ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันพุธที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เหนือสุดแดนสยาม กับเมืองล้านนา ไทยแลนด์


จ.เชียงราย

ทริป ณ วันที่  6-7 ตุลาคม 2561

สวัสดีๆๆ กลับมาอีกครั้ง กับจังหวัดเหนือสุดของประเทศ  ที่ จ.เชียงราย ดินแดนที่เต็มไปด้วยกลิ่นไอแห่งล้านนา  ต่อนนนยอนนนน กันเรยทีเดียว ทริปนี้  

ดูซิว่าทริปนี้จะ ต่อนนนยอนนนนกันแค่ไหน  แค่ไปสนามบินก็มันส์แล้ววว 

เริ่มกันที่เย็นวันศุกร์หรรษานั่นเอง  ผมได้ทำการจองงตั๋ว ไปเชียงรายในรอบ 19.50 แล้วผมเลิกงาน 17.30
แม่จ้าววววว ตูจะทันมั๊ยเนี่ยยยย 

แล้วเรื่องมันก็เริ่มตรงนี้แหละ  ตรงที่มันเป็นวันศุกร์แห่งชาติ  ทุกคนต่างเอารถออกมาจราจรบนท้องถนนพร้อมๆกัน  ไม่รุจะมาพร้อมใจอะไรกันวันนี้   ผมถึงกะต้องเรียกพี่วิน สอบถามราคา
ผมนี่อยากอุทานมาเป็นภาษาอินเดียเรย  200 น้อง !!  ฮะ  แต่จังหวะนั้น ค่อนข้างรีบจริงๆ
นี่มันแพงกว่าแท็กซี่อีกนะเนี่ย  แต่รถก็ติดซะเหลือเกิน  ก็คงต้องเป็นพี่ละล่ะจังหวะนี้ 
ที่จะทำให้ชีวิตที่โหดร้ายนี้ผ่านพ้นไปได้    แต่แค่นั้นคิดว่าพอหรออ 

เมฆก้อนใหญ่ยังรออยู่ด้านหน้า  นั่นหมายความว่า ไหนจะแข่งกะเวลา แล้วก็แข่งกะฝนอีก
ชีวิตหนอ ชีวิต  !!  ลุยครับผม    พี่วินถามน้องมีเวลาให้พี่ เท่าไหร่  ผมบอกไม่เกินทุ่มนึง เพ่ !!

โอ๊ยย ทัน น้องงง เด่วจัดให้  นี่คือคำปลอบโยนที่ดีเลยทีเดียว
ขับไปได้ครึ่งทาง แม่เจ้าาา เหมือนฟ้ามองอยู่ ฝนดันตกซะงั้น พี่วินหันกลับมาถาม
ไปต่อ หรือจอด  โห พี่แม่งงง แน่นอน จิ๊งงงง

ผมบอกจอดก่อนพี่   ใส่เสื้อกันฝนเฉพาะด้านหน้า เพราะด้านหลังคงไม่เปียก แล้วบอกพี่วินลุยเลยพี่

มีคลิปประกอบด้วย  5555  ยังจะมีอารมณ์ถ่าย

พอไปถึงผมให้พี่วินเพิ่มไปอีก20 บาท ค่าเปียกฝน 5555

จังหวะนี้ก็ต้องวิ่งสิครับ จะรออะไรล่ะครับ   รีบวิ่งไปเชคอินแต่ไม่ได้โหลดกระเป๋า 
เอากระเป๋าขึ้นเครื่อง โดนเจ้าหน้าที่บอก กระเป๋าเปียกนะคะ  แต่ก็ให้ผ่าน  รีบวิ่งไปเกต


เกตก็อยู่แม่งโคตรไกล  วิ่งสิครับผม  โชคดีที่มาทัน  แล้วเราก็ได้บินลัดฟ้า แอ่วเมืองเหนือกันน่ะเจ้า
เมื่อถึงสนามบินที่เชียงราย เราก็จะเห็นความเป็นล้านนา กันตั้งแต่สนามบินเรย



