ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2561

นอนกลางฝน ฝ่าพายุ ไต่เขาล้อมหมวก ลอดถ้ำพระยานคร

sunrise
         กลับมาอีกแล้วนะครับ  บทความนี้ จะมาพูดถึงความสนุก ระหว่างทางมากมาย ความประทับใจที่เกิดขึ้นจากการเดินทาง เพียงแค่2วัน เท่านั้น    ถึงแม้จะแค่2วัน แต่เป็น2วันที่ผมเองจะไม่ลืมมมม

เราเริ่มต้นด้วยการแพลนว่าจะไปเที่ยวประจวบ ตั้งใจจะนอนริมทะเล ชิลๆ  แล้ววันรุ่งขึ้น ปีนขึ้นเขาล้อมหมวก เป็นอันจบภารกิจ แต่ความจริงมันจะสวยงามอย่างที่คิดไว้มั๊ยนะ     โดยการเดินทางครั้งนี้เดินทางโดยรถส่วนตัว เป็นครั้งแรกที่จะเดินทางโดยรถส่วนตัว เพราะปกติจะชอบใช้บริการรถสาธารณะมากกว่า
เพราะเห็นอะไรได้มากกว่า กว้างกว่า   ก็อยากรู้ว่าเดินทางโดยรถส่วนตัวจะสนุกแค่ไหน ?

  โดยการเดินทางครั้งนี้เราเดินทางกัน2คน  มีแฟนสาวอีกคนร่วมเดินทาง  เมื่อวันเดินทางมาถึง เช้าของวันเดินทาง ผมตื่นประมาณตี5ครึ่ง จัดการธุระส่วนตัว กะว่าจะออกเดินทางกัน6โมงครึ่ง  ตื่นมาก็ได้ยินเสียงฝนโปรยปราย ชุ่มฉ่ำเลยทีเดียว  ช่วงนั้นกว่าจะเอาของใส่รถ กว่าจะทำอะไรเสร็จ ล้อหมุนก็เกือบๆ7โมง   นี่เราเริ่มต้นทริปกันด้วยฝนเลยหรือนี่

จนขับออกไป ฝนก็ยังคงตกอย่างต่อเนื่อง ตอนนั้นก็แอบหวั่นใจ กลัวว่าเขาจะปิดและไม่ให้ขึ้น
จนขับไปถึงสมุทรสาคร ฝนที่ตกก็เบาบางลงแต่ยังคงครึ้มฟ้าครึ้มฝนทั่วฟ้า  เราแวะกินข้าวกันที่สมุทรสาคร เป็นร้านข้าวแกงที่ วิวแม่ง โคตรดี บวกกับบรรยากาศเย็นสบายหลังฝน  ชอบนะความรู้สึกแบบนี้   ทำให้อาหารโคตรอร่อย










ขนาดหมายังฟินกับบรรยากาศแบบนี้เลย  ทั้งที่วันก่อนหน้านี้ มีแดดมาทุกวันๆ แต่วันนี้ฝนตก
ก็เลยลองเปิดเช็คสภาพอากาศ ปรากฏว่า พายุเข้าครับ  วันนี้  เลยต้องเสี่ยงดวงกันหน่อยยยล่ะวันนี้

กินข้าวเสร็จก็มุ่งสู่ประจวบ  โดยที่เราแพลนว่าวันนี้ เราจะไปถ้ำพระยานครก่อนวันนี้ พอเข้าเขตอุทยานเขาสามร้อยยอดเท่านั้น  ฝนโหมกระหน่ำตกจริงจังมากกก  ได้แต่หวังว่าถ้ำจะยังเปิดอยู่นะ  เราแวะซื้อเสื้อกันฝนกันก่อนจะถึง  ทางขึ้นถ้ำพระยานคร  นั่นก็คือที่หาดบางปู  เราจะใช้วิธีเดินข้ามเขา2ลูก เพื่อไปถ้ำ    แต่เมื่อมาถึง ความผิดหวังแรกก็มาถึง เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่สามารถให้ขึ้นได้ เนื่องจากอันตราย

