ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

NIKKO : JAPAN EP 3.

NIKKO

EP.3

10.02.20



วันนี้แพลนเราคือไปเมืองมรดกโลก ของญี่ปุ่น นั่นก็คือ เมือง NIKKO 
เอาจริงๆ ก็ยังไม่ได้ศึกษามาเท่าไหร่ เกี่ยวกับเรื่องราวของเมืองนี้  แต่ได้รับมรดกโลก
ก็คงจะไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน  ลองไปดูให้เห็นกับตาเลยดีกว่า

let's go




เช้านี้เราต้องออกจากที่พัก ไม่เกิน 6.40  เพื่อไปขึ้นชินคันเซน ที่ UENO
ก็เหมือนเดิม คือ ขึ้นรถไฟใต้ดิน จาก G18 สถานีใกล้ที่พักของเรา ไปสถานี G16  ก็ถือว่าเป็นการเดินทางที่ไม่นานมาก แค่ 10 นาที ก็ถึง  เมื่อถึงสถานี UENO ก็ให้ต่อไปยังสถานี JR  เดินตามป้ายไป  มันจะเชื่อมสถานีกันอยู่   เมื่อถึงหน้าสถานี JR เราก็ยื่น JR PASS ให้เจ้าหน้าที่ดู  แค่นี้ก็ผ่านไปได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ปัญหามันกะลังจะเกิด ในอีกไม่ช้า






ด้วยความว่า ไม่ได้หาข้อมูลมาก่อนเลยว่า รถไฟญี่ปุ่นเค้าแยกเป็นกี่ราง กี่ประเภท เลยเข้าใจว่า แยกเป็น 2 ประเภท นั่นก็คือ รถไฟใต้ดิน และบนดิน เหมือนประเทศเรา  ซึ่งที่นี่ เค้าเรียกกันว่า metro และ JR


ก็เข้าใจว่าชินคันเซ็นจะมาจอดที่สถานี JR  ตอนนั้นเข้าใจแค่ว่า ชินคันเซ็นมันคือ รถไฟประเภทนึงซึ่งเอามาขับบนราง JR แต่ที่จริงมันไม่ใช่เลย  ผมก็มุ่งตรงไปที่ plat.5 เพราะมันเขียนว่า JR.  for utsunomiya  ซึ่งเราจะไปที่นี่  เราก็เลยไปยืนรอ ประมาณ  7.10  เกือบ 30 นาที  รถไฟออกเวลา 7.38   

รอแล้ว รถไฟก็ยังไม่มา จนใกล้เวลาแล้ว รถไฟก็ยังไม่มา จนถึงเวลาแล้วรถไฟก็ยังไม่มา ตอนนั้นก็ยังคิดเข้าข้างตัวเองอีก ว่ารถไฟคงเรท แต่ผ่านไป 5 นาทีก็ยังไม่มา ตอนนั้นตะหงิดใจแล้วว่าเรามาขึ้นถูกป่าววะ  คือตรงนั้นไม่มีเจ้าหน้าที่ให้ถามเลย บนตั๋วก็เป็นภาษาญี่ปุ่น  เลยเอาข้อมูลตั๋วที่เป็นอังกฤษขึ้นมาดู

โอ้ แม่เจ้า  ในตั๋ว อังกฤษ ระบุ plat.20 ซึ่งมันไม่ใช่ที่นี่นี่หว่า  ตอนนั้น เอาไงดีวะ  จะได้ไปมั๊ย รุตัวแล้วว่าตกรถไฟ ก็เลยลองหาสถานีให้เจอก่อนค่อยว่ากัน  พอมาดูป้าย  คือเจ็บใจมาก  เพราะเรามัวแต่ดู JR แต่มันจะมีป้ายเขียวเล็กๆ เขียนว่าชินคันเซ็น คือยึดป้ายผิด  โคตรเชี่ยเรย เจ็บใจตัวเองมากที่ไม่ดูให้ดี

เป็นประสบการณ์ที่สอนให้เราจำมาก  คราวนี้เดินตามป้ายไปเลย แล้วก็ไปเจอสถานีขายตั๋วของชินคันเซ็น  เราก็บอกว่า ขอเปลี่ยนตั๋วเป็นรถไฟรอบถัดไป  ดีที่ยังเปลี่ยนได้ ไม่เสียเงินเพิ่ม  ได้มีอีกที คือ 8.15 plat.20  คราวนี้ไม่พลาดละ  พอเดินไปตามป้ายก็จะมีทางเข้าชินคันเซ็นอีกชั้น  ก็ต้องโชว์พาสอีกรอบ




