ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

บ้านป่าบงเปียง แม่แจ่ม แจ่มสมชื่อ !!



บันทึกการเดินทาง ณ วันที่ 5-6.10.19

บ้านป่าบงเปียง จ.เชียงใหม่

  สวัสดีๆๆ วันนี้เรามีแพลนการเดินทาง อีกครั้ง ไปไกลสุดไกลกันที่ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่  แน่นอนว่าทริปนี้ เราต้องบินไปลง จ.เชียงใหม่ก่อน  ก่อนที่จะแวนส์ จากเชียงใหม่ไปแม่แจ่ม  ระยะทาง ร้อยกว่ากิโลเมตร  

เอาล่ะ โดยแพลนการเดินทางครั้งนี้ คือเกิดจาก อยากจะไปดูนาขั้นบันได ที่สวยที่สุดในประเทศไทย นั่นก็คือที่นี่ บ้านป่าบงเปียง แม่แจ่ม   ก่อนอื่นเราต้องหาที่พักโฮมสเตย์   ที่นี่มีโฮมสเตย์หลายเจ้ามาก  และที่ดังที่สุดก็น่าจะเป็นที่นี่ ที่มาฉิโพ  เป็นที่ๆบล็อกเกอร์มาเที่ยวกันมากที่สุด และมีคิวเต็มยาวตลอดฤดูทำนา

เราโทรไปจองประมาณเดือน ก.ค หรือมิ.ย จำไม่ได้เหมือนกัน เราได้ที่พักที่ห้องว่างและเหลือเป็นห้องสุดท้าย คือวันเสาร์ที่ 5 ต.ค  เราตัดสินใจจองกับมาฉิโพ ซึ่งไม่คิดว่าจะได้ด้วยซ้ำไป แต่อาจจะเป็นความโชคดีของเรา 

3 เดือนผ่านไป



เมื่อถึงเวลาการเดินทาง  เราก็ต้องเก็บกระเป๋าแล้วก้าวเท้าออกจากกรอบเหมือนเดิม เหมือนทุกครั้งที่เคยทำ   แต่คราวนี้ไม่เหมือนทุกครั้ง เพราะไม่ได้ศึกษาเส้นทางอย่างละเอียดมาเลย  ใช้สัญชาตญาณ และเรื่องราวระหว่างทาง มาเป็นตัวขับเคลื่อนการเดินทาง 

เลิกงานเย็นวันศุกร์ เราได้ขับรถมาสนามบินอย่างว่องไว เพื่อขึ้นเครื่องให้ทันรอบ 19.25 เพื่อบินไปลงเชียงใหม่  การเดินทางมาสนามบินผ่านไปอย่างราบรื่นเหมือนทุกครั้ง  และซื้อเบียร์อีก 2 กระป๋องไปนั่งกินบนเครื่อง  แหม่ชิวกันเรยทีเดียว 




เมื่อถึงเชียงใหม่ ก็เป็นเวลาประมาณ เกือบ 3 ทุ่ม เราได้นั่งชัตเติ้ลบัส หน้าสนามบิน สายR3 ในราคา 20 บาท เพื่อไปยังที่พักของเรา นั่นคือ HUG HOSTEL ในราคาคืนละ 93 บาท  ในย่านประตูช้างเผือก 
เมื่อเรามาถึงประตูช้างเผือก เราก็เดินข้ามมาเช็คอินเข้าที่พัก  และเอากระเป๋าไปเก็บ แล้วก็ออกมาหาอะไรกิน 





ย่านช้างเผือกคือผมมาบ่อยมากแล้ว เมื่อมาถึงที่นี่ สิ่งที่ควรมากินเลย คือสุกี้ช้างเผือก มีเจ้าเดียวหน้าตลาด คนเยอะมาก สุกี้แห้งอร่อยมาก  เมื่อกินเสร็จเราก็เดินไป ร้าน north Jazz co op รอบนี้เป็นรอบที่ 3 ของผมแล้ว ผมว่ามันเป็นร้านแจ๊สที่ดีที่สุดในเชียงใหม่ 

และแล้วก็ผ่านไปด้วยดีสำหรับค่ำคืนในเชียงใหม่ 

05.10.19

เช้าวันใหม่ ผมตื่นมาด้วยเสียงนาฬิกาปลุก ฝรั่งยังนอนกันอยู่เต็มห้อง  แต่เราได้เวลาออกเดินทางอีกครั้ง ที่นอนของผมเมื่อคืนนอนสบายมาก ได้นอนเตียงบน ซึ่งเป็นเตียงที่ผมชอบนอนเพราะ มันไม่ถูกรบกวน และเป็นส่วนตัวดี 