เราได้แต่อ้อนวอน ขอร้องอยู่นาน ว่าเรามากันไกลมากๆ  เจ้าหน้าที่ได้แต่บอกว่า ไว้เป็นโอกาสหน้านะ
ทำให้เรารู้สึกเซ็งเป็นอย่างมากกก และไม่รุจะเอาไงต่อกับทริปนี้ดี  เพราะดูทีท่าฝนไม่หยุดตกแน่นอน


ได้แต่กลับเข้าไปนั่งในรถ  ปรึกษากันว่าจะเอาไงต่อดี  ฝนตกแบบนี้การนอนเต้นท์กลางฝนเป็นเรื่องที่ผิดมาก เพราะมันเฉอะแฉะ  แล้วเต๊นท์ก็ไม่กันฝนอีก  ผมเรยบอกว่า หรือเราจะนอนกันที่หัวหิน  แล้วรอดูทีท่าฝนว่า พรุ่งนี้จะหยุดมั๊ย  ตอนนั้นต่างคนต่างก็คิดอะไรไม่ออก เพราะจุดหมายที่เราจะไปกางเต๊นท์คือ หาดวนกร ที่อยู่ห่างออกไปเกือบ 100โล เค้าเรยโทรไปที่อุทยานวนกรก่อน ว่าเปิดมั๊ย กางเต๊นท์ได้มั๊ย
คำตอบคือ เปิด แต่ที่กางเต๊นท์น่าจะเฉอะแฉะ เพราะฝนยังไม่หยุดตก และไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

เค้าถามผมกลับมาคำนึง ว่าผมทนความลำบากได้มั๊ย เราก็บอกว่า สบายมาก แต่ที่ไม่อยากไปเพราะกลัวพาเค้าไปลำบาก แต่ถ้าถามมาแบบนี้แล้ว ก็จัดไปครับ  go to หาดวนกร


หลังจากที่ออกมาจากหาดบางปูไม่นาน เราเจอเขาอยู่ลูกนึงตั้งเด่นสง่ามาก เลยพากันขับไปใกล้ๆ  ตั้งใจจะขับไปดูวิวใกล้ๆ  เราก็เจอลานโล่งๆอยู่ที่นึง มีเขาตั้งอยู่ตรงกลาง เป็นวิวที่แม่งโคตรดี  แฟนก็เลี้ยวรถเข้าไป เข้าไปได้เพียงนิดเดียว ต่างคนก็ต่างมองวิวที่อยู่ข้างหน้า ไม่มีใครสนใจทางกันเร๊ย ตอนที่เลี้ยวเข้าทางนี่เรียบกริบ ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ 55555  และแล้ว  รถก็ตกหลุมมม และเดินหน้าก็ไม่ไป ถอยหลังก็ไม่ได้  เอาแล้วววววว   รถเก๋งติดหล่มมค้าบบบ


แน่นอนว่ามันไม่มีทางเอาขึ้นได้ โดยลำพัง เพราะจมลงไปครึ่งล้อ พื้นก็เละ มากันแค่2คน แถวนั้นมีแค่ชาวบ้านที่อยู่แถวนั้น แน่นอนว่าเราต้องไปขอความช่วยเหลือเขา   ทางเดียวที่จะเอารถขึ้นได้ คือต้องเอารถมาลากขึ้น

งานเข้า !!  ทันใดนั้นเอง ก็มีชาวบ้านตะโกนถาม เข้าไปทำอะไรก๊านนน !!! เราก็ไม่รุจะตอบไง 5555
เข้าไปดูวิวงี้หรอ มันใช่เรื่องม่ะ 5555  เค้าก็เดินมาดู เราเลยบอกว่าต้องเอารถลากอย่างเดียวเลยพี่ หลังจากนนั้น เค้าเดินกลับไปเอาเชือกโยนขึ้นรถกระบะ ถอยมา โห เรานี่ซึ้งน้ำใจมากอ่ะ  ไม่คิดว่าเขาจะช่วยขนาดนี้ คนไทยน้ำใจงามจริงๆ  พี่เค้าก็ถามอีกครั้ง เข้าไปทำอะไรกัน 555  เราก็ตอบเสียงเบาๆ
เห็นภูเขามันสวยดีครับพี่ 5555