เมื่อเข้ามาได้ ก็ไปหน้า PLA  ไม่นานรถไฟก็มา  จากนั้นก็ขึ้นรถไฟ  แล้วก็ไปนั่งกินข้าว ใช้เวลา เกือบ ชั่วโมงเหมือนกัน กว่าจะถึง utsunomiya   เมื่อถึงสถานีแล้ว  ก็ยึดตามป้ายเหมือนเดิม คือ JR เพื่อต่อไปยังสถานี nikko เลย  อีก 1 ต่อ   พอลงรถไฟมา ก็ไปเข้าห้องน้ำ  ปัญหาเกิดอีก คือเข้าไปฉี่ในห้องน้ำสาธารณะ แต่มันมีแต่ภาษาญี่ปุ่น คือไม่รู้จะฟลัชน้ำตรงไหน ไม่มีปุ่มให้ฟลัช แล้วก็กดทุกปุ่มแล้วมันก็ยังไม่ยอมฟลัช  ก็เลยปล่อยแม่งอย่างงั้นแหละ  ต่อไปก็ฉี่ที่โถเอา สบายใจดี







พอเข้าห้องน้ำเสร็จ ก็เดินมาเข้า JR โชวพาส แล้วก็ไปรอรถไฟ  ไม่ต้องซื้อตั๋ว  มาขึ้นรถไฟได้เรย เป็นเหมือนทรานเฟอ  อากาศที่นี่ค่อนข้างหนาวกว่าโตเกียว และ nikko ก็คงจะหนาวกว่านี้  

ขึ้น JR มาได้ประมาณ 40 นาที ก็ถึง เมือง NIKKO พอเดินออกจาากสถานี ก็คือถึงเลย  พอเราเดินออกมาเข้าสถานี ด้านขวาจะเป็นจุดขายตั๋ว  เราสามารถซื้อได้ด้วยตนเอง หรือจะสอบถามเจ้าหน้าที่ก็ได้  มีเจ้าหน้าที่คอยให้ข้อมูลเหมือนกัน 


โดยหลักๆ ที่นี่แบ่งโซนเที่ยว เป็น 3 โซน คือโซนออนเซ็น  โซนมรดกโลก โซนธรรมชาติ  ถ้าใครไปถึงแล้วเดินออกจากสถานีมา มองไปทางขวาจะเห็นภูเขาลูกใหญ่ๆ นั่นแหละ  โซนธรรมชาติจะขึ้นไปยังเขาลูกนั้น  ส่วนโซนมรดกโลกจะอยู่ด้านล่าง  และโซนออนเซ็นจะไกลที่สุด และแพงที่สุด

ราคาของตั๋วแต่ละโซน  มีหลายแบบ แบบที่ฮิตสุดก็คือ 2100 เยน ขึ้นได้ทุกสาย  อีกแบบคือ 500 เยน  เป็นรถบัสขับทั่ว โซนมรดกโลก  อีกแบบคือ  เสียรายเที่ยวเอา ไปจ่ายบนรถนั่นแหละ  แต่ราคาจะแพงกว่า




ผมเลือกตั๋ว 2100 เยน ขึ้นได้ทุกสาย  แล้วก็ขึ้นไปเที่ยวโซน ธรรมชาติก่อน  นั่งรถประมาณ เกือบชั่วโมงเหมือนกันนะ  ระหว่างทาง คือสวยมาก  คือต้องมาให้ได้ ถ้าใครได้มาที่นี่แล้ว  ไม่งั้นจะเสียใจ

ระหว่างทางขึ้นภูเขาสูง แล้วก็หิมะเต็มไปหมด วิวดีมาก  เมื่อมาถึงข้างบนแล้ว ก็เดินไปที่น้ำตก KEGON WATERFALL ซึ่งจะอยู่ทางขวามือ  ระหว่างทางไปหิมะเต็มไปหมดเลย แล้วข้างบนก็หนาวมากๆด้วย แต่ลมไม่ค่อยมี  เมื่อเดินไปถึงตัวน้ำตก  ก็จะได้เห็นตัวน้ำตก ที่เป็นน้ำแข็งเกาะอยู่ด้วย สวยงามมาก










