ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

3 วัน 2 เมือง มรดกโลกสีเหลืองมัสตาร์ด "ฮอยอัน" EP.2



ถ้าพูดกันว่าในเวียดนามกลางนั้นมีอะไร นอกจาก
ดาลัด ดานัง เว้  ก็คงจะเป็นที่นี่แหละ
"ฮอยอัน" เมืองมรดกโลกสีเหลืองมัสตาร์ด สุดคลาสสิค
เอาเข้าจริง ผมเองก็ได้ยินชื่อมานานมากแล้วนะ
กับที่นี่  วันนี้ ผมจะมาเล่าต่อจากเหตุการณ์ที่ดานัง
ว่าไอ้เมืองสีเหลืองนี้มันมีเสน่ห์อะไร ที่แอบซ่อนอยู่

หลังจากที่เราเก็บกระเป๋าจากที่พักเราเสร็จ ก็หกโมงกว่าแล้ว
เราก็ขับเลียบทะเลไปฮอยอันกันเลย ตอนนั้นมืดมากแล้วล่ะ
แต่ทางจากดานังไปฮอยอัน ทางดีมาก เป็นถนน4เลน
มีไฟตลอดทาง  แค่ระวังรถข้างทางที่แม่งไม่รู้จะออกมาตอนไหนก็พอ
โดยระยะทางจากดานังมาฮอยอัน ประมาณ 30 กิโลเมตร
ขับมอไซค์ ไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก็ถึงแล้ว เพราะที่เวียดนาม ควบคุมความเร็วรถอยุ่นะ



ผมมาถึง ที่พักที่เราจองไว้ คือ sunrise homestay คืนละ 225000 ดอง
ที่พักใกล้ที่เที่ยวมาก แล้วก็ดีมากด้วย เตียงใหญ่ แอร์เย็น
ห้องน้ำสะอาด  ใครมาเที่ยวก็ลองมาแวะดู  เลือกที่นี่เพราะสามารถเดินเที่ยวได้



มาถึงก็ 1 ทุ่มกว่าละ เข้าไปอาบน้ำ แล้วไปเดินเล่นฮอยอัน
ยามค่ำคืนกันดีกว่า ที่นี่ยามค่ำคืนนั้น จะเต็มไปด้วยแสงจากโคม
ซึ่งแม่งโคตรเป็นเสน่ของที่นี่   เพราะฉะนั้นอาบน้ำแล้วไปลุยกัน




อาบน้ำเสร็จเตรียมกล้องแล้วลุย  เดินสำรวจเมืองไปเรื่อยๆ
ไปเจอราคาเบียร์ 8000 ดอง แต่ต้องกินในร้านนน  ในใจก็อยากเข้าไปลอง
แต่ก็กลัวเสียเวลา ก็เลยไปในจุดตรงแม่น้ำที่เค้าลอยกระทงกระดาษก่อน
เดินมาเรื่อยๆเกือบ 1 กิโลเมตร ก็เจอก็แม่น้ำที่เต็มไปด้วยแสงจากเปลวไฟ
แม่งโคตรสวยเลย  บรรยากาศโดยรอบมันชวนให้เราหลงใหลกับเสน่ของที่นี่




ผมยกให้ที่นี่คือเมืองยามค่ำคืนที่มีเสน่ห์เป็นเมืองต้นๆของผมเลย
ปกติแล้วเวลาผมไปไหนผมก็จะออกเดินเที่ยวตอนกลางคืน แต่ที่นี่มันดูอบอุ่น
มันรู้สึกอยากอยู่ต่ออีกสักวัน2วัน  ตอนนี้ก็ยังคิดถึงอยู่
ผมชอบที่นี่ยามค่ำคืนมากๆ เทศกาลโคมไฟที่นี่คงจะโรแมนติกมากๆน่าดู