หลังจากขอบคุณพี่เค้าไม่นาน เอารถขึ้นมาขอบทาง มีป้าคนนึงขี่มอไซค์ผ่าน ตะโกนมาทางเรา
ระวังรถติดหล่มนะลูกกกกกกก !!!    เอ่อออ คือ ป้าครับ  ติดไปแล้วครับ  เพิ่งจะลากขึ้นมาเองครับ555555


จากนั้นขึ้นรถได้ก็ตรงไปยังหาดวนกรเลย โดยที่ฝนก็ยังคงตกอย่างต่อเนื่อง ตกแบบเหมือนวันนี้จะตกเป็นวันสุดท้าย   โดยก่อนจะถึงหาดวนกร เราแวะซื้อเสต็ก ที่แมคโครแช่ใส่กล่องโฟม เอาไปgrill ที่ริมทะเล  ยังจะคิดว่าชิลอีกนะ 5555   จากนั้นตรงไปยังหาดวนกร เสียค่าเข้า คนะละ40บาท ค่ารถคันละ50บาท  ไปถึงชายหาด ดีใจมาก ฝนไม่ตก ทรายก็ชื้นๆ พอกางเต๊นท์ได้ ฟ้าฝนเหมือนเป็นใจ





ไม่รอช้ารีบกางเต๊นท์ ก่อไฟทันที ช่วงเวลานั้นก็เกือบๆ6โมงเย็นแล้วววว  เต๊นท์เราเป็นเต๊นท์เล็กๆตั้งอยู่หน้าทะเล  เมื่อเทียบกับเต๊นท์อื่นแล้ว เค้ากางกันแบบจริงจังมาก ส่วนเราแค่นี้ก็พอ  ทุกอย่างเหมือนจะไปได้สวย  แฟนก่อไฟ ผมก็เอาเสต๊กลงย่างทันที  แต่โชคเหมือนจะไม่เข้าข้าง เพราะพายุกำลังจะมาครับโผมมมมมมมม  เสต๊กผมยังไม่ทันสุกเรยยยยย อีห่าาา

และแล้ว มันก็โถมกระหน่ำ  บางเต้นท์ก็ล้ม บางเต๊นท์ก็ยังยืนหยัดไหวสู้พายุ  แต่เต๊นท์ผม 55555
เพียงแค่สายลมบางเบา ก็ปลิว 5555 ผมต้องทิ้งเสต๊ก มาปลดผ้าใบออก ตอนนั้นมีผมเพียงคนเดียว แฟนผมไปห้องน้ำอยู่  สุดท้ายผมต้องยืนจับเต๊นท์ที่กำลังจะพังอยู่เพียงผู้เดียวววว  แล้วแฟนก็วิ่งหน้าตาตื่นมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น 55555 เมื่อกี๊ยังดีๆอยู่เรยย     เราเรยบอกเก็บของแล้ววไปหลบในรถก่อนน

ไม่ไปจร้าาาา ยืนจับเต้นท์ ตากฝน สายตาผมก็มองไปที่เสต๊ก2ชิ้น ภาวนาว่าอย่าเพิ่งไหม้นะเว้ย55555
ยังจะห่วงกินอีก เชื่อเค้าเรยยย   เราเรยบอกว่างั้นเอาของไปเก็บก่อน  เราต้องปลดเต๊นท์แล้ว พายุหนักมาก   จากนนั้นก็มี ผช เต๊นท์ข้างๆ วิ่งเข้ามาช่วยผม  ทั้งๆที่เต๊นท์เค้าก็โดนพายุเหมือนกัน  จังหวะนั้นเรารุสึกประทับใจคนไทยจังเลย  ทั้งๆที่ไม่รุจักกันไม่เคยคุยกัน แต่ความช่วยเหลือมีอยู่รอบตัวเราเสมอเรยยย

พี่เค้าก็ช่วยเราปลดเต้นท์ เก็บของจนเสร็จ เราก็เอาเต๊นท์เข้าไปหลบในศาลาก่อน จากนั้นก็ปรึกษากันว่าเอาไงดี จะกางในศาลา หรือกางชายหาด  สรุปกางชายหาดดิวะ มาขนาดนี้แล้วววววว


