ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

TOKYO : JAPAN EP1.

บันทึกการเดินทาง

ณ วันที่ 8-11.02.20

ประเทศ ญี่ปุ่น



สวัสดีครับผม  กลับมาอีกครั้งกับการเดินทางครั้งใหม่  ครั้งนี้เราจะเดินทางไปประเทศยอดฮิตของคนไทย  นั่นคือประเทศญี่ปุ่น  แน่นอนว่าการไปครั้งแรกของคนส่วนใหญ่ ก็จะไปลงโตเกียวนั่นเอง 

ซึ่งผมก็คงเป็น 1 ในนั้น  โดย ตั๋ว ไป-กลับ นาริตะ ของเรา ราคาเพียง 1800 บาทเท่านั้น
ซึ่งเป็นราคาที่ถูกโคตร

โดยไฟล์ท บินไป เวลา ตี 2 .30 ของเช้าวันที่ 8.02.20
และไฟล์ทกลับ เป็นเวลา 20.15 ของเย็นวันที่ 11.02.20

เอาล่ะเมื่อ Book Flight เรียบร้อย 
ก็ Book โรงแรม  เราได้มาในคืนละ 600 บาท ต่อคน
ซึ่งเป็นราคาที่แพง เพราะพลาดไม่ได้จองตอนมันถูกๆ
ถ้าจองตอนช่วงจังหวะดีๆ จะได้ในราคาเพียง 350 บาทเท่านั้น

ด่านต่อไป คือ ทำตารางเที่ยวในแต่ละวันขึ้นมา
แล้วเอาเวลาไปเช็คใน Hyperdia ซึ่งเป็นเว็บ เช็ครถไฟในญี่ปุ่น
เราสามารถที่จะจองรอบไว้เลยก็ได้

โดย ทางเว็บจะเอาข้อมูลบัตรเครดิตเอาไว้ก่อน
กันคุณ ไม่มาเอาตั๋ว 

และการไปเอาตั๋วรถไฟญี่ปุ่นจะต้องไปรับก่อนอย่างน้อย 1 วัน
เช่นจะไป พรุ่งนี้  วันนี้ต้องไปรับตั๋ว ไปรับพรุ่งนี้ไม่ได้

PASS ที่เราใช้  เลือกให้เหมาะสมกับสถานที่ๆจะไป
ส่วน PASS ของผม คือ TOKYO WIDE PASS  ราคา 10180 เยน
ใช้JR ได้3 วัน
และ SUB WAY 72 HR.

เพราะจุดหมายเราจะไป 4 เมืองในเวลา 4 วัน

วันที่ 1 TOKYO
วันที่ 2 KAWAGUCHUKO อยู่ในจังหวัดยามางาชิ
วันที่ 3 NIKKO
วันที่ 4 GALA YUZAWA จังหวัดนิงาตะ

ถือว่าโปรแกรมโหดเอาเรื่อง

ถ้าไปได้ตามโปรแกรมนี้ จะเสียค่าตั๋วจริงๆ
ประมาณ 2 หมื่นกว่าเยน  ซึ่งคุ้มค่ามาก
กับการใช้พาส ครั้งนี้ของเรา 



เอาล่ะ พูดมาเยอะละ
เข้าเรื่องการเดินทางเลยดีกว่า 

เวลาประมาณ 5 ทุ่มครึ่ง  เราเริ่มต้น
นั่งแท็กซี่ไปสนามบินดอนเมือง 

จากนั้นทำการโหลดกระเป๋า เช็คอิน 
โดยที่ในวันนี้ ไวรัสโคโรนากะลังระบาด
ทำให้ทั่วสนามบินมีแต่คนใส่แมส


เมื่อเราโหลดกระเป๋าเรียบร้อย  ก็ได้เวลาเข้าเกต
ไปรอขึ้นเครื่อง ในเวลา ตี 2 ครึ่ง 
สายการบินแอร์เอเชียเอ็กซ์




เมื่อถึงเวลา ก็ขึ้นเครื่อง 
จากนั้นบินต่อ อีก 6 ชม. เราจะถึงสนามบินนาริตะ
ตามเวลาท้องถิ่นคือ 10 โมงเช้า 
เพราะญี่ปุ่นเร็วกว่าไทย 2 ชม.