ส่วนใครที่อยากดูแบบใกล้ๆ ต้องเสียเงินเพิ่มอีก 500 เยน  เพื่อลงลิฟท์ไปดูด้านล่างใกล้ๆน้ำตก  ส่วนผมหรอ  ดูฟรี ใช้ซูมเอา   เมื่อเราถ่ายรูปจนหนำใจ เราไปซื้อมันฝรั่งบดทอดไส้หมูกินกัน 300 เยน  อร่อยดี


ยังไม่พอเดินไปซื้อไอติมชาเขียวกินอีก 300 เยน  แต่ไอติมไม่ละลายนะ  เอาไว้ข้างนอกนานแค่ไหนก็ไม่ละลาย   555  แล้วเราก็เดินต่อไปยัง ทะเลสาบ ชูเซ็นจิ  ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับน้ำตก  พอไปถึง คือสวยมาก  สวยกว่าในรีวิวเยอะเลย ต้องลองมาเห็นด้วยตาซักครั้ง น้ำก็ใส  บ้านเมืองเค้าก็สงบ วิวภูเขาด้านหลังก็อลังการ









เมื่อถ่ายรูปจนหนำใจ เสพวิวตรงหน้าจนพอใจ  ก็ได้เวลานั่งรถลงไปเที่ยวโซนมรดกโลกต่อ  bus.no9 แล้วใช้เดินเอา   พอลงมาถึงก็เดินไปเรื่อยๆ เราจะเจอวัดแรกนั่นก็คือวัด   Futarasan Shrine  แต่ไม่ได้เข้าไปด้านใน  เพราะชอบบรรยากาศโดยรอบมากกว่า ถ้าตัววัดเองก็ไม่ค่อยอินเท่าไหร่ ที่จะต้องเสียเงินเพิ่มไปดู  แต่ถ้าเป็นธรรมชาติน่ะ ไม่เกี่ยงเลย






แล้วเราก็เดินตามถถนนไปเรื่อยๆ จนไปเจออีก 1 วัด ชื่อวัด Toshogu shrine  วัดนี้เข้าไปด้านในได้ ไม่เสียตังค์ ก็เลยได้แวะเข้าไปถ่ายรูป  แล้วก็เดินไปต่ออีกวัด คือ วัดรินโนจิ  เป็นวัดสุดท้าย ก่อนจะเดินออกมาที่ถนน ข้ามฝั่งไปก็จะเป็นสะพานชินเคียว ซึ่งเป็นไฮไลท์ของ NIKKO คือถ้าเห็นสะพานนี้ ก็รู้เลยว่าเป็นเมือง NIKKO  แต่เราก็ถ่ายรูปเอาด้านนอกเหมือนเดิม  ถ้าใครอยากไปตรงสะพานก็ต้องเสียค่าเข้าเพิ่ม















แค่นี้ก็กินเวลาไปถึงบ่าย 3 โมงเย็นแล้ว  เราเลยกลับไปที่สถานีรถไฟ เพื่อไปขึ้น JR กลับ utsunomiya ระหว่างทาง ก็เลยซื้อเบียร์ ซัปโปโร เอามาจิบด้วย   แต่วิวนี่สิ อลังการงานสร้างจริงๆ  แล้วเราก็รอให้ถึง 16.20 เพื่อที่จะขึ้นรถไฟกลับ utsunomiya    ก็เข้ามานั่งรอ ในห้องนั่งรอ  มีฮีตเตอร์ให้ความอุ่นด้วย



ระหว่างนั้นก็ควักข้าวปั้นที่พกมา เอาออกมากินด้วย  พอรถไฟมาก็ไปขึ้นรถไฟกลับ อีก 40 นาที  บนรถไฟ JR มีระบบอุ่นตูดด้วย คือเบาะอุ่นมาก มีฮีตเตอร์อยู่ตรงเบาะนั่ง   เมื่อถึงสถานีแล้ว ก็เอาตั๋วชินคันเซ็นกลับโตเกียวไปเปลี่ยนรอบให้เร็วขึ้น จาก 18.20 เป็น 17.38  

