ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

3 วัน 2 เมือง ยุโรปแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ "ดานัง" มาเมื่อไหร่ก็ปัง !! EP.1


สวัสดีทุกคน  ครั้งนี้เรากลับมาเที่ยวเมืองมรดกโลกใกล้บ้านเรากันอีกแล้วว
โดยครั้งนี้เราแพลนกัน 3 วัน 2 คืน ตั๋วเครื่องไปกลับดานัง อยู่ที่ 2,xxx
นี่คือราคาโปร ส่วนใหญ่ที่หาได้กัน อาจจะมีถึง 3,xxx แล้วแต่ความสามารถ
ในการหาตั๋วโปรของแต่ละคน 

โดยวันนี้เราเริ่มต้นกันที่เดิม คือสนามบินดอนเมือง
จะว่าไปปีนี้ปีเดียว ผมมาที่นี่เกือบ 20 flight แล้วนะ 555
จากเคยตื่นเต้น ตอนนี้คือเฉยๆ กับสนามบินไปแล้วว



หลังจากผ่าน ตม. มาได้ เราก็มานั่งกินมาม่ารออยู่ที่เกต
ด้วยความที่ว่าเข้ามาเร็วและกะลังเพลิดเพลินกับโปร ฟรี ของแดรี ควีน
ทำให้ความซวยครั้งแรกมาถึง เมื่อผมลืมดูเวลาขึ้นเครื่อง
ซึ่งเวลาบินของผมคือ 16.40 มัวแต่ไปแลกของฟรี
รู้ตัวอีกที  คือ  เค้าประกาศชื่อ ขึ้นเครื่องรอบสุดท้ายแล้วว
ตอนนั้นผมตกใจสุดขีด เพราะลืมแบบ ลืมสนิท ดีนะที่อยู่ใกล้ๆเกต
มาถึงคือไม่มีใครแล้ว  เค้านั่งบัสไปขึ้นเครื่องกันหมดแล้วว

ส่วนผมต้องนั่งรถตู้รอบสุดท้ายตามไป  เกือบแล้ว ดานัง
เกือบไม่ได้เจอกันแล้วมั๊ยล่ะ  นี่เริ่มตื่นเต้นกันตั้งแต่ขึ้นเครื่องเลยหรอเนี่ยยย




ที่นี่เวียดนาม  ไม่มีการเขียนใบ ตม. อะไรทั้งนั้น มีแค่พาสปอร์ตก็พอ
หลังจากที่นั่งเครื่องมาถึงเวียดนามม  ก็ผ่าน ตม. มาได้เป็นคนแรกๆ
ผ่านเร็วมาก มาถึงก็ปั๊มๆ แล้วก็เข้ามาสู่เวียดนาม แล้วมารับกระเป๋าที่สายพาน


จากนั้นขัั้นต่อไป คือเดินไปซื้อซิมเวียดนาม ในราคา 8 เหรียญ ซื้อในสนามบินนั่นแหละ
แต่ตอนนั้นก็ดันไม่ได้ดูว่าเป็นอันลิมิตรึป่าว ทำให้เรื่องฮาๆจึงเกิดขึ้น
หลังจากซื้อซิม ขั้้นตอนต่อไปคือ แลกเงิน เราเอาเงินเหรียญไปแลกเงินดอง
ซึ่งผมแลกไป90 เหรียญ  และคิดว่าน่าจะเพียงพอสำหรับทริปนี้

หลังจากแลกเงิน เราต้องไปให้ถึงที่พักของเรา ทางที่ดีที่สุดไม่ใช่การเหมาแท็กซี่
แต่ที่นี่มีgrab อยู่รอบเมือง นั่นคือ เราจะใช้ grab car เราเลือก ไปที่ grab คันแรก
ปรากฏว่า เค้ายกเลิก เฉยเลยย  เนื่องจากสื่อสารกันไม่รุเรื่อง
เราก็เริ่มเรียกคันที่2 คราวนี้ เจ้าของรถดูหนุ่มๆหน่อย เหมือนจะมารับนะ คุยไปคุยมา
บอกให้เรากดยกเลิก คำสั่งเฉยเรย 5555  อะไรวะเนี่ยยยย

ไม่อยากมารับแต่บอกให้ตรูกดยกเลิกเนี่ยนะ  แบบนี้ก็ได้หรอ เลยทำให้คิดว่า
หรือเป็นเพราะเราอยู่ในสนามบิน เค้าถึงไม่มารับ เราเลยเดินออกไปรอด้านหน้าสนามบิน
คราวนี้กดเรียก เค้าถามว่าอยู่ไหน เราถ่ายรูปให้ดูเลย เค้าบอกโอเคร
แล้วซักพักเค้าก็มารับ  รอดแล้วเว้ยยยยยยยย !!


