บันทึกการเดินทาง 790 KM เส้นทางเชียงใหม่-ปาย-เชียงราย EP.2
01.01.19
เริ่มศักราชใหม่ ด้วยเช้าวันแรกของปี
แหม่ มันก็ธรรมดาแต่ก็รู้สึกพิเศษแปลกๆ วันนี้อากาศเริ่มไม่เย็นละ ก็เรยตัดสินใจไปแจ้ซ้อน
สำหรับเช้าวันแรกของปีใหม่ ไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปกัน
และวันนี้ก็ต้องเก็บของเช็คเอาท์ เพื่อไปเช็คอินอีกที่ ที่ประจำของเรา Jao hostel นั่นเอง
เราเช็คเอาท์ประมาณ 10 โมง แล้วก็ไปเช็คอิน ฝากของที่ Jao ไว้เรยย คุยกับพี่เค้าแป๊ปนึง
เราก็ออกไปหาไรกินกัน ที่Jao ห้องพัก คืนละ 250 บาท นะครับ ฝากของไว้
แล้วเดี๋ยวตอนเย็น ค่อยเอาของขวัญไปให้น้องที่อยุ่เชียงใหม่จร้า
แต่ตอนนี้ เราต้องไปก่อน ค่อยกลับมาใหม่ตอนเย็น แต่ก่อนอื่น ขอถ่ายห้องเก่าให้ดูก่อน
ห้องที่ Full stop
ราคา 150 ก็จะมีกาแฟ ขนมปังให้กินทั้งวันนะครับ มีไมโครเวฟ ตู้เย็น ทีวีส่วนกลาง
โซฟา เอาเข้าจริง ก็คุ้มค่าอยู่นะ กับค่าเงินที่เสียไป แต่ไม่ค่อยได้ใช้หรอก
เอาเวลาไปอยู่ข้างนอกหมด 555
ไปต่อกันดีกว่าาา ออกไปหาไรกินกันนน
ตุนเสบียงกัน ข้าวเหนียวปิ้ง 5 บาท จัดตุนไว้ก่อนนน แล้วเราไปหาไรร้อนๆกินกัน
เนื่องจากเมื่อคืนจัดเบียร์ไป ค่อนข้างเยอะ แถวๆไนท์บาร์ซ่า มีร้านอร่อยอยู่
หลังจากกินเสร็จก็ได้เวลาลุย เราจะไปแจ้ซ้อนกัน บางคนที่สงสัยว่าอยู่ตรงไหน
แจ้ซ้อนอยู่ลำปางนะครับผม แต่สามารถไปทางบ้านแม่กำปองได้
ซึ่งเราก็จะไปกันทางนั้น ระยะทางประมาณ 50 กิโล ถึงแม่กำปอง
70-80 กิโลเมตร ถึง แจ้ซ้อนน แต่ในระหว่างที่ขับไปจนใกล้ถึงแม่กำปอง
มันเริ่มเข้าป่า ตอนนั้นอากาศเย็นมาก เรยคิดว่าคงไปในอากาศแบบนี้ไม่ถึงแน่
ก็เรยว่าจะแวะน้ำตกแถวนั้น ซึ่งพอเข้ามาเรื่อยๆ
ก็เริ่มเปลี่ยวลงๆ จนในที่สุดเราก็มาถึง เข้ามาลึกเป็น 10 กิโล
ไม่มีใครเรย แล้วมันก็เปลี่ยวมากจนน่ากลัว จนไม่กล้าที่จะลงไปต่อข้างล่าง
ที่น้ำตก แต่ไหนๆก็มาแล้ว
ลองลงไปดูหน่อยยย
แล้วขึ้นไปทางเชียงรายดีกว่า ไปขุนแจ แล้วก็ไปสุดที่น้ำพุร้อนแม่ขะจานกัน
แต่ก่อนจะไปถึงขุนแจ แวะพักที่อุทยานแม่ตะไคร้กันก่อน พักชิวๆ เอาเท้าจุ่มน้ำ
ชิลๆ ริมแม่น้ำกัน โดยมื้อนี้เราสั่งกระเพราไข่ดาวมากิน แหม่ ฟินไปเรย
กินข้าวเสร็จจเราก็ไปหาเดินเล่น ในอุทยานกันเถอะ
อากาศชิลๆแบบนี้ น่าจะมีวันหยุดสัก 2-3 เดือน จะพักผ่อนให้หนำใจกันเรยทีเดียว