จากนั้นเราก็ออกมารอรถ ซิตี้ บัส ของเชียงราย  เป็นมินิบัสใหม่ล่าสุด เพิ่งจะเริ่มใช้ วันที่ 1 ตุลาคมนี้เอง ปี2561  ด้วยการที่ผมเข้าห้องน้ำแล้วค่อยออกมายืนรอ ทำให้เข้าใจว่า คนอื่นคงจะขึ้นรถบัสเข้าตัวเมืองกันไปหมดแล้ว  ทำให้ผมนั่งรอกว่า30 นาที   จนผมเริ่มเอะใจ ว่านานเกินไปแล้ว ก้เลยไปถามพี่ๆ รปภ
ปรากฏว่า รถหมดไปตั้งแต่เย็นแล้ว   ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบ4ทุ่ม ทางเข้าเมืองทางเดียวคือ แท็กซี่

จากสนามบินเข้าตัวเมืองเป็นระยะทางประมาณ8กิโลเมตร  แต่ค่าโดยสาร 200 บาท 
แต่ทำการต่อได้ เหลือ 150  จากนั้น แท็กซี่ก็ไปส่งถึงหน้าที่พักเราเรย ครับ


วันนี้เราจะพักกันที่ นอน นั่ง เล่น ที่นี่มีดีกว่าที่ผมคิดไว้โคตรเยอะ  เพราะสิ่งแรกที่ผมเห็นคือ ที่นี่มีดนตรีสด อยู่ในที่พัก  ฟังไมม่ผิดหรอก  ดนตรีสดอยู่ในที่พัก  5555+  อเมซิ่งมาก   เพิ่งเคยได้พักแบบนี้ครั้งแรกจริงๆ   ปกติเคยพักแบบข้างล่างเป็นบาร์บ้าง ร้านกาแฟบ้าง ร้านอาหารบ้าง  แต่ไม่เคยมีที่พักไหนที่มีดนตรีสดอยู่ในที่พักเลย   ทุกคนคงจะสงสัยเหมือนผม แล้วมันจะนอนยังไงวะ เสียงดังรึป่าว

คำตอบคือ โคตรดัง  ดังจน ถ้าไม่เมาไม่หลับ ที่นี่เค้าแก้ปัญหาโดยการมีที่อุดหูให้
แต่ผมโอเคร กับที่พักแบบนี้มากเลยนะ  ถ้าใครชอบส่วนตัว เงียบๆ ไปพักโรงแรมดิ ที่นี่เค้าต้องการ
เพื่อน การพบปะพูดคุย ต้องการความสนุก  ไม่ใช่ความเป็นส่วนตัวขนาดนั้น
ถ้ารับไม่ได้ก็ไม่ควรมาพัก    อันนี้คือความคิดผมนะ  อย่างนึงคือ ใจคุณต้องกว้าง เปิดรับสิ่งใหม่ๆ

อะไรนิดอะไรหน่อยก็ยอมๆไปเหอะ  นี่คือสิ่งที่ผมได้จากการเดินทาง  ที่นี่คือการแบ่งปัน ไม่ใช่แย่งชิง
เกริ่นมาซะยาวว  เอาเป็นว่าผมโคตร ชอบที่นี่เลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย



แล้วดนตรี นี่ร็อค สากลล้วนๆนะครับผม   เล่นกันแบบจริงจังมากกกก
ผมรีบเชคอิน เข้าที่พัก โยนกระเป๋าเก็บ รีบคว้ากล้องออกมาฟังเพลง เรยครับ


จากนั้นก็เดินออกไปสำรวจย่านไนท์บาร์ซ่า ว่าที่นี่เค้ามีอะไรกัน ก่อนอื่น ผมขอซัดข้าวเย็นก่อนละกัน
เป็นผัดไทยที่อยู่แถวๆนั้น รสชาติพอใช้ได้  กินเสร็จ ตามธรรมเนียมเดินไปซื้อ โรตี กิน
ฟิน จัง  เวลาได้กินโรตี   เวลาไปเที่ยวววว   เป็นความสุขผมอย่างนึงเลย

หลังจากกินเสร็จแล้วก็กลับที่พักสิค้าบบบบ นั่งฟังดนตรีกันอยู่พักใหญ่  ก็เลยไปอาบน้ำ นอน
เพราะ พรุ่งนี้ เรามีโปรแกรมเที่ยว รออยู่เยอะแยะ



เช้าวันเสาร์  ตื่นมา7โมงเช้า  แอร์ฉ่ำๆ  ทำให้ผมไม่อยากลุกไปไหนเลย  ตอนนี้ได้เวลาแล้วสินะ
ที่ผมจะต้องไปอาบน้ำ ลงไปกินอาหารเช้าเพื่อนที่จะไปเอารถ มอเตอร์ไซค์ ที่ biky  ขนส่ง2