เอาล่ะ เมื่อเราอาบน้ำ แต่งตัว ก็ออกไปหาเช่ารถมอไซค์ ตอนแรกจะเช่าที่พัก แต่วางมัดจำแพง เลยจะไปเช่าที่อาเขตดีกว่า เลยกะจะเดินไปขึ้นรถเมล์ไปอาเขต แต่รถเมล์ไม่มาซักที และคำนวนเวลาดูแล้วกว่าจะรอรถมา กว่าจะไปถึง กว่าจะเช่า กว่าจะขี่กลับมา คงจะนานมาก เราเลยลองหาร้านแถวนี้ดู 

ไม่เจอร้านมอไซค์เลย มีเพียงป้าย เราลองเชื่อวิธีนี้ดู เลยยกโทรศัพท์โทรหาตามป้ายที่ติดอยู่ตรงหน้าปากซอย ว่าให้เช่ารถมอไซค์ คันละ 200 บาท มันได้ผล  ป้าแกบอกว่าจะส่งคนมารับเราตรงป้ายนั่นแหละ รับไปหน้าร้าน ซึ่งอยู่อีกฝั่ง  และผมก็ดันเชื่อขึ้นรถไปกับคนแปลกหน้า เพื่อไปเช่ารถ 5555

ในที่สุดผมได้รถ มีโอ 125 มาในราคา วันละ 200 บาท ถูกมาก แถมป้าก็ใจดีโคตรๆ วางมัดจำ 1000 บาท
ได้เวลาไปแม่แจ่มกันจริงๆแล้ว ไปเก็บกระเป๋าที่ห้อง แล้วก็ลุยกันเลย มุ่งหน้าสู่อินทนนท์ กว่าจะออกจากเชียงใหม่ ก็ 10 โมงแล้ว มาถึงทางก่อนขึ้นดอย แวะกินข้าวและเติมน้ำมันให้เต็มถัง เพราะเราจะลุยยาวๆ

เมื่อเรากินข้าวกันเสร็จแล้ว ก็บิดขึ้นดอยอินทนนท์ ใช้เส้นทางผ่านจุดตรวจที่  1 และ 2 เมื่อผ่านจุดตรวจที่ 2 ก็เลี้ยวซ้ายไปทางแม่แจ่มเลยจร้า  ทางชัน แคบ แต่ไม่ใช่ปัญหา หนักกว่านี้เคยผ่านมาแล้ว 

แต่เพราะใช้สัญชาตญาณ และจอดถามนู่นนี่นั่น ทำให้หลงแบบไม่เป็นท่า บางทีไปทางที่ถูกแล้ว แต่ก็วกกลับมาไปทางที่ผิดอีก สรุปก็วนกลับมาทางเดิม คือความสนุกมันอยู่ตรงนี้แหละ มีเรื่องราวให้น่าจดจำ แต่อยากบอกว่าห้ามเชื่อ GPS เด็ดขาด เมื่อจะมาที่นี่ เพระมันใช้ไม่ได้ 

ให้เชื่อคนที่เค้าเคยมา  อย่างจุดที่จะลุยขึ้นไปป่าบงเปียง แค่4 KM แต่ทางชันมาก และชาวบ้านแต่ละคนมองดูรถเราแล้วบอกว่า ขึ้นไม่ได้แน่   แต่เราก็ยังดึงดันที่จะไป  ปรากฏว่าพอไปถึงทางที่ชาวบ้านว่า คือประเมินรถตัวเองดูแล้วไม่น่าไหว  เลยวกกลับมาทางถนนหลัก ขับไปอ้อมอีก เกือบ 30 กิโล 

แต่อย่างน้อยเราก็ได้ทำมันจนถึงที่สุด ให้รู้ว่าเออ ไปไม่ไหวจิงๆนะ ถึงจะยอมถอดใจ ถอยหลังกลับ
สรุปมาถึงบ้านปงเปียง บ่าย3 เกือบบ่าย 4 คลำทางมาเรื่อยๆ ถามชาวบ้านตลอดทาง 