จากนั้น  เมื่อถึงสนามบิน ก็ผ่าน ตม.ออกมาได้แบบสบายๆ
จากนั้นไปรับกระเป๋าแล้วเดินออก โดยไม่ได้ผ่านการตรวจใดๆ






เข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา ตอนนั้นยังไม่รู้สึกหนาว
เพราะในสนามบิน เค้าเปิดฮีตเตอร์ แต่พอออกจากสนามบินเท่านั้น
แม่เจ้า  หนาวมาก  
อุณภูมิน่าจะประมาณ 5 องศาได้ แถมมีลม 
ทำให้หนาวขึ้นไปอีก  





ผมรีบเดินไปซื้อตั๋วรถบัสที่ขายอยู่ในสนามบิน
1000 เยน  แล้วบอกเขาว่าจะไปสถานีโตเกียว 







แล้วก็รับตั๋วเดินออกมาคอยรถ ตามเวลาที่ระบุบนตั๋ว 
อธิบายจุดที่ยืนคอยง่ายๆ เมื่อออกจากสนามบิน
เลี้ยวขวา แล้วออกมายืน BUS no 2 
แค่นั้นง่ายๆ  


เมื่อเรามาถึงก็ยืนเข้าแถว แล้วเอาสัมภาระไปเรียง 
เสร็จแล้ว ก็แค่รอรถมารับ เมื่อรถมา โชว์ตั๋ว
ขึ้นรถ  ไม่ระบุที่นั่ง นั่งตรงไหนก็ได้เลยครับ




บนรถมีที่ชาร์จให้ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ก็มาถึงสถานีโตเกียว
มาถึงก็งานเข้าเลย เมื่อตั๋วสัมภาระที่เค้ายื่นให้เก็บไว้
ดันหายไปไหนไม่รู้  ก็บอกเค้าว่าเราทำหาย 
เค้าก็บอกโอเครๆ แล้วก็ยื่นกระเป๋าคืนให้เรา

แล้วเราก็เดินทางกันต่อ โดยเดินเข้าสู่สถานีโตเกียว
ต้องบอกว่าสถานีโตเกียว ใหญ่มาก อาจจะหลงได้เลย 
ป้ายเยอะแยะไปหมด



แล้วเราเพิ่งเข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก เราก็หาที่ขายตั๋ว 
คือเราเจอห้องไหนเขียนว่า ticket เราก็จะเข้าไปปซื้อพาสเลย
แต่ความจริงคือ  เราต้องไปที่จุดขายพาสให้กับนักท่องเที่ยว

ส่วนไอ้ที่ผมเดินเข้าไป คือจุดขายตั๋วโดยสารธรรมดา เป็นรอบๆ

ก็เลยถามเค้าว่าจุดขายอยู่ที่ไหน เค้าก็บอกร้านเรามา 
ก็เดินไปตามตำแหน่งที่เค้าบอก  ในที่สุดก็เจอ
พอเราเจอก็เดินเข้าไปซื้อพาส แล้วก็ให้เค้าบุ๊คตั๋ว
ชินคันเซนและ JR ให้กับเราเลย



ก็จ่ายไปในราคา 10,180 เยน  ซื้อเสร็จ ก็ถามเค้าว่า
เราจะซื้อ บัตร SUBWAY จากที่่นี่ได้เลยมั๊ย
เค้าก็เอาแผนที่ แล้วเขียนทางไปจุดขายบัตร SUBWAY ให้
เราก็ไปตามทางที่เค้าบอกในแผนที่
ก็เจอจริงๆ

ซื้อบัตร subway  72 hr. อีก 1500 เยน
ก็เป็นอันเสร็จสิ้น  ได้เวลาไปเช็คอินที่พักกันแล้ว

ต่อรถไฟใต้ดิน ไปแล้วไปเปลี่ยนเป็นสาย GINZA 
จากนั้นต่อไปยัง G18 ที่นี่จะเป็นสถานีที่ใกล้ที่พักเรา