จริงๆที่พักผมก็มีบริการ เช่ารถมอเตอร์ไซค์นะ แต่มัดจำ3000 ผมเลย ไปเช่าที่ biky ดีกว่า
เพราะเคยเช่าที่เชียงใหม่ก็ไม่เก็บบมััดจำเหมือนกัน ก็เป็นข้อดีของที่นี่  อาบน้ำ กินอาหารเช้า




แล้วเดินไปขึ้้นรถสองแถวที่ ขนส่ง1 ราคา 20 บาท ไปขนส่งที่2  แล้วก็ทำการเช่ารถ มาวันละ 300 บาท
จากนั้นก็ลุยเลยครับผม  ไป วัดร่องขุ่น เป็นที่แรก   ที่วัดร่องขุ่นกับเวลาประมาณ 10 โมง แดดจร้า
วัดสีขาว  โอ้โห  ร้อนมากกก แสงนี่สะท้อนแสบตาสุดๆ    วัดอาจารย์เฉลิมชัย เป็นวัดที่มีรายละเอียดเยอะจริงๆ  แอบแฝงด้วยความหมาย แล้วจะมีเล็บอยู่เล็บนึงที่เป็นสีแดง  ใครไปก็ลองไปหาดูครับผม


หลังจากเดินดูได้ไม่นาน ทัวร์จีนลงครับผม โอ้โห  เต็มไปด้วยคนจีนจริงๆ  เอ้อ ลืมบอกว่า คนไทย เข้าฟรีนะครับ ต่างชาติเสีย 50 บาท  เดินดูวัดเสร็จ ผมก็เดินไปดูแกลลอรีของอาจารย์ เป็นของจริง ภาพจริง ตั้งแต่สมัย ภาพแรกของแกเรย ตั้งแต่อายุ14  เค้าไม่ให้ถ่ายรูปนะครับ และห้ามสัมผัสผลงานเด็ดขาด มีคนเฝ้าทุกจุดของแกลลอรี   ผลงานสวยงามจริงๆ  และมีมูลค่าแบบประเมินค่าไม่ได้

ต้องลองเข้าไปดู สมกับเป็นศิลปินแห่งชาติ หลังจากเดินเล่นเดินชม ก็เริ่มหิว เราตัดสินใจเข้าร้านที่เป็นห้องแอร์เพื่อเข้าไปดับร้อน และกินข้าวซอย  แล้วก็ไม่ผิดหวัง ข้าวซอยที่นี่อร่อย ข้นมากเลย




ข้าวซอยไก่ + ไข่ดาว  โอ้โห ฟินสุด  รสชาติดีนะ ใครมาก็ลองมากิน อยู่ในวัดร่องขุ่น เป็นห้องแอร์นี่แหละครับ

หลังจากกินเสร็จ เราไปต่อกันที่ไร่ สิงค์ปาร์ค หรือว่าไร่บุญรอดนั่นเอง
อยู่ห่างจากวัดร่องขุ่นประมาณ 20 กิโลเมตร  ตอนเราไปต้องบอกว่า แดดร้อนแรงมากๆ

ด้านหน้าทางเข้าจะมีสัญลัษณ์ตัวสิงค์ตั้งเด่นตระหง่านอยู่ด้านนอกเลย
แล้วผมก็เข้าไปด้านใน ไปไร่ชาบุญรอดก่อน  ค่อยออกมาถ่ายรูปกับเจ้าสิงค์นี้ซะหน่อย

พอผมเข้าไป สิ่งที่เห็นคือ ไร่ชา สุดลูกหูลูกตา นับร้อยไร่ มันเป็นชาจริงๆ ผมก็ลองไปสังเกต
ว่าเค้าตัดส่วนไหนของต้นชาไป  เค้าตัดส่วนยอดใบชาไป ก็มีผู้คนเข้ามาถ่ายรูปกันเยอะอยู่พอสมควร





จริงๆผมก็แค่เข้ามาถ่ายรูป เข้ามาเห็นว่าจริงๆแล้วที่นี่เป็นยังไง เอาเท้าของเราเนี่ยมาลองเหยียบที่นี่ดู
ดีกว่าเห็นจากจอคอมพิวเตอร์     มันได้ความรู้สึกที่ดีกว่าหลายร้อยเท่านัก