ไปกันต่อ มุ่งหน้าสู่เชียงราย
แต่ทางที่ทำนี่โคตรเป็นอุปสรรคสำหรับวันนี้เรยย เพราะมันทำทางยาว ประมาณ 30 กิโลได้
เราจะต้องดมฝุ่นไปตลอดทางงง กับโคลน แล้วก็ทางที่แม่งโคตรขรุขระ
แล้วรถก็ติดสิครับ ก็วันนี้คนเริ่มเดินทางกลับกันแล้วว
แต่ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึง
เมื่อเรามุ่งมั่นทำอะไรแล้วก็ควร จะต้องไปให้ถึง
ที่นี่ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติด้วย แต่เย็นเกินไป เรายังไปไม่ถึงน้ำพุร้อนแม่ขจานเรยย
แล้วก็น้ำมันก็กำลังจะหมด ยังหาปั๊มเติมไม่ได้เรยย
คงได้เติมตู้หยอดเหรียญแทนแน่ๆ
แถวๆ น้ำพุร้อนนี่แหละ ปัญหาคือ มีเงินติดตัวอยู่ 60 บาท
ตู้กดเงิน 2 ตู้ ที่อยู่ตรงน้ำพุร้อน พังหมด สรุป เติม 40 บาท
เหลือ 20 บาท 5555+
พอมาถึง น้ำพุร้อน ก็มีแค่นี้อย่างที่เห็น ส่วนปราสาทนี้กลับร้างเฉยเรยย
คือกะว่าจะมาเดินเที่ยวในปราสาทนี้แหละ อะไรวะเนี่ยยยย
ถ้าใครรู้ว่าทำไมถึงร้างช่วยบอกหน่อยนะ อันนี้ไม่รู้จริงๆ ได้แต่จอดถ่ายรูปอยู่ด้านนอก
ตอนนี้ก็คงทำไรไม่ได้นอกจากกลับไปที่ตัวเชียงใหม่จร้า
แล้วก็ต้องไปเจอกับทางที่ทำอีก 30 กว่าโล เรยกัดฟันขับกลับอยย่างไวเรยจร้า
ใช้เวลาแค่ ชม. ครึ่ง ก็มาถึงตัวเมืองเชียงใหม่แล้วจร้า
ผมว่าถูกที่สุดในเชียงใหม่ บริการดีด้วย พูดเพราะ ให้เกรียติลูกค้า แล้วก็ขายมานานมากแล้ว
พิกัด อยู่ตรง ถนนประตูท่าแพครับ
นั่งจิบเบียร์กึ่มๆ นัดไปเจอกันที่นิมมาน ที่ต๋องเต็มโต๊ะ จจร้าาา
อารมณ์ ด้านในเหมือนห้างเปิด มีสไตล์ น่าเที่ยวมากยามค่ำคืน อากาศเย็นๆ
จิบเบียร์เพลินๆ น่าจะฟินน่าดู แต่สุดท้าย งานเลี้ยง ย่อมมีวันเลิกลา
และในค่ำคืนนี้ก็ร่ำลากันไปด้วย ห้างสุดชิล ยามค่ำคืนแรกของปี 2019
02.01.19
หลังจากเมื่อคืนได้นอนหลับพักผ่อนค่อนข้างเร็ว เนื่องจากเพลียจากการเดินทาง
เกือบทั้งวันน วันนี้ก็เรยขอตื่นสายนิดหน่อยย เพราะวันนี้ไม่มีแพลนไปไหนเรยยย
คิดไม่ออก 555
โดยเริ่มต้นวันแรกของเรากันด้วย ข้าวซอย เนื่องจากข้าวซอยนิมมานนั้น คนล้นทะลักมากๆ
ทำให้เราได้มากินข้าวซอยไก่ ที่ไม่เลี่ยน แต่ราคาแพงใช้ได้ ที่เห็นนี่คือราคา 70 บาท
เป็นเส้นกรอบผสม ที่นี่คือข้าวซอยสุธาสินี มาหากินกันได้นะ อร่อยดี
หลังจากกินเสร็จ ก็ไปหาถ่ายรูปวัด เพราะวัดในเชียงใหม่ โคตรเยอะ