เอาล่ะ ต่อไปนี้คือจะสรุปเส้นทางง่ายๆให้ 

- ขับจากเชียงใหม่มาทางดอยอินทนนท์
- เลี้ยวขวาเข้าดอยอินทนนท์ ขึ้นไปเรื่อยๆ ผ่านจุดตรวจ 1 และ 2 
- เมื่อผ่านจุดตราวจที่ 2 จะมีทางเลี้ยวซ้ายขึ้นไปทางแม่แจ่ม
- ตรงไปตามทางยาวอย่างเดียว ขึ้นเขาลงเขาบ้าง
- ไปจนสุดทางจะเจอวงเวียน เป็น3แยก ให้เลี้ยวซ้าย
-ตรงไปจนสุดทาง จะเจอสามแยก ที่ว่าการอำเภอแม่แจ่ม ให้เลี้ยวขวา
- จากนั้นตรงยาวๆ ไปเกือบ 10 กิโล ไปทางน้ำออกฮู
- ผ่านน้ำออกฮูไปไม่ไกลประมาณ 1-2กิโล สังเกตุขวามือ จะเป็นทางเบี่ยงขวาเล็กๆ เข้าไปยังโรงเรียนทุ่งยาว วัดทุ่งยาว ไม่แน่ใจให้ถามชาวบ้านแถวนั้น  จากนั้นตรงไปเรื่อยๆ 
- จะมีเลี้ยวขวาอยู่ 1 ช่วงให้ถามชาวบ้านแถวนั้นไปบงเปียง จำได้ว่ามีแยกขวาอยู่แยกเดียว
- จากนั้นตรงยาวตามทาง ไม่ต้องเลี้ยวไหน อีก เกือบ 10กิโล ก็จะถึงบ้านบงเปียงแล้ว









เมื่อมาถึงมาฉิโพ เราก็แจ้งชื่อ แต่ที่เซอไพรส์กว่านั้นคือ เราได้บ้านพักที่อยู่กลางนา คือวิวดีที่สุด ของมาฉิโพแล้ว แล้วก็คือหลังที่ดีที่สุดที่มาฉิโพมี  คือวิวมันไม่มีอะไรมาบดบังจริงๆ ถ้าใครติดตามจะเห็นรูปจากไอจีบ้างแล้ว  เรางงการจัดการมาก ทั้งๆที่เราจองได้คนสุดท้าย และมาก็ยังเป็นคนสุดท้ายอีก แต่กลับได้บ้านที่ดีที่สุด จนคนอื่นอิจฉากันเลยทีเดียว



คือต้องเดินลงผ่านทุ่งนา ไปเกือบ 10 นาทีกันเลย ไกลมาก คือกลางทุ่งนาของจริงไม่มีบ้านไหนบังวิวเราเลย แต่บ้านเราไปบังคนอื่น 555  มีพื้นที่หน้าบ้านกว้างมากๆ มีเนื้อที่ข้างบ้าน มีห้องน้ำส่วนตัว มีห้องนอน2ห้อง มีก๊อกน้ำที่น้ำไหลมาจากน้ำตกแม่ปาน มีบ้านเราบ้านเดียวที่มีท่อน้ำตกนี้ แล้วเปิดตลอดไหลแบบนี้ทั้งวันทั้งคืน  ฟินมาก  ผมอาบน้ำหน้าบ้าน จากก๊อกนี้แหละ โคตรธรรมชาติอ่ะ







ซื้อเบียร์มากิน 4 กระป๋อง มีข้าวมาส่งตอน 6 โมงเย็น กับข้าวดีมาก  วิวดีบรรยากาศดี มีเทียนให้มีขันโตก ยากันยุงให้ ทุกอย่างลงตัว  เป็นทริปที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้  โดยเราเสียค่าใช้จ่าย แค่คนละ 500 บาท แต่วิวอลังการสัส จะมา1 คน ก็500 บาท ที่นี่คิดเป็นหัวจร้า  เจ๋งมากแล้วก็โชคดีมากที่ได้บ้านหลังนี้







คนอื่นที่มาก่อนผมได้บ้านหลังบนๆ ยังต้องเดินมาเที่ยวบ้านผมเลย แต่บ้านผมไม่ต้องเดินไปไหนเลย เพราะมันครบ จบ แค่ที่นี่ที่เดียว เราใช้เวลาดื่มด่ำกับบรรยากาศบ้านหลังนี้ ตลอดช่วงเวลาที่เรามาถึง ที่นี่ไม่มีไฟฟ้า มีแต่แสงเทียน และไฟฉายโซลาเซลล์ ที่เค้ามีให้ เจ๋งสุดๆ