ที่นี่ประดับประดาไปด้วยโคมไฟมากมาย มันสวยจริงๆ  ถ้าเทียบกับดานัง
ยามค่ำคืน  โหที่นี่ มีเสน่ห์กว่าเยอะเลย แนะนำเลย
กลางคืน ยังไงต้องมาเห็นด้วยตาสักครั้งในชีวิต  คึกคักมากตอนกลางคืน
ก็เดินเล่นตามเมืองไปทั่ว  ที่นี่มีถนนคนเดินเหมือนบ้านเราด้วย
การลอยกระทงกระดาษที่นี่ คือนั่งเรือออกไปลอย แต่ผมไม่ได้ไปลอยนะ
คือเวลาไม่พอ อยากเดินให้ทั่วๆเมืองก่อน จริงๆ คือต้องมีเวลาซัก 2-3 วัน
สำหรับที่นี่ ที่ฮอยอัน เพื่อสำรวจบ้านเมือง เสพบรรยากาศ
แบบไม่ต้องรีบร้อน แล้วเราจะได้รับความรู้สึกดีๆแบบแท้จริง



ที่นี่มีเมนูยอดฮิตคือแป้งกรอบ ใส่พวกกุ้งแห้งหมูสับใส่เครื่องเทศ แล้วก็ราดซอส
ผมลองซื้อกินไป 1 อัน ราคา 30000 ดอง ไม่ถูกปาก  กินได้นะ
แต่ไม่ถูกปาก ไม่ได้ถ่ายรูปมา ถ่ายแต่วีดีโอ 555 มัวแต่เพลิดเพลินกับบรรยากาศ
ซื้อเบียร์กระป๋องกินเรื่อยไปรายทางเรยครับผม 555 ชิลๆ
อากาศตอนกลางคืนที่นี่เย็นสบายมากอ่ะ  เหมาะมากกับการนั่งจิบเบียร์

เราคงต้องหาร้านนั่งกันละล่ะ  เลือกอยู่นานก็มาได้ร้านในซอกหลืบ
ก็เป็นร้านกาแฟ แต่ขายอาหารขายเบียร์ด้วย ราคาไม่แพงมาก ผมสั่งเมนู kao lao
เป็นเมนูยอดฮิตของที่นี่ มีทุกร้าน พอสั่งมากิน 35000 ดอง
สั่งมากิน 2 แบบ ลองดูซิว่ารสชาติจะเป็นยังไง สรุปก็คือ อร่อยนะ
แต่ก็ไม่ได้อร่อยถูกปากคนไทย  ก็คือกินได้ อร่อยพอประมาณ
ไม่ได้อร่อยเวอร์ขนาดนั้น ตั้งแต่มากินอาหารที่นี่มีถูกปากสุดคือ
หนมปังเจ้านั้นนี่แหละ





แล้วก็สั่งเบียร์มากินอีกขวด ยี่ห้อ ลาลู ขวดละ 40000 ดอง
มื้อนี้ตกแล้วจ่ายเป็นแสนดอง  1 แสนดอง ตีเป็นเงินไทย คือ 140 บาท
อาหารที่เวียดนามนี่เน้นไปที่ผักจริงๆ โดยรวมถือว่าผ่านละกัน 555
ถ้าบรรยากาศผมให้คะแนนเต็มเลย กินไป จิบเบียร์ไป เล่นโทสับไป
โผล่นอกร้านมาอีกที 4 ทุ่มละ พอเดินกลับไปจุดเดิม ริมแม่น้ำ
แม่เจ้าา !!  ปิดหมดเลย ปิดสนิท ปิดแบบ อาบน้ำนอนไปแล้ว มืดตึ๊บ
โคมไฟปิดหมด ไฟหน้าบ้านไม่เปิดกันหรอ  จะมีฝั่งร้านอาหารที่มีเปิดบ้าง
ประปราย  เห็นกระนั้นก็กลับสิครับผม  เดินกลับอีก 1 กิโลเมตร
กลับห้อง นอนอย่างสบายใจ ราตรีสวัสดิ์