ก็เลยลองไปหาวัดในซอกในหลืบ ลองถ่ายดู
สุดท้ายเริ่มเบื่อวัด ก็เรยลองเปลี่ยนหาที่ไปดู นึกขึ้นได้ว่ามันมีที่ศึกษาธรรมชาติอยู่ที่นึง
ตรงทางขึ้นดอยสุเทพ แต่เป็นด้านหลังของสวนสัตว์นะ หลัง มช. นั่นแหละ
ก็เลยลองไปหาดู
ก็อย่างที่คาดไว้ ไม่มีคนไทยมาเรย คือมีแต่ฝรั่ง ที่มาเดิน
เพราะคนไทยคงจะไม่ชอบแนวนนี้ แต่นี่แหละคือแนวของผมเรยยย
เตรียมน้ำให้พร้อม เราจะเข้าป่ากัน ประมาณ 2 กิโล
ไปให้ถึงวัดผาลาด จริงๆวัดผาลาดสามารถเอารถไปได้โดยขึ้นทางดอยสุเทพนั่นแหละ
แต่มันไม่เห็น ไม่ได้สัมผัสธรรมชาติอย่างแท้จริง เราก็เรยมาจอดรถแล้วเดินขึ้นไปแทน
เดินขึ้นมาไม่ถึง 1 ชม. ก็ถึง ไม่เหนื่อยมาก ไม่ชันมาก วัดก็อยู่ในป่า
ธรรมชาติอย่างที่เห็นเรย
เป็นวัดที่คนมาเที่ยวบ้างประปราย แต่ชอบตรงที่อยู่ในป่าจริงๆ
เงียบสงบมากๆ เหมาะสำหรับมานั่งสมาธิในนี้เรยย
หลังจากเดินสำรวจ ถ่ายรูป ไหว้พระ เสร็จแล้ว ก็ได้เวลาเดินลง ใช้เวลาไม่นานเรย
แป๊ปเดียว เดินเพลินๆก็ถึงด้านล่างแล้ว
จากนี้จะไปไหนกันต่อดีหว่าาา คิดสิ คิด
ไม่มีที่ไปก็ไปตายอยู่ที่ท่าแพ นี่แหละ หาไรกินยามบ่ายกันดีกว่า
แถวนั้นจะมีร้านแมคอยู่ อยู่ในช่วงโปรก็เรยเขข้าไปจัดอีกสักมื้อ
ราคา 59 บาท ก็ได้เซ็ตนี้มา ถูกจริง
กินเสร็จ ตอนนั้น ก็ 4 โมงเย็นละ เรยเดินไปถ่ายรูป ที่ประตูท่าแพกันดีกว่า
เบื่อๆ ละ
พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าแล้วววว เราก็จะกลับที่พักไปอาบน้ำ
แต่พอใกล้ถึง ก็มาเห็นแสงแบบนี้ ตรงขัวเหล็ก
ช่างโรแมนติกจริงงง ตอนนี้เราเอารถไปจอดไว้ที่เซเว่นแล้วเดินไป ตรงถนนไนท์บาร์ซ่า
ไปเดินเล่นกัน
เดินเล่นไปเรื่อยๆ ได้กางเกงมา 1 ตัว เป็นย่านที่ฝรั่งต้องมาเดินกันเรยที่นี่
แต่จะบอกว่ามีสถานที่ชิลเอาท์แห่งใหม่ อยู่ตรงแถวๆ ไนท์บาร์ซ่านั่นแหละ
ชื่อว่า เพลินฤดี ต้องบอกว่า โคตรดี ด้านในมีของกินขาย มีที่นั่งฟรี เยอะมาก
นั่งตรงไหนก็ได้ มีดนตรีสดฟรี มีการแสดงอีก โห่ โคตรดีอ่ะ
ผมนี่หามุมไปนั่งบนดาดฟ้า จิบเบียร์ชิลๆเรย อากาศเย็นๆแบบนี้
ชิลมากจริงๆที่นี่ แนะนำๆ 5 ดาวเรยที่นี่ ยามค่ำคืน ต้องมา
ดนตรีที่นี่ก็โอเครมาก เล่นเพราะมาก เล่นแต่สากล
เพราะมีแต่ฝรั่ง แล้วก็มีโชว์มวยไทย โชว์อื่นๆอีกเพียบเรย
ชอบอ่ะ หลังจากดื่มด่ำ กับบรรยากาศ จนดึกดื่น ก็คงถึงเวลาต้องกลับแล้วสินะ