ต้องไปให้สุดดด  จัดแจงกางเตนท์ใหม่ เอารถมาบังทางลม ขึงผ้าใบกันฝน สายยาวไม่ถึงก็ใช้เชือกรองเท้ามาต่อ แล้วทำการย่างเสต๊กต่อ
ส่วนเสต๊ก2ชิ้นที่ย่างไว้   ลาก่อยยยยยย  ไหม้จนแทบจำเค้าโครงไม่ได้

ไหม้ไป2ชิ้น จาก6ชิ้น  หลังจากย่างเสต๊กก เล่นกีตาร์ชิลๆ เครื่องดื่มอีกนิดหน่อย  ฝนที่ตกมาก็ทำเอาเราปวดหัวอีกครั้ง เนื่องจาก ผ้าใบที่เตรียมไป ไม่กันฝน  เต๊นท์ก็ไม่กันฝนอีก   ต้องเอาเสื้อกันฝนที่ซื้อมาคลุมเต๊นท์ และเอาร่มมากางให้เต๊นท์ เพื่อไม่ให้เต้นท์เปียก   หลังจากนั้น3ทุ่มฝนก็โถมกระหน่ำมาอย่างหนักหน่วง นอนไปก็ระแวงไปว่าเต๊นท์มันจะพังมั๊ยวะ 55555 น้ำจะเข้ามั๊ยยน้าาาา  จากนั้นผมก็หลับไป
ผมรู้สึกตัวอีกที คือตอนประมาณตี1 ทำไมมันหนักๆขาวะ น้ำเริ่มซึมเข้ามาในเต๊นท์ เราเรยตากฝนออกไปดู  ผ้าใบที่ขึงไว้ น้ำมันขังรวมอยู่ตรงกลางลงมาทับเต๊นท์  ต้องยกผ้าใบทิ้งน้ำ แล้วผูกผ้าใบใหม่
นี่หรอชีวิตที่กุต้องการ 55555 ตี1ต้องมาตากฝนขึงผ้าใบ
น้ำซึมเข้าเต้นท์มานิดหน่อยยยแล้วก็หลับไปตื่นมาอีกทีประมาณตี5 ฝนหยุดตกแล้วววว

และแล้วเราก็ผ่านค่ำคืนนี้มาได้  ผมรีบตื่นไปทำธุระส่วนตัว แล้วมารอพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าที่ริมทะเล
มันช่างเป็นช่วงเวลาที่ดี ปนกับความสุข ความสนุกต่างๆที่ผ่านมาเมื่อวาน  ถึงแม้ว่าเมื่อวานแทบจะไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรเลยก็ตาม   



เช้าวันนี้อากาศช่างดีซะเหลือเกิน จนทำให้เรานึกถึงช่วงเวลาดีๆ ที่เคยเกิดขึ้นกับชีวิตว่ามีอะไรบ้าง
มันก็คงจะเหมือนกับวันนี้ ที่ต่อให้เจอเรื่องราวที่ไม่เป็นดั่งใจสุดท้าย   มันก็แค่ผ่านไป ...


ยามเช้าหาดวนกร




การนอนเต๊นท์ริมทะเล  มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากๆเรยนะ  อยากให้ทุกคนลองมาสัมผัส เพราะปกติ คนจะไปกางเต๊นท์กันตามเขา ตามป่า ต่างๆ ซึ่งผมเองเคยแล้ว  แต่อยากมาลองกางริมทะเลดู

ความรู้สึกจะดีแค่ไหนน  คำตอบคือ มันดีมากกกกกก มันฟินมากกก  ลองมากันดูนะ

ต่อไปเราเก็บของเสร็จประมาณ9โมงเช้า ก็รีบไปเขาล้อมหมวกกันเรยยยยย

กองบิน5



มาถึงก็ลงทะเบียนให้เรียบร้อย ควรมาก่อน11โมงนะ ถ้าเกินเขาจะไม่ให้ขึ้น  ซึ่งเขาล้อมหมวกไม่ได้เปิดให้ขึ้นตลอด เปิดเฉพาะวันหยุดยาว  หาวันในเน็ตได้เลยยยยยย

และแล้ววันนี้ฟ้าเป็นใจ ฟ้าใสเหมาะกับการปีนเขามากๆ

ซึ่งวันนี้มาปีนกัน2คน  เป็นเขาที่อาจจะต้องเตรียมถุงมือมาด้วย เพราะทางค่อนข้างชัน ต้องระวังนิดนึง
อาจต้องใช้2มือช่วยด้วย ในบางครั้ง  แต่ก็ไม่มีอะไรยากเกินใจเราแน่นอน

ใจถึงก็ไปถึง.....