เช้าวันใหม่ตื่นมา 6โมงเช้าา ล้างหน้าแปรงฟัน ไม่อาบน้ำ
ไปเลย ไปสำรวจฮอยอันช่วงเช้ากัน ว่าเค้าทำอะไรกันน้า กินไรกัน
แต่คราวนี้ขับรถมอไซค์ไป เพื่อประหยัดเวลา แล้วอยู่ดีๆผมก็ไปจอด
อยู่ตรงหน้าสะพานญี่ปุ่น ผมก็เห็นเค้าจอดกัน กินกาแฟข้างทางเยอะมาก
ผมก็เลยยจอดบ้าง  เอาจริงๆ ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่คือสะพานญี่ปุ่นหรอ
เพราะตอนนั้นไม่มีคนเลย เป็นสะพานเก่าๆ ถามว่าสวยมั๊ย
ก็ไม่ได้สวยเวอร์ขนาดนั้น  น้ำในคลองก็เป็นน้ำดำๆเหมือนคลองแสนแสบ



ผมเองก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย เดินไปกินก๋วยเตี๋ยวเช้าของที่นี่
เออที่นี่รสชาติดี อร่อยเลยล่ะ คนกินก็เยอะอยู่ แต่แอบแพงนะ
40000 ดอง สั่ง กาแฟมากินอีก 20000 ดอง อร่อยไม่อร่อยก็เกลี้ยงชามครับผม





หลังจากอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาเดินเล่นรอบเมืองกัน จริงๆเข้าชมเมืองประวัติศาสตร์
ของที่นี่จะเสียค่าตั๋วด้วยนะ เช่นสะพานญี่ปุ่น ถ้าจะเข้าด้านใน
ต้องซื้อตั๋ว ร้อยกว่าบาท แต่เข้าได้ทุกที่ในฮอยอัน  แต่เพราะเวลาเราไม่พอ
ไม่มีเวลาขนาดนั้น เราได้เที่ยวบริเวณรอบนอกเมืองถ่ายรูปดูความเป็นอยู่แทนละกัน
กับเมืองสีเหลืองมัสตาร์ด แค่เดินถ่ายรูปก็หลายชั่วโมงแล้ว









ที่นี่จะฮิตขี่จักรยานกันมากเลย แต่ก็อย่างที่บอก เราไม่ได้มีเวลาขนาดนั้น
ค่าเช่าตกอยู่วันละ 1 เหรียญเท่านั้นเอง และยังฮิตขี่กันไปนอกเมืองอีกด้วย
ขี่ไปทะเลก็มี ขี่ไปทุ่งนา ขี่ไปเรื่อยๆ อยากไปไหนก็ไป โคตรชิล
เห็นฝรั่งขี่กันทั่วเมือง









ถ่ายไปเรื่อย ดูนาฬิกา 11 โมงละ เดินกลับไปรถ แม่เจ้าาาา
รถหายเกลี้ยง คนมาแทนที่เพียบ หายไปไหน มันก็ต้องอยู่แถวนี้แหละ



เดินไปลานจอดลานข้างๆ เข้าไปดูไม่มีว่ะ  ถามเค้าว่ารู้มั๊ย ว่ารถที่จอดตรงนี้
เค้าย้ายรถไปตรงไหน เค้าบอกว่าย้ายข้ามไปฝั่งนู้น ต้องข้ามสะพานไป
เรางงมากเค้าย้ายได้ไง คอก็ล็อก  เลยเดินข้ามฝั่งตามไปดูปรากฎว่า
ไม่เจอ !!  ตอนนั้น เริ่มใจไม่ดีละ แม่งเอารถกุไปจอดไว้ไหนวะเนี่ยยยย
เดินไปถามเจ้าหน้าที่ว่า รู้มั๊ยว่ารถที่จอดตรงนั้น เค้าย้ายไปไว้ไหน
เค้าก็ชี้ไปตรงซอก  พอเดินเข้าไปก็เจอรถอยู่ 2-3 คัน
1ในนั้นก็คือรถตรูนั่นเอง และแล้วก็มีคนเข้ามาเก็บเงิน
พร้อมบอกว่า กฎของที่นี่ คือห้ามจอดมอเตอร์ไซค์ หลัง9 โมงเช้า
ในบริเวณเมืองมรดกโลก พร้อมกับเรียกเก็บ 100000 ดอง
แม่เจ้าาาาาาาาา  นี่กุกะลังจะโดนโกงแล้วใช่มั๊ย
เวียดนามที่เลื่องลือ 5555  เลยบอกเค้าไปว่าไม่มีเงิน
ลดทันที  เหลือ 50000 ในเวลาไม่กี่วิ 5555  แต่เราก็ผิดกฏจริงๆนั่นแหละ
เลยยอมจ่ายไป 50000 ดอง คิดซะว่าเป็นค่าจอดละกัน แม่งเอ๊ย