เราไปกันต่อที่สิงค์ปาร์คด้านหน้า  ตอนกลางวันที่เชียงรายแดดร้อนเหมือนกันแฮะ แต่ ตอนกลางคืนอากาศที่นี่เย็นแล้วนะครับผม

ถ่ายรูปได้ซักหน่อยเรา ก็แวนส์กันไปอุทยานแห่งชาติลำน้ำกก ซึ่งอยู่ห่างออกไป 20 กว่าโล
เพื่อล่าเอา ตราปั๊ม ให้ทั่วประเทศไทย



ถามว่าที่นี่มีอะไรเที่ยวมั๊ย ก็มีแม่น้ำ แล้วก็บ่อน้ำร้อน  ผมก็เลยแวะไปบ่อน้ำร้อน  เชี่ยยยย
ร้อนมากก  ตอนแรกคิดว่าเอาตีนจุ่มได้  แต่มันร้อนเกินไป ร้อนควันขึ้นอ่ะ ร้อนไข่สุก เสาร์ อาทิตย์เรยล่ะ

จากนั้นเราไปกันต่อที่วัดห้วยปลากั้ง แต่ตอนที่เรามามันย้อนแสงมากเลย  เราเลยเลือกที่จะไปวัดร่องเสือเต้นก่อน อยู่ห่างจากที่นี่7กิโล  แวนส์แป๊ปเดียวว



ที่นี่วัดร่องเสือเต้น หรือที่เรียกกันว่า วัดน้ำเงิน  ก็อลังการงานสร้างเหมือนกันนะ





องค์พระข้างในสวยมาก อลังการมาก  ใครมีโอกาสก็ลองแวะเวียนกันมาไหว้ทำบุญกันนะ




เสร็จแล้ว เราก็กลับไปที่วัดห้วยปลากั้งอีกครั้ง เพื่อไปดูแสงที่นี่ยามโพล้เพล้ เค้าว่ากันว่าที่นี่สวยในช่วงเวลานี้   ก็ต้องลองตามไปดู


ปรากฏว่า แสงก็อย่างที่เห็น ไม่ได้มีการแต่งรูปแต่อย่างใด ถ่ายจากโทรศัพท์
ลองดูเอาเองว่าสวยงามแค่ไหน กับแสงยามเย็น






พอลองเข้าไปดูข้างในก็จะพบกับพระโพธิสัตย์องค์ใหญ่มาก สวยงามมากด้วย


ตอนนี้เป็นเวลากว่า 1 ทุ่มแล้ว  แผนเราคือ กลับไปอาบน้ำ แล้วออกมาเดินถนนคนเดินเจียงฮาย
ซึ่งก็เป็นความคิดที่ดี อาบน้ำให้สดชื่น แล้วออกมาเดินจิบเบียร์เย็นๆ ท่ามกลางอากาศเย็นๆ
เดินดูของบนถนนคนเดิน เป็นอะไรที่โคตรชิลเลยว่ะ

วันนี้เราเปลี่ยนที่พักแนวใหม่ คือที่พักเดิม แต่เปลี่ยนแบบ จากนอนเตียงธรรมดา มาเป็นนอนเต็นท์
ในราคาเท่ากัน ต้องบอกว่า ดีมากอ่ะ ถึงแม้จะไม่มีแอร์ แต่พัดลมที่นี่เป็นแบบอัตโนมัติ อากาศข้างนอกก็เย็นอยู่แล้ว  สรุปคือมันดีมากอ่ะ จะฟินกว่านี้ถ้าข้างนอกนั้นเป็นป่าจริงๆ

เต็นท์หลังโคตรใหญ่ นอนจริงๆ นอนได้ 4-5 คนสบายๆเลย




หลังจากอาบน้ำเสร็จ เราก็ออกไปซื้อเบียร์ แล้วเดินไปถนนคนเดิน เดินไปจิบไป โคตรฟิน โคตรชิล
เรามาตรงกับวันที่เค้ามีงานวิ่งกันพอดี  รถอาจจะติดๆหน่อย  แต่เราเดิน 5555

