ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2563

ปราณบุรี CAMPING 2 วัน 1 คืน



บันทึกการเดินทาง

ณ วันที่ 25-26.01.20

ปราณบุรี

การพักผ่อนหย่อนใจ เป็นสิ่งที่มนุษย์เราโหยหามาตลอด แม้แต่นักเดินทางอย่างผมก็ยังคงโหยหา วันพักผ่อนออกไปใช้ชีวิต OUT DOOR ก็ดีไม่น้อย  การได้ออกจากเมืองที่มีแต่ตึกสูงออกไปอยู่กับความง่าย อย่างธรรมชาติ นั่นคือสิ่งที่เหมาะกับตัวผมเองที่สุด  เพราะแต่ละคนคงจะชอบในแต่ละสิ่งไม่เหมือนกัน

โดยวันนี้ จุดมุ่งหมายของเรา คือ อำเภอ ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งผมเคยแต่ผ่านไปๆมาๆ แต่ไม่เคยได้แวะเลยซักครั้ง และนี่จะเป็นครั้งแรก ที่เราจะได้ออกไปสัมผัส ปราณบุรี ว่ามีอะไรให้น่าค้นหากันบ้าง 

โดยปราณบุรี อยู่ห่างจาก กทม. ประมาณ 240 กม.  ใช้เวลาเดินทง 3-4 ชม. ใกล้ๆกับอำเภอหัวหิน โดยที่ครั้งนี้เราจะมาอำลาเพลินวาน ที่กำลังจะปิดตัวลงวันที่ 31 เดือนมกราคม ปี 20



เริ่มเดินทางกันประมาณ 8 โมงเช้า วันเสาร์ ใช้เวลา 2 ชม. ก็ถึงจ.เพชรบุรี  เราแวะซื้อของสดกันที่แมคโคร และเบาะลมกันที่นี่  เลือกของกันเสร็จ ได้เวลาเดินทางกันต่อ ประมมาณ บ่ายโมง เริ่มเดินทางผ่านหัวหิน และเลี้ยวเข้าสู่ ปราณบุรี  และมุ่งไปยัง วนอุทยานปราณบุรี เราจะไปตั้งแคมป์กันที่นั่น


ที่นี่ กางเต๊นท์มีค่าบริการ คนละ 50 บาทเท่านั้น แถมมีไฟฟ้าให้ต่อใช้อีก จะดีไปไหน  เหมาะกับสายแบ็คแพคเกอร์เอามากๆ  ที่จะเดินทางรอบประเทศอย่างเรา



เมื่อมาถึง เราก็เดินสำรวจพื้นที่ในการตั้งแคมป์  เราต้องการพื้นที่ ริมทะเล  แต่ติดที่รถล้อเลื่อนลากของ  ลากไปไม่ได้  ก็จะต้องยกเอง ทำให้ไม่มีใครไปกางตรงนั้นเลย เพราะมันไกล  แต่เราก็สู้ขนจนหมด เพื่อให้ได้วิวและบรรยากาศที่ดีที่สุดในการตั้งแคมป์  เหนื่อยไม่ว่า แต่ขอวิวที่ดี


จากนั้นเราก็เริ่มสร้างอาณาจักร  จนในที่สุดเรา ก็ทำสำเร็จ สร้างอาณาจักรเรียบร้อย กางเต๊นท์ ผูกเปลนอน สบายโคตรๆ  เป็นการตั้งแคมป์ที่โคตรชิล  หลังจากนั้นเราเริ่มก่อไฟ เพื่อย่างไส้กรอก กับหมูที่เตรียมมา   เปิดเพลงเค้าคลอเบาๆ พร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกนิดหน่อย ก็ชิลไม่น้อย



พอแดดร่มลมตก ก็ได้เวลาไปเล่นทะเลกัน ไม่รู้ว่าพอโตขึ้นมา จะมีโอกาสได้เล่นทะเลน้อยมาก  จำได้เลยว่า ความคิดเรามันเปลี่ยน  เราเข้าใจวัยผู้ใหญ่ ก็ต่อเมื่อเราได้มาใช้ชีวิตแบบนั้น เช่น  ตอนเด็กๆ เราจะลงเล่นน้ำ โดยที่เราไม่ต้องคิดอะไรเลย แต่พอโตขึ้น ก็กลัวเปียก ขี้เกียจเปลี่ยนชุด ขี้เกียจแต่งหน้าเซ็ตผมใหม่ คือกังวลไปหมด จนพลาดโอกาสที่มันสำคัญไป  โอเค มันอาจจะไม่ได้สำคัญอะไรนัก กะอีแค่ลงไปเล่นน้ำ  แต่เชื่อเถอะ ว่าความคิดแบบนี้ มันจะทำให้เราพลาดโอกาสเล็กๆน้อยๆแบบนี้ไปตลอดชีวิต




เพราะฉะนั้น ไม่ลังเลเลยครับ โดดลงทะเลกันเถอะ  เป็นฟีลที่ชอบมากๆ  โคตรสนุกแล้วก็มีความสุขในแบบที่มันควรจะเป็น  เราออกมาใช้ชีวิต ก็ไม่ควรจะมีเรื่องนู่น นี่นั่นมาให้คิด เพราะชีวิตเรามันดำเนินโดยความเรียบง่ายอยู่แล้ว หิวก็ไปย่างหมูกิน ง่วงก็ไปนอนเปล อยากเล่นน้ำก็ลงไปเล่น อยากทำอะไรก็ทำ เพราะนั่นคือชีวิตที่เรียบง่าย  โดยอาจใช้เงินเพียงเล็กน้อย หรืออาจไม่จำเป็นต้องใช้เลย