ใครไปก็ต้องรู้ด้วยนะ มันจะมีป้ายตั้งเลยว่าห้ามมอเตอร์ไซค์เข้า  แต่เรา
เอาเข้าไปจอดเกินเวลา เค้าก็ต้องย้ายออก อันนี้เราพลาดเอง
ไม่ได้ศึกษาข้อมูลไป เพราะในเมืองเค้าขี่จักรยานกันอย่างเดียว หรือไม่ก็เดิน
ก็ไม่เป็นไร กลับห้องไปเก็บของ ไปอาบน้ำ เช็คเอาท์ แล้วไปต่อ

เราไปที่ทะเลฮอยอันอีก ไม่ไกลจากตัวเมือง ประมาณ 5 กิโลเมตร
เสียค่าจอดไปอีก 20000 ดอง อันนี้คือราคาเรทปกติของที่นี่ ไม่โกง




ทะเลที่นี่ คลื่นสูงมากก ฝรั่งบางคนก็มาเล่นเซิร์ฟกัน ไม่เหมาะกับการเล่นน้ำ
สำหรับคนว่ายน้ำไม่เป็น ที่นี่อากาศร้อน ฝรั่งมานอนอาบแดดกันเต็มหาด
ที่นี่เหมาะแก่การมานั่งจิบเครื่องดื่ม เพราะเครื่องดื่มไม่แพง ไม่ชาร์จมาก
น้ำผลไม้ แค่ 20000-30000ดอง ต้องมีเวลาหลายๆวัน มาพักผ่อน พักใจ
แหม่ คงจะดีไม่น้อย 5555

แต่เสพบรรยากาศของทะเลได้ไม่นาน เราต้องไปต่อละล่ะ
เราจะไป ภูเขาหินอ่อน กันต่อ  เราก็แวนซ์ไปกัน  ตามฝรั่งไป
เพราะฝรั่งก็ไปที่นี่กันเยอะ ไม่ไกลจากดานัง ไม่ไกลจากฮอยอัน
คือมันอยู่ตรงกลางนั่นเอง 555555  เป็นทางผ่านกลับไปดานัง

เสียค่าจอดไปอีก 10000 ดอง แล้วก็ฝากกระเป๋าเค้าไว้ที่รถนั่นแหละ
แต่ลงรถอีท่าไหนไม่รุ ขาไปโดนคอท่อรถ ร้องลั่นเลยตรู
ซวยจริงๆ แต่เจ้าของที่เห็นว่าเราโดนท่อ รีบเอาน้ำแข็งใส่ถุงมาให้เราประคบ
โห  คนเวียดนามมีน้ำใจก็มีนะครับ ซึ้งเลยย เค้าบอกให้นั่งก่อนๆ

เราเห็นเค้าขายข้าว ก็เลยกะว่าขากลับจะมาแวะกินข้าวร้านเค้านี่แหละ
อุดหนุน คนมีน้ำใจหน่อย   แล้วผมก็เดินเข้าไปข้างใน
ต้องซื้อตั๋วก่อน ค่าตั๋ว คนละ 60000 ดอง ค่าขึ้นลิฟ อีกขาละ 15000 ดอง
แต่จะบอกว่า ไม่ได้สูงมาก จะเดินขึ้นเองก็ได้ ไม่ต้องใช้ลิฟท์
แต่ผมขาขขึ้นขึ้นลิฟท์ ขากลับเดินลง พอขึ้นไปก็เหมือนเดินอยู่ในอุทยาน
เดินสำรวจนู่นนี่นั่นไปเรื่อย






จุดไฮไลท์ คือจุดที่เป็นภายในถ้ำ แต่มาไม่ถูกเวลา ถ้ามาถูกเวลา
จะมีแสงลอดลงมาด้วย สวยงามมาก ขนาดแสงยังไม่มีนะ