จากนั้นเค้าก็ขับ เข้าตัวเมืองไปส่งที่พักตามที่เราจองไว้
คนขับยังวัยรุ่นอยู่เรย ระยะทางประมาณ5 กิโล เสียค่าgrab ไป 37000ดอง
แล้วก็ค่าทางด่วนสั้นๆ อีก 10000 ดอง ตีเป็นเงินไทย ประมาณ70บาท 
ไม่แพงเลยยย แท็กซี่บ้านเราแพงกว่าเยอะๆ  เพราะฉะนั้นแนะนำให้ใช้ Grab car ที่นี่
เลือกได้ด้วยจะเอา4 ที่นั่ง หรือ7 ที่นั่ง


หลังจากลงรถมา ที่พักเราก็เต็มไปด้วยผู้คน เนื่องจากด้านล่างที่พักเป็นร้านกาแฟ
คือนั่งกินแบบจริงจัง จะบอกว่าคนเวียดนามแดกกาแฟตอนกลางคืนนะจ๊ะ
คือร้านกาแฟยามค่ำคืนเต็มไปหมดเลย  ไปทางไหนก็มีแต่คนนั่งกินกาแฟ
แล้วมึึงจะหลับตอนไหนกันวะเนี่ย  แค่นี้ก็ต่างจากบ้านเราแล้วอ่ะ


จากนั้นเดินเอาของขึึ้นไปเก็บ แล้วลงมาเช่ารถมอไซค์ ของโรงแรมนี่แหละ
แล้วก็ยึดพาสปอร์ตผมไป แต่เค้าบอกให้รอประมาณ1 ชม. กว่าจะได้รถ
เราเลยเลือกที่จะออกไปเดินเล่นก่อน แล้วค่อยกลับมาเอารถ

เดินไปเสียงที่ได้ยินตลอดคือเสียงแตร คือบีบแทบจะตลอดเวลา
แค่นึกว่าจะได้ขับมอไซค์ในเวียดนาม นี่แม่งก็เป็นเรื่องที่ตื่นเต้นสำหรับชีวิตแล้วอ่ะ
เพราะที่นี่ จากที่ผมเดานะ คือไม่มีกฎจราจร ประมาณว่าฝ่าฝืนไฟแดงก็ไม่มผิดกฏหมาย
ต่างจากบ้านเรา ที่มีใบสั่ง มีตำรวจตามจุดต่างๆ แต่ที่นี่ไม่มีเลย

มีไฟแดงนะแต่ก็มีฝ่าฝืนกันเยอะมาก บางทีมีกับไม่มีแทบไม่ต่างกันเลย
แต่ที่นี่ มีสิ่งนึงที่เหมือนกันคือ ขับกันไม่เร็ว  นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ชนกัน
แล้วเค้าจะมองแค่ด้านหน้าเท่านั้น จะไม่มีการหันหลังมามองรถด้านหลัง
เพราะฉะนั้น กระจกข้างแม่งแทบไม่จำเป็นเรยสำหรับที่นี่ รถคันหลัง
ต้องระวังรถด้านหน้าเอาเอง ขับจนรู้หลักอ่ะ คิดดู 55555
เวลาผ่านสี่แยก ใครบีบแตรก่อนได้ไปก่อน นี่ก็ทริคอีกเหมือนกัน
เราจะใช้หลักของคนไทยไม่ได้ กับที่นี่ ที่ทางเอกได้ไปก่อน ทางโทต้องรอ
เพราะที่นี่เค้าอยากย้อนศรก็ย้อน อยากเดินชิวๆก็เดิน เดี๋ยวรถหลบเอง
คืออยากทำเหี้ยไรก็ได้ ไม่ผิดกฏ จะว่างี้ก็ได้ 555555  หลังๆผมเริ่มอยู่เป็น
ทำหมดอ่ะย้อนศร เลี้ยวตัดเลน กลับรถในที่ห้ามกลับ ไม่มีอุบัติเหตุสักครั้งเดียว555
โคตรมันส์อ่ะ  จำความรุสึกแรกที่ได้รถมอไซค์ได้เลย  กุนี่บีบแตรก่อนเรย
อัดอั้น อยู่เมืองไทยไม่ได้บีบ  แนะนำใครอยากบีบมาจัดที่นี่เลย
มึงจะบีบตั้แต่ต้นซอยยันท้ายซอยยังไม่มีใครด่าเลยยย 