และคืนนี้ เป็นคืนสุดท้าย ที่เราจะได้อยู่ที่นี่
พรุ่งนี้วันสุดท้ายค่อยว่ากันใหม่นะเออ แฮร่ๆ
03.01.19
วันสุดท้ายแล้วในเมืองเชียงใหม่ เราขอสั่งอาหารเช้าที่นี่กันก่อนเรยดีกว่า
อาหารเช้าเซตนี้ ราคา 110 บาท ก็ถือว่าไม่แพงมาก แล้วก็ต้องเช็คเอาท์แล้ว
สำหรับวันนี้ แต่ก็บอกพี่เจ้าของว่า เดี๋ยวตอนเย็นขอกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนชุด
ก่อนกลับนะพี่ พี่เค้าก็ไม่ว่าอะไร เก็บผ้าเช็ดตัวไว้ให้ แฮร่ๆ
กินเสร็จเราก็ออกไปน้ำตก มณฑาธารกัน อยู่แถวๆดอยสุเทพนี่แหละ
โดยมีด่านเก็บเงินอยู่ด้วย ค่าเข้า 20 ค่ามอไซค์ 20
มีแต่ฝรั่งมาอีกเช่นเคย ส่วนใหญ่ฝรั่งมาที่นี่ คือมาเดินจากจุดนี้
ขึ้นไปยังดอยสุเทพ นั่นก็็คือเส้นทางศึกษาธรรมชาตินั่นแหละ
แต่ระยะทางแอบไกลอยู่ 8 กม.
ผมเองเพิ่งรู้เหมือนกัน ไม่งั้นคงเตรียมตัว เตรียมชุดมาให้ดีกว่านี้
จากนั้นก็เดินขึ้นไปต่อ จนไปถึงจุดนี้ ตัดสินใจกลับดีกว่า คือเป็นป่ารกทึบ
แล้วไม่มีคนเดินเรย กะจะไปให้ถึงชั้น 8 ซะหน่อยยย
ไว้คราวหน้าละกันนะ แล้วเจอกันแน่นอน
จากนั้นก็เดินกลับลงมา แล้วขับมอไซค์ขึ้นดอยสุเทพ
ขึ้นไปไหว้พพระธาตุดอยสุเทพ
ยังสวยสดงดงามเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงง
ไหว้เสร็จเรากลับลงมากินผัดไท เจ้าเดิมม เจ้าที่อร่อยที่่สุดในเชียงใหม่
ณ วันนี้ก็ยังอร่อยอยู่ ผัดไทชุติพรมั๊งนะ
ลองไปหากินดู แล้วจะรู้ว่าผัดไท ที่อร่อยรสชาติเป็นไง
เอาล่ะช่วงนี้ก็เป็นช่วงสุดท้ายของทริปละ เราก็ไปเดินห้างซื้อขนมแถวที่พัก
ซักแป็ปนึง แล้วก็ไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุด ร่ำลากับเจ้าของ
เราก็ถ่อมอไซค์จะไปกิน ข้าวซอยนิมมาน ด้วยความหวังว่าคนน่าจะน้อยแล้ว
พอไปถึง มีคนรออยู่นอกร้าน น่าจะ 30 คนได้
จบครับ
ไปกินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง ร้านบะหมี่ปู แถวๆ วัดโลกโมฬี
โคตรอร่อย ไว้จะไปกินอีก คนก็เยอะมาก
กินเสร็จไปคืนรถที่อาเขต แล้วก็ไปรอรถ เตรียมกับ กทม.
เพื่อไปถึงให้ทันทำงานเช้าในวันพรุ่งนี้
สรุปคือ รถมาถึง รังสิต 6 โมง ขึ้นแท็กซี่กลับไปถึงห้อง 7โมงครึ่ง
อาบน้ำ กินข้าว ขึ้นวินไปทำงาน ทัน 8 โมงครึ่งพอดี
อย่างว่าแหละครับ ชีวิตต้องใช้ให้สุด.
แล้วเจอกันซักที่บนโลกใบนี้ครับ