เราต้องรีบแล้วล่ะ เพราะเวลาใกล้ขึ้นเครื่องเข้ามาทุกที เวลาขึ้นเครื่องคือ 18.40 แต่นี่จะ4โมงแล้ว
ลงไปกินข้าว แล้วไป lady buddha ต่อ เป็นที่สุดท้าย แล้วเอารถไปคืน แล้วไปสนามบินกันเถอะ



นี่คือเมนูสุดท้ายที่เวียดนาม คือเฝอ และ ผัดมาม่า  เห็นมั๊ยว่ามีแต่ผัก
ใครไม่แดกผัก อยู่ยากละล่ะ ที่เวียดนามเนี่ย 555555  รีบกินรีบไป

พอไปถึง เห็นแล้วนะว่า lady buddha อยู่ตรงข้ามไฟแดง แต่เข้าผิดซอย
ต้องเลยไปตามทางไปกลับรถโคตรไกล  เอาใหม่ กลับมาเลี้ยวใหม่
หาไม่เจอ อะไรวะเนี่ย หาทางเข้าไม่เจอ เริ่มอารมเสีย ไม่ไปแล้วเว้ยยยย!

ไปทะเลดานังแทน


ที่ทะเลดานังอากาศชิลๆดี  จอดได้ซัก 10 นาที คลื่นแรงเหมือนกันนะ
เลยไปต่อ เอารถไปคืนที่พัก แต่ๆๆ พาสปอร์ตไม่ยอมคืนจร้าาา
เค้าบอกให้รอแป๊ป  รอไร กุจะตกเครื่องแล้วววว
ไหนๆก็ไหนๆละ ระหว่างรอ ข้ามไปซื้อ ขนมปังกลับไทย อีก 3 ชิ้น 45000 ดอง

ในที่สุดก็เจอ  ทีนี้ก็เหลือการเรียก grab ปรากฏว่าเนตหมด ต้องต่อไวไฟ
ไวไฟ ก็เสือกติดๆดับๆ คุยกะคนขับไม่รุเรื่องอีก จนต้องเดินข้ามกลับไป
เพื่อจะต่อไวไฟคุยกะคนขับ โคตรซวยๆๆ  แต่สุดท้ายคนขับก็มารับ
แล้วรีบบึ่งไปสนามบินทันที  เสียค่า grab ไปอีก 39000 ดอง


เป็นอันจบทริปแบบอลเวง 5555 น้ำหมด จะซื้อก็แพงเหลือเกิน
เลยเก็บขวดเดินเข้าไปกรอกน้ำด้านใน ควักขนมปังออกมากินสบายใจเฉิบ
ที่นี่ผ่านตม. ต้องถอดรองเท้าด้วยนะ หอมฉุยเลยล่ะ
เอาเป็นว่าทริปนี้ สนุก ประทับใจอะไรหลายอย่าง
ความต่างของไทยกับเวียดนาม  เสน่ห์ในแบบที่เราไม่เคยได้เห็น
วัฒนธรรมที่ไม่ได้มีให้เห็นในไทย นี่แหละ คือเหตุผลที่เราต้องออกเดินทาง

ไม่ใช่แค่การนั่งอยู่หน้าคอม เพราะมันเทียบกันไม่ได้เลย
กับความรู้สึก ความประทับใจ ที่จะได้หลังจบการเดินทาง

เพราะฉะนั้น  มีเงินเพียงเล็กน้อยแต่ได้เห็นโลกทั้งใบ
ดีกว่ามีเงินมากมายแต่ไม่เคยได้เห็นอะไรเลย

สมองเราก็เหมือนเครื่องบันทึกวีดีโอ ที่บันทึกอยู่ตลอดเวลา
เราจะให้ให้มันบันทึกอะไรไว้ก็ขึ้นอยู่ที่ตัวเรา
จะมีอะไรที่น่าจดจำมั๊ยก็อยู่ที่ตัวเรา
อย่าให้ใครกำหนดชีวิตของคุณ
เพราะชีวิตคุณมีสิทธิ์เลือกตั้งแต่คุณมีลมหายใจแล้ว

                            END 

Popular Posts

Facebook