เอาเข้าเรื่องของเรากันต่อหลังจากเราเดินเล่น เลือกที่จะไปสะพานมังกรที่แรก
ก็สวยดีนะ ความรุสึกคล้ายๆเกาะฮ่องกงเรย 5555
เสพบรรยากาศบ้านเมืองเค้าสักพัก ก็เดินไปหาไรกิน ที่นี่ขายอาหารประเภทก๋วยเตี๋ยวน้ำ
เยอะมาก  เรียกว่าแทบจะทุกหย่อมหญ้า  โดยมื้อแรกผมก็ไม่รุว่ามันคือไร
แต่เค้าบอกว่าเป็นเนื้อปลา ก็เลยลองกินดู  ผักแกล้มนี่มาเป็นกระจาด
คนทที่นี่กินผักกันเป็นชีวิตจิตใจ บ้านเมืองเค้าแทบไม่มีคนอ้วนเรย
เพราะอาหารเน้นไปที่ผักซะส่วนใหญ่  ผู้หญิงที่นี่หุ่นดีมาก หน้าตาน่ารักเลยล่ะ


หลังจากกินเสร็จ ชามนี้โดนไป 25000 ดอง หรือประมาณ 40 บาท
ตอนนี้เดินกลับมาที่โรงแรม มารับรถ สิ่งที่ได้คือมอไซค์เหมือนเวฟ แต่เก่ามาก เก่าโคตร
ราคาเช่าต่อวัน 100000ดอง หรือ 140 บาท ผมนี่จัดเลยย 5555
แต่เพราะมันเก่ามาก แค่เบาก็ดับแล้ว ขนาดเข้าเกียร์ 1 2 3 4 ถ้าเบาเมื่อไหร่คือดับ
แล้วดับตลอดทาง ขับไปดับไป 55555  ดับตรงไหนพีคสุด คือดับ ตรงสี่แยก
ไฟเขียวแล้ว ไฟเขียวแล้ววว  ดับจ้า !!   5555  ไม่ต้องถามเลยว่าเสียงแตรนี่ถาโถมสุดๆ
แล้วดันไปดับอยู่ตรงกลางสี่แยกเนี่ยแม่งเอ้ยยย !! ตอนนั้นไม่สนใจไรละ จะชนก็ชนเถอะ
กุขอสตาร์ทให้ติดก่อน 5555  รอดมาได้ นี่แม่งโคตรสะใจเลยย ชีวิตมีรสชาติ

ลองนึกภาพรถที่จะสวนกัน แต่มีรถกุจอดอยู่ตรงกลาง  เสียงแตรนี่วิ๊งอยู่ในหูเรย
หลุดจากตรงนั้นมาได้ก็ไปปั๊มน้ำมัน  แต่ปิดแล้ว ปั๊มไหนก็ปิด ก็เลยจอดเพราะน้ำมันจะหมดแล้ว
เลยเดินไปถามว่าจะเปิดกี่โมง เค้าไม่คุย 555 เพราะคุยไม่ได้

เลยตัดสินใจเอารถไปคืนที่พักดีกว่า ท่าจะไม่รอดแน่ เพราะ พรุ่งนี้ต้องขับไปบานาฮิลอีก
พอเอาไปคืน เราเลยบอกอาการเค้า แล้วก็ขอเปลี่ยนเป็นแบบออโต้
ซึ่งเค้าเรียกกันว่าสกูตเตอร์  ถ้าเป็นรถมีเกียร์ เค้าจะเรียกว่า bike
อันนี้เป็นความรู้เนาะ เวลาจะเช่ารถเช่าไรก็เรียกให้ถูก