เดินตรงไปที่หอนาฬิกา ที่นี่มีการแสดงไฟที่หอนาฬิกาด้วย สวยมากอ่ะ  ชอบๆ




แล้วก็เดินเข้าไปที่ถนนคนเดิน ถนนคนเดินยาวมาก ผมก็เดินจนสุดทั้ง2ฝั่ง น่าจะ2-3กิโลได้มั๊ง ไป-กลับ
แต่ที่นี่มีของดีคือ มีการรำวงที่ลานกว้างด้วย เป็นกิจกรรมท้องถิ่นของคนที่นี่เรย ผมนี่นั่งดูฟินเรย
ฝรั่งยังต้องขอมารำวงด้วยอ่ะคิดดู  ที่นี่ใครจะมารำวงสร้างความสนุกสนาน ร่วมกันก็ได้
มีนักท่องเที่ยวเข้าไปรำวง เยอะแยะ สนุกและได้รอยยิ้มเป็นของขวัญกลับบ้าน
ส่วนผมขอนั่งจิบเบียร์ดูเค้ารำวงกันดีกว่าา 5555 เพลินเหมือนกัน
ผมดูนาฬิกา ตอนนี้เวลาประมาณ 5 ทุ่มละ   กลับไปฟังเพลงที่พักกันดีกว่า

กลับมาฟังเพลงได้ซักแป๊ป ร้านก็ปิดตอนเที่ยงคืนพอดี ทำให้เราต้องขึ้นไปนอน พร้อมรับกับวันใหม่ ในวันพรุ่งนี้

วันนี้เราตื่นเช้ามาพร้อมกับวันใหม่ วันนี้เราตั้งใจไปที่ไร่ชาฉุยฟงเป็นหลัก  แล้วค่อยแวะเที่ยวรายทางไปเรื่อย  อาบน้ำ กินอาหารเช้า เก็บกระเป๋าแล้วฝากกระเป๋าไว้ที่เคาร์เตอร์ เพราะเราคงกลับมาเย็นกันเลยทีเดียว   เพราะไฟลท์บินของเราคือ 3 ทุ่ม แต่ต้องคืนรถมอเตอร์ไซค์ ตอน1 ทุ่ม ที่สนามบิน



ตอนนี้ หลังจากกินอาหารเช้าจนอิ่ม เราก็เริ่มออกเดินทางกันเลย ตอนนั้นประมาณ8-9 โมงเช้า
แดดยังไม่ออกเลย  เราก็แวะไปไหว้ พ่อขุนพญาเม็งราย อนุสรณ์คู่เมืองเชียงรายกัน


หลังจากไหว้ขอพรเสร็จ เราก็มุ่งหน้าไปไร่ชา ฉุยฟงกันเรยยย  แต่ระหว่างทางเราก็ได้แวะ พิพิธภัณฑ์บ้านดำ   ของอาจารย์ถวัล ดัชนี ศิลปินแห่งชาติอีกคน  ไหนๆก็เป็นทางผ่านอยู่แล้วก็ต้องแวะซะหน่อย
หลังจากเข้าซอยมา  ไม่ลึกมาก ก็ถึงแล้ว  แต่ที่นี่เก็บค่าเข้าชมด้วย คนไทยและต่างชาติเสียเท่ากัน คือ 80 บาท





แต่ผมไม่ได้เข้าไปข้างในนะ  คือผมไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงเก็บค่าเข้าคนไทยด้วย ทั้งๆที่ ปกติ คนไทยก็ไม่ค่อยเข้าพิพิธภัณฑ์อยู่แล้ว  เห็นว่า ตอนที่อ.ถวัล ยังมีชีวิตอยู่ แกก็ให้เข้าฟรีนะ ตอนนั้น
ผมเลยข้องใจ และไม่เข้าดีกว่า  ไม่อยากเสียความรู้สึก


จากนั้นเราก็ยังมุ่งหน้าไปไร่ชาฉุยฟงต่อ อีกเกือบ 30 โล แต่วันนี้อาหกาศดี ท้องฟ้าครึ้ม ฝนเพิ่งจะตกไป
ทำให้ชิลมากเลย เวลาขับรถมอเตอร์ไซค์  ขับไปเรื่อยๆ ก็เจอวิวระหว่างทางแม่งโคตรดีีเรยยย
ทำให้เราต้องจอดรถลงไปถ่ายรูปเก็บไว้เป็นความทรงจำ 





แหม่ ช่างเป็นอากาศและบรรยากาศที่ดีมากจริงๆ  ผมนี่ชอบบรรยากาศแบบนี้มากเลยย
วิวทุ่งนา ฟ้าครึ้มๆแบบนี้ ทำให้นึกถึงบรรยาากาศที่วังเวียงเลย ธรรมชาติฝุดๆ