ห้องน้ำแค่เปิดประตูทิ้งไว้ ก็ถือว่าเป็นห้องน้ำที่วิวดีสุดๆในการปลดทุกข์เรยทีเดียว แนะนำว่าควรมาซักครั้งในชีวิต




มาพูดถึงมื้อเย็นวันนี้ เรามีกับข้าวใส่ปิ่นโตมา แล้วก็กระติก 1 กระติก พร้อมกับจานและช้อน  พอเราเปิดปิ่นโตดู เมนูวันนี้คือ ผัดกระเพราหมูสับ กุนเชียง น้ำพริก ไข่เจียว แล้วก็ผผัดแตงกวาผัดไข่ คือ อร่อยมาก อร่อยบรรยากาศ รสชาติก็จะเป็นไปในทาง local กันเลยทีเดียว กินกันท่ามกลางแสงเทียน ฟีลนี้ผมเคยกินตอนอยู่เชียงดาว ยังจำความรู้สึกนั้นได้ดีอยู่เลย

ในส่วนของค่ำคืนนี้ เมื่อเรากินข้าวกันเสร็จแล้ว เราได้ทำการอาบน้ำมันหน้าบ้านนั่นแหละ โคตรได้ฟิลอ่ะ เวลาฉี่ก็ฉี่หน้าบ้านเลย ได้ฟีลธรรมชาติมากๆ อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันก็น้ำจากน้ำตกนี่แหละ และยามค่ำคืนต้องบอกเรยว่าเย็นมาก ตอนแรกจะนอนข้างนอก แต่คงไม่ไหวน้ำค้างแรงมากจร้า

ขนาดว่านอนในห้องยังห่มผ้า2ชั้น มีห้องนอน 2 ห้องนะ แต่นอนกันแค่ห้องเดียว  ฟินกันจริงๆ
เรานอนกันตั้งแต่ 2 ทุ่ม ปรากฏว่าตื่นมาตอนเที่ยงคืนจร้า  ออกมาฉี่ แล้วก็มายืนดูดาว ดาวชัดมาก แล้วก็เยอะมาก   ลองนึกถึงบรรยากาศสิ ดูดาวตอนเที่ยงคืน อากาศเย็นๆ ดวงดาวสว่างๆ มันเป็นอะไรที่ในเมืองหาไม่ได้อ่ะ   

06.10.19



สวัสดีเช้าวันใหม่ วันนี้เราตื่นกันตั้งแต่เช้ามาสูดอากาศ แค่เปิดประตูมาก็ฟินแล้วอ่ะ แล้วมีทะเลหมอกอยู่หน้าบ้านเรา   อากาศเย็นๆ กับวิวอลังการ ไปเข้าห้องน้ำนี่ไม่ต้องปิดประตู เปิดรับบรรยากาศเต็มๆ  ล้างหน้าแปรงฟันหน้าบ้านเหมือนเดิม 




ไม่นาน ก็มียายเอากระติกน้ำร้อน กับแก้ว แล้วก็ไมโลและกาแฟมาเสิร์ฟ  ได้ชงและจิบอุ่นๆกับบรรยากาศ มีความสุขชะมัด  พอเริ่มสายหน่อย ก็เอาข้าวมาเสิร์ฟอีกรอบ เป็นข้าวต้ม มีเครื่องเคียงเป็นไข่ต้ม กุนเชียง ผัดผัก คือคุ้มมากจริงๆ แนะนำว่าจองให้ได้บ้านหลังกลางทุ่งนา แล้วคุณจะรู้สึกเหมือนผมตอนนี้










พอเริ่มสายอีกหน่อยซัก 8 โมง หมอกเริ่มซัดเข้ามาที่หน้าบ้าน ฟินกันไปอีก พอสายอีกหน่อย แสงแดดก็จะสาดไปที่ทุ่งนา ทำให้ทุ่งนากลายเป็นแสงสีทองกับเขียวปนกัน คือฟินมาก  ด้านข้างบ้านเราพอมองออกไปก็จะเห็นเป็นขั้นบันไดเรยจ่ะพี่จ๋า