พอได้คันใหม่มา ก็ไม่ใหม่มากนะ ราคาก็อัพขึ้นเป็น 150000 ดองต่อวัน 
เราก็โอเคร ไม่มีปัญหา  แล้วก็ออกไปเที่ยวกันอีกในคืนนั้น
ตามหามินิมาร์ท ไม่เจอจร้า จนจะกลับแล้วถึงเจอ  เราก็เลยแวะเข้าไปดู
แล้วกะว่าจะไปหาร้านนั่งชิว จิบเบียร์  ปรากฎว่ามินิมาร์ทมีโต๊ะหน้าร้านพอดี
เบียร์ก็แสนถูก ก็ซื้อกินตรงนั้นเลย จัดไป3 กระป๋อง ราคา 13000 ดอง
2 กระป๋อง ราคา 15000 อีกกระป๋องนึง เลย์อีก2 ห่อ ห่อละ 15000 ดอง
นั่งจิบไปดูวิถีชีวิตไป  มีวัยรุ่น4คนมานั่งอยู่โต๊ะข้างๆ นั่งล้อมวงทำไรกันรุม่ะ
นั่งเล่นไพ่จร้า เล่นไพ่กันหน้ามินิมาาร์ทโจ่งแจ้งเลยนี่ล่ะ เล่นกินเงินกันแบบจริงจังเรย
ที่นี่ไม่ผิดกฎหมายมั๊ง  นี่แหละความต่าง ที่ทำให้เรายิ้มได้ทุกครั้ง



ตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้วจร้า  พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า ก็เลยกลับที่พักเรยดีกว่า
พอมาถึงที่พัก กดกริ่งเรียกพนักงานให้เปิดประตู เอารถเก็บข้างในด้วย
แล้วก็ขึ้นไปอาบน้ำนอน ค่าที่พักที่นี่ คืนละ 205000 ดอง  ชื่อว่า 5D Coffee
ผมว่าเป็นร้านกาแฟที่ดังที่สุดในย่านนี้แล้ว เพราะมีคนทั้งวันจริงๆ
ตั้งแต่เช้าจนเย็น 





ในวันรุ่งขึ้น ตื่น6โมง ลงมากินข้าวเช้า7โมง ที่นี่มีอาหารเช้าฟรีด้วยนะ
แต่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนน อร่อยมากเป็นขนมปังฝรั่งเศษ ผสมเครื่องเทศของเค้าแล้วก็ผัก
อร่อยมาก แต่สั่งกาแฟต้องเสียเงินเพิ่มนะ  ของผมสั่งโกโก้ร้อนไป
ราคา 22000 ดอง  ไม่แพงเลย นั่งดูเค้าขับรถข้ามแยกกันโคตรเพลินเรยว่ะ 55



จนเกือบๆ 8 โมง ก็ได้เวลาไปบานาฮิลกันแล้ววว  แต่ก่อนอื่่นขอเติมน้ำมันก่อน
เติมน้ำมันไปอีก 80000 ดอง เข้าไปถึงอ่านไม่ออกหรอกน้ำมันอะไรเป็นอะไร
อาศัยเติมตามรถมอไซค์คันหน้าเอา แล้วก็บอก full คำเดียว จบ 5555


จากนั้นจับ จีพีเอส ไปบานาฮิลกันเรย  ระยะทาง20กว่ากิโลเกือบ 30กิโลก็มาถึง
Sun world เราจะต้องซื้อตั๋วจากจุดนี้ ที่นี่จอดรถฟรีนะ  ตั๋วขึ้นราคาเป็น 700000 ดอง แล้วน๊าา
ซื้อตั๋วเสร็จก็เดินไปขึ้นกระเช้ากันเลย  ผมบอกไว้เรยว่าควรจะมาให้เช้ากว่า 9โมง
เพราะทัวร์จีน จะลง 9-10 โมง มิฉะนั้น 5555 ไม่อยากคิด ตอนผมไปถึง 9โมงพอดี
รถทัวร์เริ่มวิ่งเข้ามากัน เราก็รีบขึ้นไปก่อนเรย แต่คนก็ยังเยอะอยู่ดี