พอฟ้ามืด เราก็เปลี่ยนมาย่างกุ้งแทน อาบน้ำ แล้วไปเที่ยวในเมืองหัวหินกัน อยู่ห่างออกไปอีก 18 กม.  แต่ทางมืดมาก  ก่อนออกจากอุทยาน พี่เจ้าหน้าที่ฝากซื้อบุหรี่ 






 เราเข้าไปในเมืองไปตลาด ชิเคด้า หรือตลาดจั๊กจั่น ตลาดแฮนเมดนั่นเอง  ไปเดินเล่นซักพักใหญ่ แล้วก็ซื้อเบียร์ 1 กระป๋อง ไปนั่งชิลดูดนตรีสด ก็ฟินไปอีกแบบ







 หลังจากนั้นเวลา 4 ทุ่ม ก็กลับมาที่อุทยานอีกครั้ง พร้อมบุหรี่ที่เจ้าหน้าที่ฝากซื้อ ปรากฏว่าซืื้อมาผิด  แต่แกก็บอกว่าไม่เป็นไรๆ  เราก็ไม่ได้ขอเบอร์แกไว้ ถามยี่ห้อให้ชัดเจน  เมื่อมาถึงเต๊นท์ ก็ยังกินมาม่าตบท้ายอีก 1 มื้อ แล้วก็เข้านอน  คืนนี้ดาวก็ยังคงสวยงามเหมือนเดิม


26.01.20








เช้าวันอาทิตย์ ตื่นมาดูแสงแรกในยามเช้า หลังจากนั้น ก็ออกไปเดินเล่นที่ชายหาด  ดูแสงแรกของวันใหม่ โดยมีน้องหมาเป็นเพื่อน   แล้วก็กลับเข้ามาก่อกองไฟทำอาหารเช้า โดยอาหารเช้าก็จะเป็นขนมปัง ไข่ดาว ไส้กรอก  สเต๊ก ชา กาแฟ ประมาณนี้ 






เมนูธรรมดา แต่สถานที่พิเศษ ก็ทำให้อาหารพิเศษขึ้นมาได้  กินข้าวกันเสร็จประมาณ 10 โมง ก็เริ่มเก็บของ ขนของ เบ็ดเสร็จประมาณเที่ยง ก็ออกไปอาบน้ำ  แล้วออกไปเที่ยวป่าชายเลน ในวนอุทยาน เส้นทางยาวไปถึงปากน้ำปราณบุรี ระยะเดินเท้าประมาณ 1 กม.เท่านั้น  เราใช้เวลาเดินกันประมาณ ครึ่งชม.  เพราะเราจะต้องไป อุทยานราชภักดิ์กันต่อ   









ออกมาจากวนอุทยาน เข้าสู่ถนนใหญ่ได้ไม่ไกลมากนัก ก็ถึงอุทยานราชภักดิ์ โดยขับเข้าไปจอดลานจอด แล้วรอรถเวียน ไม่เสียค่่าใช้จ่าย แต่บบริจาคได้แล้วแต่เรา สุดท้ายก็ออกมาถ่ายรูปกลางแดดร้อนๆ  แล้วกลับเข้าไปอ่านประวัติของแต่ละองค์ก่อนจะนั่งรถกลับ








ใช้เวลาที่นี่ประมาณ 1 ชม.  แล้วเราก็ขับกันไปต่อที่เพลินวาน ที่สุดท้าย แล้วคงเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้มา เพราะอาทิตย์หน้าที่นี่ก็จะปิดอย่างเป็นทางการแล้ว






เรียกได้ว่าทริปนี้มาอำลาเพลินวาน ก็ว่าได้ เมื่อมาถึงเพลินวาน จะเห็นได้ว่าคนน้อยกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก แทบไม่มีคนนเดินเที่ยวเลย  และช่วงนี้ข่าวไวรัสโคโรนา กะลังระบาด ทำให้พ่อค้าแม่ค้าใส่แมสกันทั้งนั้น เพราะส่วนใหญ่ ลูกค้าจะเป็นประเทศจีน  เข้ามาถ่ายรูปเพื่อลำลึกไว้ซะหน่อย 




แล้วไปหาข้าวกลางวันกิน เสร็จแล้วเราจะได้กลับกรุงเทพกัน ก็เป็นอันจบทริป โดยเราออกจากหัวหินประมาณบ่าย 3 ถึง กทม.ประมาณ 1 ทุ่ม  เป็นธรรมดา ของชาว กทม. ที่ต้องเจอรถติด  

เอาล่ะทริปนี้จริงๆแล้วก็ไม่ได้สถานที่เที่ยวใหม่อะไรมากนัก แต่ก็ได้ใช้ชีวิต ดีกว่าอยู่ห้องเฉยๆ ก็คงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้้นกับชีวิต 555+  เมื่อยังมีชีวิตก็จงออกไปใช้ชีวิต

Popular Posts

Facebook