จากนั้นเราเริ่มเก็บของเตรียมตัวกลับเชียงใหม่ จากนั้นก็มีผู้คนเดินมาเที่ยวที่บ้านเรา มาคุยนู่นี่นั่น แล้วก็ขึ้นมาถ่ายรูปบนบ้านเรา  555 แต่เราจะไปแล้ว ก็เลยไม่ได้ว่าอะไร บ้านเรานี่วิวดีสุดๆในระแวกนี้แล้ว ใครเห็นนี่ก็ต้องมาถ่ายรูป บล็อกเกอร์ดังๆก็มาที่นี่เยอะมาก




เอาล่ะ ได้เวลากลับซักที  เราออกจากบ้านป่าบงเปียงประมาณ 11 โมงเช้า แล้วแวะจอดถ่ายรูปบ้างประปราย แล้วไปแวะกินก๋วยเตี๋ยว วิวดีมากๆ ของแม่แจ่ม ราคาถูกมาก มาม่าหมูสับ ชามละแค่ 30 บาทเท่านั้น  แต่อร่อยเหลือล้น วิวก็ดี ฟินๆ

เมื่อเราออกจาากหมู่บ้านมาได้ ลัดเลาะมาตามถนนเส้นหลัก เราก็แวะเที่ยว น้ำออกฮู เค้าว่ามีน้ำใสและไหลมาตลอดปี  พอเข้าไปดู เออว่ะ ใสจริง และมีตำนานความเชื่อของคนที่นี่เขียนป้ายแปะไว้อยู่เหมือนกัน









จากนั้นเรากลับทางเดิม กว่าจะไปถึงตัวเชียงใหม่ จอดหลบฝนบ้าง 2-3 จุด ถึงเชียงใหม่ประมาณ 5 โมงเย็น เราเลยไปแวะกินข้าวซอยนิมมานกันก่อน จะเดินทางกลับ  รสชาติเดิมๆที่คุ้นเคย ยังอร่อยเหมือนเดิม มากี่ครั้งก็ต้องมากิน แต่รู้มั๊ยว่า นี่เป็นร้านที่เปิดเพื่อนักท่องเที่ยวเท่านั้น คือคนพื้นที่เค้าไม่มากินหรือเด็กเชียงใหม่แท้ๆเค้าจะไม่มากินกัน เพราะรสชาติถูกดัดแปลงให้คน กรุงเทพหรือคนภาคกลางกินแล้วรู้สึกอร่อย 



ถ้าอยากกินข้าวซอยแบบฉบับคนเมืองจริงๆ ต้องไปหากินตามตลาด นั่นแหละ local แท้ๆ เอาล่ะ พอเรากินเสร็จละ ก็ได้เวลาเอารถไปคืน แล้วก็เอาเงินมัดจำคืน ชื่อร้าน T MOTOR ใครไปก็มาแวะเช่าได้ วันละ 200 บาทเท่านั้น แถมมีบริการรับฟรีสนามบินด้วยจร้า



เมื่อคืนรถเสร็จเรียบร้อย เราก็เดินไปขึ้นรถสาย R3 หน้าวัดโลกโมฬี อีก 20 บาท เพื่อไปสนามบิน ลาก่อนเชียงใหม่ เราซื้อตั๋วได้ไฟล์ทกลับ 21.10  ก็โอเครนะ  มาถึงสนาามบินก็นั่งกินอเมซอนชิวๆไปจร้า ได้เวลาก็เช็คอินโหลดกระเป๋าเข้าเกต  ถึงดอนเมืองก็ประมาณ 4 ทุ่มกว่า กว่าจะถึงห้องก็ประมาณ 5 ทุ่มครึ่ง


เป็นอันว่า แค่ 48 ชม. เราก็ไปได้ไกลมากๆเรยนะ ได้ออกไปดูโลกอีกมุม ซึ่งมันก็ฟินดีอ่ะ  แนะนำถ้ามีโอกาสอย่ารอ ไปเถอะ ชีวิตคนเรามันสั้น ไม่รู้ว่าจะมีวันพรุ่งนี้รึเปล่า  ถ้าอยากทำอะไรควรลงมือทำเลย เพราะเราเกิดมาบนโลกใบนี้ ได้แค่ชั่วคราว ไม่นานเราก็ต้องจากโลกนี้ไป  เพราะฉะนั้น จงใช้ชีวิตที่มีให้คุ้มค่าและมีความหมายนั่นคือสิ่งที่มนุษย์ควรทำ



Popular Posts

Facebook