กระเช้าก็จะพาเราขึ้นสู่บานาฮิล กระเช้าสูงมาก แล้วก็ยาวมากๆ นั่งนานมาก
20 นาทีได้มั๊ง โดยกระเช้ามี2ต่อ เมื่อมาถึงสถานีแรก คือgloden bridge
หรือสะพานมือนั่นเอง ก็เดินเที่ยวถ่ายรูปไปเรื่อย ฝนก็ดันเทลงมา
หมอกก็มา หมอกจัดมากบนนี้  หลังจากหลบฝนจนรุสึกว่าเริ่มเสียเวลา
ก็เลยหาทางไปขึ้นกระเช้า ฟรี เพื่อขึ้นไปยัง french village พอขึ้นไปด้านบน
หมอกก็ยังลงจัดอยู่ดี 555  แต่ฝนไม่ตกด้านบน  ก็เลยเดินเที่ยวสบายๆ
อากาศด้านบนเย็นมาก ไม่หนาวนะ แต่เย็น อากาศดีสุดๆ น่าจะซัก 22 องศาได้


ก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ อยู่บนนี้เพลินมาก เดินไปถ่ายรูปไป แล้วก็หาจุดที่เป็นเครื่องเล่น
เครื่องเล่นผมแนะนำให้มาเล่นช่วงสายๆ ถ่ายรูปเช้า แล้วค่อยออกไปถ่ายรูปตอนบ่ายอีกที
เครื่องเล่นตอนบ่ายคนจะเยอะมาก เพราะคนจะแห่เข้ามากันเนื่องจากถ่ายรูปเสร็จแล้ว














เครื่องเล่นทุกอย่างฟรีหมดเลย มีการแสดงคล้ายๆดิสนีย์แลนด์ด้วยย
ผมอยู่ในนี้ประมาณ3-4ชม. ได้ ลืมวันลืมคืนเลยล่ะ


ตู้เกมส์ ที่บ้านเราหยอดเหรียญเล่นกัน
มีแทบทุกอย่าง ฟรีหมด บ้านผีสิง ดูหนัง 4D  ก็มี  5D ก็มา ตู้เต้นก็มี
มีเครื่องเล่นทุกชนิดเพลิดเพลินมาก  เข้ามาในนี้มีทั้งหมด 4ชั้น ถ้าจำไม่ผิด
เลือกเอาเรยจะเล่นเครื่องไหน ฟรีทุกเครื่อง  มีปีนหน้าผาจำลองด้วย ฟรี
มีโคสเตอร์เหมือนที่เชียงใหม่ ก็ฟรีเหมือนกัน คิวยาวเกิ๊นนน






เล่นจนหนำใจแล้วดูเวลา 4 โมงเย็นแล้วหรอเนี่ย ควรกลับได้แล้ว
 เพราะเรามีไปฮอยอันกันในคืนนี้  กว่าจะถึงข้างล่างปาเข้า5โมงเย็นแล้ววว
เห็นมีไอติมผัดน่ากินดี จัดไปอีก 30000 ดอง อยู่ด้านบนเราไม่ได้ซื้ออาหารเรย
กินแค่ของเก่าเมื่อเช้าที่กินเหลือ กินแค่นั้นแหละ ยุคประหยัด 555
กลับดานังไปเอากระเป๋า แล้วแวนซ์ไปฮอยอันกัน  กว่าจะถึงดานังก็6โมงเย็นแล้ว
หาซื้ออะไรรองท้องดีกว่า ก็ไปซื้อขนมปังเมื่อเช้านี้แหละ
รองท้องไปก่อน ค่อยไปจัดหนักที่ฮอยอัน  จัดไปอีก 15000 ดอง ค่าหนมปัง
แล้วเราก็เก็บกระเป๋า ไปฮอยอัน เมืองมรดกโลกสีเหลืองมัสตาร์ดสุดคลาสสิคกัน
ติดตามเรื่องราวต่อได้ใน EP.2 นะค้าบบ
































Popular Posts

Facebook