เมื่อเราไปถึงสถานี UENO แล้ว เราก็ไปหาร้านกินข้าวกันดีกว่าเนื่องจากเวลาเหลือ ก็เลยนั่งรถไฟใต้ดินจาก G16 ไป G19 สถานีอาซากุสะ พอเดินขึ้นมาจากสถานี แล้วเดินตรงมาเรื่อยๆ ด้านขวาจะเป็นวัดเซ็นโซจิ เดินข้ามทางม้าลายไปก็จะเห็นคนยืนต่อคิวอยู่หน้าร้าน





จริงๆแล้วหาข้อมูลแค่ เป็นร้านขายทงคัตสึ เออ น่าอร่อยดี แต่ไม่คิดว่าคนจะเยอะขนาดนี้ ก็เรยคิดอยู่ว่าเอาไงดี แต่มาถึงละ ลองต่อคิวดูหน่อย  ปรากฏว่ารอไป 1 ชม ครึ่ง  ถึงจะได้คิว ยืนรอท่ามกลางความหนาว ขนาดว่ามีคนถอดใจไปบ้างแล้วก็เยอะ







แต่พอเข้าไปนั่ง ก็จะมีเตาหินมาให้เราย่าง แล้วบอกวิธีการกินให้กับเรา ที่ช้าก็เพราะแบบนี้แหละ กว่าจะย่างกว่าจะแนะนำกว่าจะเก็บ กว่าจะยกชุดใหม่มา แต่เชื่อมั๊ยว่า ตอนที่ยืนอยู่ก็เกือบถอดใจหลายครั้งมาก แพงก็โคตรแพง  แต่พอได้กินจริงๆ คือลืมเรื่องพวกนี้ไปเลย แล้วพอออกมาจากร้านก็ยังรู้สึกว่ามันคุ้มค่าอยู่เลย

อร่อยมาก  ผมเป็นคนที่ไม่กินเนื้อ  และไม่เคยกิน  จนได้กินครั้งนี้ครั้งแรก ยังแยกไม่ออกว่าเนื้อหรือหมู แต่รู้ว่านุ่มมาก  แล้วเนื้อไม่มีกลิ่นเรยแม้แต่น้อย  ตอนแรกคิดว่าหมูด้วยซ้ำ กินเสร็จก็เลยเดินไปเชฟ  เชฟบอกว่าเนื้อ  ไม่รู้ว่าเป็นเนื้อมัตสึซากะหรือป่าว ฟังไม่ทัน

กินเสร็จประมาณ 3 ทุ่ม แต่ตอนมายืนต่อคิว คือ 18.45 คิดดูว่ายาวนานขนาดไหน



กินเสร็จแล้วเดินออกมาหน้าร้าน คนต่อคิวยังยาวเท่าเดิมอยู่เลยอ่ะ  นับถือจริงๆ  กินเสร็จก็เดินกลับไปสถานีใต้ดิน แล้วนั่งจาก G19 ไป G01 จากต้นสายไปปลายสาย  เพื่อไป 5 แยกชิบูย่า  อยากไปเห็นด้วยตาซักครั้ง กับ 5 แยกที่โด่งดังแห่งนี้ 

ใช้เวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมงก็มาถึง ก็เดินลงไป่าย เดินข้ามไปข้ามมาอยู่ครึ่งชั่วโมง เพื่อถ่ายรูปให้ครบทุกมุม  พอถ่ายจนพอใจแล้ว ก็นั่งกลับทางเดิม จาก G01 มา G 18 เพื่อกลับที่พัก








กว่าจะถึงที่พักปาเข้าไป 5 ทุ่มกว่า  ก็เลยต้องรีบไปอาบน้ำ นอน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 เก็บของเช็คเอาท์ แล้วไป GALAYUZAWA  ตั้งแต่ 6 โมงเช้า 

พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว ที่จะได้อยู่ ญี่ปุ่น เห้อ  ไม่อยากกลับเรย ถ้าไม่ติดว่าอาหารที่นี่แพงไปหน่อย จะอยู่ยาวๆเลย







สุดท้ายเลยถ่ายรูปห้องน้ำญี่ปุ่นกลับมาด้วย คือเค้าใช้พื้นที่ได้คุ้มค่ามาก แยกโซนแห้งโซนเปียก โดยใช้พื้นที่แค่ 2*1 เมตรเท่านั้น 














มีน้ำอุ่นที่อ่างล้างหน้า ไดเป่าผมทุกอ่างล้างหน้า มีตู้ซักผ้าและอบแห้ง คือสะดวกสบายเอามากๆ

Popular Posts

Facebook