ไม่นานเราก็มาอยู่กันที่ด้านหน้า ของไร่ชาฉุยฟงนั่นเองง  ก็เป็นไร่ชาสุดลูกหูลูกตาเลยย
ผมนี่อยากลองมาใช้ชีวิต เก็บชา แบบนี้ดูจัง ออยากรู้ว่าความรู้สึกจะเป็นไง  มันคงเป็นอะไรที่เราจะ
จดจำมันไปทั้งชีวิตแน่ๆเลยล่ะ

จากนั้น เราขับกันขึ้นไปด้านบน เพื่อไปกินเค๊ก ชาเขียว  และ น้ำชาเขียวปั่น กัน ดูซิว่าจะรสชาติดีเหมือนหน้าตารึป่าว 





ต้องบอกว่าหน้าตาน่ากินฝุดๆ  พอชิมไปแล้ว ถามว่าอร่อยเลิศมั๊ย ก็ป่าว นะ 
ถามว่าได้กลิ่นชาเขียวออริจินอลมั๊ยก็ได้กลิ่นนะ แต่บางๆ  ไม่ใช่ แบบมัจฉะอ่ะ
เอาเป็นว่าถ้ามีคะแนนให้ ผมให้ประมาณ 7 ละกัน ตอบแบบไม่อวยเรยย

ส่วนน้ำปั่น ผมให้เท่ากัน  ก็คือไม่หวานมาก มีกลิ่นชาเขียวนิดหน่อย แต่ร้านน่านั่ง บรรยากาศดี
โดยรวมถือว่าโอเคร ตอนนั้นเป็นเวลา เที่ยง เรานั่งกันถึงบ่าย2 แล้วก็ตัดสินใจไป ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนที่ห่างออกไป กว่า50โล  แล้วเราก็เดินทางไปกันต่อ




ทางเข้าไปถ้ำหลวง ใช้ จจีพีเอสนำทาง ทางเข้าค่อนข้างเล็กแคบ  จนมาถึงบริเวณด้านหน้า วนอุทยาน
เจ้าหน้าที่ไม่ให้นำรถเข้าไปด้านใน ต้องเดินเข้าไปเป็นระยะทางกว่า 500 เมตร
ระหว่างทางก็จะมีคนมาขาย ธูปเทียน ดอกไม้ เพื่อนำไปไหว้เจ้าแม่นางนอน หน้าปากถ้ำ


ถ้ามองจากมุมนี้จะเห็นปากถ้ำนิดเดียวเอง แต่ไม่น่าเชื่อว่าด้านในจะมีโพรงถ้ำ เป็น10กิโล
ตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำรั้วกั้นไว้ ไม่ให้เข้าโดยเด็ดขาด










จากนั้นผมก็เดินออกมาถ่ายรูปตรงป้าย วนอุทยานด้านหน้า แล้วก็เดินกลับ แล้วก็ขับรถกลับเข้าตัวเมืองไปเอากระเป๋าที่ โรงแรม ผมได้ขออาบน้ำก่อนที่ จะไปสนามบิน  พอผมอาบน้ำเสร็จ ผมก็มาเปิดโทรศัพท์ดู  ผมก็เลื่อนๆไป จนผม มาเจอรูปๆนึง ที่มันผิดปกติ แบบผิดธรรมชาติ เพื่อนๆลองดูเอาเองนะครับ


ตอนนั้นผมพยายามคิดหลายๆอย่าง อาจจะเป็น มือไปกดโดนรึป่าว แต่ผมงงว่า ทำไมถึงมีรูปซ้อน
แล้วไฟล์ภาพ มันไม่ปกติ อยู่รูปเดียว บริเวณตรงปากถ้ำ รูปอื่นปกติทุกรูป  ผมสาบานได้ว่าผมพูดเรื่องจริง  ปกติผมไม่เชื่อเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว  แต่มันก็แปลกเหมือนกันที่ผมไม่รู้ตัวเลยว่ามีไฟล์เสียอยู่ในโทรศัพท์ ปกติถ้าผมเห็นไฟล์เสียแบบนี้ตั้งแต่แรก  ผมคงจะเรียกให้คนอื่นดูตั้งแต่หน้าถ้ำแล้ว
เพราะตอนอยู่หน้าถ้ำ ถ่ายได้ปกติทุกรูป ตั้งใจถ่ายทุกรูป  ลองดูเอาเองนะครับ

