภูเขาหินปูนเยอะแยะไปหมด แล้วชิลมากอ่ะ พอเย็นๆก็เริ่มไม่ร้อนละ โดยรวมโคตรดี ให้ทิป ไป 50000 ดอง  แถมระหว่างพายไปเจอแม่ค้าขายของบนเรือ ซื้อเบียร์มาอีก 1 กระป๋อง มาจิบ แต่ราคาแพงมหาโหดกระป๋องละ 40000 โคตรแพง 





หลังจากขึ้นฝั่ง ก็เตรียมตัวกลับฮานอยอีก 3 ชม. เบ็ดเสร็จถึงฮานอย ทุ่มครึ่ง ให้ทิปไกด์อีก 50000 ดอง หลังจากนั้น เดินไปกิน BUN CHA ร้านเดิม เพราะอยากกินอีก 555+ แล้วเดินกลับที่พักไปเอากระเป๋า แล้วเตรียมเดินไป ท่ารถ SAPA EXPRESS  เพราะจองผ่านเว็บไซต์ 12go เอาไว้แล้ว เป็นรถนอนไปซาปา รอบ 4 ทุ่ม     3ทุ่มเราเดินไปที่ท่ารถ ซึ่งอยู่แถวๆทะเลสาป ร้านเล็กมากเกือบหาไม่เจอ





ไปบอกชื่อเขา เขาก็บอกให้นั่งรอด้านหน้า ซัก 3ทุ่่มครึ่ง ก็มีรถมารับ แล้วก็ออกเลย เพราะคนครบแล้ว ออกก่อนเวลาอีก  รถนอนเขาดีมากเลย คือนอนหลับอ่ะ แต่รถบัสขับเร็วมาก มาถึงที่ซาปาประมาณ ตี3 จากนั้นคนขับจอดให้นอนต่อจนเช้า แต่เราตื่นประมาณ 6 โมงเช้า เลยออกไปเข้าห้องน้ำ




แล้วเรื่องราวที่ซาปาก็เริ่มขึ้น
อ่านต่อ ที่ EP.2 ครับผม

Popular Posts

Facebook