ก็เดินไปอีกประมาณ 400 เมตร ก็ถึง 
จากนั้นก็ทำการเช็คอิน โรงแรม
เราพักกันที่ TOKYO W INN 
จ่ายไป 6500 เยน









แล้วก็เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บ
แล้วรีบเดินออกไปวัด อาซากุสะ
ระหว่างเดินก็ดูร้านข้าวไปด้วย 
เมื่อถึงบริเวณหน้าวัดแล้ว ก็ต้องอุทาน
ด้วยจำนวนคนที่มหาศาลจริงๆ





















แต่เราก็ยังไม่ยอมแพ้ เบียดเสียดกัน
จนเข้าไปถึงบริเวณด้าในหน้าวัดจนได้
จะมีจุดวางธูป ที่คนพยายามไปควักเอาควันเข้าหาตัว
แล้วก็ยังมีบ่อน้ำ ที่ทุกคนไปตักเอาน้ำมาบ้วนปากล้างหน้าอีก


















เราเดินไปดูโซนขายของสตรีทฟู๊ด 
ย่านถนนคนเดินบ้าง ก็มีของกินเล่นขาย
แต่ราคาสูงอยู่นะ  เดินเล่นไปเดินเล่นมา
ไปเจอร้านข้าวหน้าหมู ราคา380 เยน สั่งนู่น เพิ่มนี่ สรุปมื้อนี้ 1500 เยนจร้า

















บรรยากาศร้านก็ญี่ปุ่นแท้ๆ มีน้ำรินให้
มีเบียร์ขาย  แต่ผมซื้อจากซุปเปอร์มาเก็ตมาแล้ว 555
เป็นเบียร์ ยี่ห้อ ซัปโปโร ราคาถูกมาก แค่ 138 เยน



ออกมาจากร้านก็ไปเดินที่ร้าานดองกี้ แล้วก็หาซื้อเบนโตะ
แถวนั้น เพราะราคาถูก เอาไว้กินตอนเช้าบนรถไฟ


จากนั้นผมดูเวลาเพิ่งจะ6โมงเย็น ก็เลยเดินกลับที่พักท่ามกลาง
ความหนาวเย็น และลมที่พัดมาก็ทำให้ขนลุกซู่
เอาของไปเก็บ แล้วนอนเล่น 

เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นมาอีกที เกือบ 3 ทุ่ม
รีบลุกจากที่นอนออกไป BAR ที่ตั้งใจจะมาซะหน่อย

ไปขึ้นรถไฟใต้ดิน จากสถานี G18 ไป G08


อยู่ที่ย่าน GINZA ชื่อร้าน GINZA 300 BAR 
คือเมนูทุกอย่างในร้าน 300 เยนหมด  รวมถึงเบียร์สดด้วย

แต่คนเยอะมาก เป็นชาวญี่ปุ่นล้วนๆ แทบไม่มีต่างชาติมาเลย
แต่ถือว่าเป็นบาร์ที่ราคาถูกกว่าร้านอื่นๆแน่นอน


แต่บัตรซื้อขั้นต่ำทีละ 3 ใบ ใบละ 300 เยน
ซัดไปคนเดียว 3 ใบเลยจร้า เบียร์สดและเบียร์ขวด

แต่ในร้านเหม็นควันบุหรี่อยู่ 
เราอยูในร้านประมาณ 1 ชม. ก็เลยขอตัวกลับ
แถมบัตรเหลือ อีก 2 ใบ ก็เลยกะว่าจะมาวันพรุ่งนี้อีกวัน

ขากลับก็กลับแบบเดิม ทางเดิม ใช้บัตร SUBWAY ผ่านตลอด
เมื่อเดินกลับที่พัก ก็แวะแฟมิลี่มาร์ทเข้าไปซื้อข้าวปั้น 
ไว้กินระหว่างวัน ในวันพรุ่งนี้


จากนั้นก็เข้าที่พัก อาบน้ำนอน 
พักผ่อน เพื่อเที่ยวต่อในวันพรุ่งนี้
และนี่ก็เป็นเพียงวันแรกในประเทศ ญี่ปุ่นเท่านั้น




Popular Posts

Facebook