จากตอนแรกที่ผมไม่ค่อยเชื่อ  พอมีเหตุการณ์แบบนี้ แถมเกิดขึ้นกับตัวเองอีก  ผมคิดว่าคงต้องมีอะไรบางอย่างที่เราอธิบายไม่ได้รึป่าว






พออาบน้ำเสร็จ เราก็เก็บของแบกขึ้นมอไซค์ บอกลาเจ้าของโรงแรม แล้วแว๊นส์ กันไปที่ ถนนคนม่วน
แต่พอไปถึงดูเวลาแล้ว น่าจะไปคืนรถไม่ทัน เพราะตอนนั้นจะ6 โมงครึ่งแล้ว เราก็เรยตัดสินใจว่า
ค่อยไปหาข้าวซอยกินในสนามบินละกัน เพราะวันมาผมเห็นร้านอยู่

พอขับไปได้ซักครึ่งทาง เห็นร้านโรตี จึงแวะซื้อโรตีกะว่าจะไปกินกะข้าวซอย บังเอิญข้างร้านขายลูกชิ้น
แอบไปซื้ออีก40บาท  นั่งกินตรงนั้นเลย  ไหนๆก็ไหนๆละ ซัดเจียวดาวที่อยู่ข้างร้านขายลูกชิ้นอีกซักจานละกัน 5555   แล้วก็เอาโรตีไปกินกะข้าวซอยที่สนามบินละกัน

และในที่สุดเราก็มาถึง สนามมบินทันเวลา และคืนรถ สรุปเราขับกันไป 229 KM  ในเวลาไม่ถึง 48 ชม.
แต่ยังโหดสู้ ที่พังงาไม่ได้ 2 วันซัดไป 4-5 ร้อยโล






หลังจากคืนรถเสร็จ เดินเข้าสนามบินไปเพื่อจะกินข้าวซอย แต่ปรากฏว่า แพงมากก ชามนึงเกือบ2ร้อย
ดีนะที่กินมาก่อนแล้ววว  5555  ก็เรยต้องคว้าโรตีมากินป่าวๆเลย 
 และก็เป้นอีกทริปนึงที่สนุกไม่แพ้ทริปอื่นเลย  ถ้ามีเวลาก็จะพยายามไล่เขียนให้ครบทุกทริปที่ไป

ว่ามันสนุกและเป็นความทรงจำที่ดีมากแค่ไหน  เอาจริงนะ ตอนนี้ที่กำลังนั่งเขียนอยู่ อีก2วัน
ผมต้องไปเสียมเรียบแล้ววว ไปดูเมืองมรดกโลก ด้วยตาตัวเอง ว่ายิ่งใหญ่จริงรึป่าว
แล้วเดี๋ยวกลับมาเล่าให้ฟัง ถึงแม้จะเลยมาหลายสัปดาห์ แต่ผมจำรายละเอียดต่างๆได้ทุกช็อต
จำความรู้สึกได้ทุกครั้ง ที่ออกเดินทาง  ทุกทริปมีความหมายกับผมหมด

ถ้ามีโอกาสอยากให้ลอง ออกไปใช้ชีวิตกันบ้างนะครับ ลองใช้ชีวิตในแบบของตัวเองดู
แล้วจะรู้ว่าความสุขทีี่แท้จริงมันเป็นยังไง   ลองออกไปทำอะไรที่มันบ้าๆ
แล้วจะรู้ว่าตัวเราเอง สร้างกรอบให้ตัวเองหนาแค่ไหน
ทุกคนอยากมีชีวิตที่อิสระ แต่บางคนเลือกที่จะทำแบบเดิมๆ
โดยที่ไม่รู้ตัวเองเลยว่า ชีวิตจะดำเนินไปทางไหน  แค่ควาามคิดเปลี่ยนทุกอย่างก็เปลี่ยน

คุณเห็นถนนหน้าบ้านมั๊ย ถ้าคุณคิดว่ามันไปได้แค่ที่ทำงานคุณก็จะวนอยู่แค่นั้น
แต่รู้มั๊ยว่าถนนหน้าบ้านที่ใช้ทุกวัน มันยาวไปจนถึงประเทศตุรกีได้เลยนะ 

แล้วเจอกันซักที่บนโลกใบนี้ครับผม !!



-----  One-life  -----

Popular Posts

Facebook