 ช่วงจังหวะปีนขึ้นไปถ่ายรูประวังกันนึดนึงนะครับ  ผมพลาดไปหน่อยก้าวขาไม่พ้น โดนหินข่วนเลือดซิบไปตามระเบียบ  แล้วก็ด้านบนเขาไม่มที่กั้นอะไรทั้งนั้น ต้องระวังตกหน้าผากันเอาเอง
จริงๆไม่อันตรายนะ ถ้าไม่พิเรนท์ไปปีนแถวๆหน้าผา  อย่างตรงที่ผมนั่งอยู่ถัดออกไป ก็ลงทะเล๊ ทะเล5555


 การปีนขึ้นก็เป็นอะไรที่สนุกมากกก ได้เจอค่างแว่นอยู่ข้างทางเชื่องมากกกกก จะเดินเข้าไปถ่ายรูป มีคนหยิบขนมออกมา มันวิ่งไปหยิบขนมแล้ววิ่งเข้าป่าเลย  แสบจริงๆ มันรอขนมอยู่นี่เองงงง5555

ทั้งขึ้นและลงรวมถ่ายรูปใช้เวลาไป2ชม.ครึ่ง   เราก็ไปกันต่อที่เดิม คือถ้ำพระยานคร  คราวนี้ไม่พลาดแน่นอน   ไปถึงประมาณเกือบๆบ่าย2ครึ่ง เสียค่าเข้าคนละ40บาท ต้องเดินขึ้นลงเขา2ลูก เราไปจอดรถกันที่หาดบางปู  ทางขึ้นจะอยู่ตรงนั้น หรือจะเช่าเรืออกไปก็ได้  แต่เราเดินนน ระยะทางจากจุดเริ่มต้นถึงตัวถ้ำประมาณ2กิโลกว่า  ข้ามเขา1ลูก เพื่อที่จะไปลงหาดแหลมศาลา  เดินชิลๆไป เพื่อขึ้นเขาไปเข้าถ้ำพระยานครอีก1ลูก   ไหนๆก็มาประจวบแล้วควรจะมาให้ถึงกันนะ



พอถึงปากถ้ำก็จะเห็นความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติจริงๆ  มันยิ่งใหญ่มากๆ  มนุษย์เป็นเพียงสิ่งเล็กไปเรยย
แต่ข้อผิดพลาดคือเรามาในช่วงบ่าย3กว่าแล้ววว ถ้ามาช่วง13.00-14.00 จะเห็นแสงส่องผ่านลอดถ้ำพอดี


แต่พอเราเดินเข้ามา คนส่วนใหญ่จะนึกว่าที่เราเห็นคือด้านหน้า แต่จริงๆแล้วคือด้านหลัง ต้องเดินอ้อมไปอีกฝั่งก็จะเป็นบันไดขึ้น  แต่ห้ามขึ้นนะ


หลังจากเดินชม ถ่ายรูปอ่านประวัติกันเสร็จเราก็เดินออกกันทางเดิม ใช้เวลาเบ็ดเสร็จ2ชม.ครึ่ง อีกเช่นกันการเดินทางบางทีมันให้อะไรมากกว่าที่เราคิดเนอะ  การเดินไปถ้ำพระยานคร ไม่ยากมาก เดินสบายๆ แนะนำๆ    การเดินทางแน่นอนมันให้มุมมองที่ต่างจากการเปิดยูทูปดู หรือการเห็นจากสื่อต่างๆ
เพราะสิ่งที่คุณได้คือประสปการณ์ในชีวิตที่หาซื้อไม่ได้  อยากได้ก็ต้องออกไปค้นหาด้วยตัวเอง

Popular Posts

Facebook