ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันศุกร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2562

มัลดีฟส์ สวรรค์ของคนคลั่งทะเล EP 2

06.05.19


สวัสดีครับ
เรามาเล่ากันต่อจากเหตุการณ์เดิม




และวันนี้ จริงๆแล้วแพลนเราคือ
ออกเรือไปดำน้ำดูประการังกับเต่าทะเล
ค่าทัวร์จะตกคนละ 35 US แต่เราดันทำโกโปรพัง

เราก็เลยวางแผนกันใหม่ว่า เราอาจจะเปลี่ยน
มาทัวร์เกาะมาฟูชิแทน เพราะไหนๆเราก็มาแล้ว
ไม่อยากให้เสียเที่ยว แถมบนเกาะนี้
ยังมีอะไรที่เราไม่ได้ค้นหาอีกเยอะแยะ
นอกจากแค่มานอน


เอาล่ะ เริ่มกันที่เช้าตรู่วันนี้
เราได้ตื่นไปสำรวจเกาะกันในยามเช้า 
ไปทางทิศตะวันออกของเกาะ
หรือที่คนที่นี่เรียกกันว่า sunrise beach

ที่นี่เป็นเกาะเล็กๆ ไม่ต้องเช่ารถอะไรทั้งนั้น
เพราะสามารถเดินได้ทั่วทั้งเกาะ
โดยใช้เวลาไม่ถึง ชม.

เมื่อล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ 
ตอนนี้เป็นเวลา 6 โมงเช้า
ผมเองก็เดินออกจากที่พัก เพื่อไปดู
พระอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้นในยามเช้า

เดินเพียงไม่นานประมาณ 5 นาที ก็เจอทะเลแล้ว
แต่ภาพที่เห็นตรงหน้า คือ มันสวยมาก
แต่พระอาทิตย์ได้ขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว

แต่ที่น่าทึ่งคือแสงที่ส่องมาสะท้อนกับผิวน้ำที่นิ่งแบบนี้
คือมันสวยมาก มันเหมือนกระจกเรยล่ะ
ไม่มีอะไรมาบดบังมัน
มีแค่ขอบฟ้าที่กั้นระหว่าง ท้องฟ้าและทะเล

คือมันสวยมากจริงๆ แล้วก็มีต้นไม้ที่เป็นพร๊อพ
และอีกาที่บินมาเกาะ ได้อารมณ์
ไปอีกแบบ ราวกับอยู่โบลิเวีย
ถ้าใครเคยได้เห็น ภาพที่ขอบฟ้าสะท้อน
กับพื้นน้ำ ที่โบลิเวีย ที่นี่สวยแทบไม่ต่างกัน

เราอยู่ชื่นชมมัน จนมันขึ้นส่องแสง
เราจึงเดินเล่นไปเรื่อยๆ เดินสำรวจ
รอบๆเกาะ ก็จะเห็นหาดที่เป็นหาดเฉพาะนักท่องเที่ยว
ซึ่งมันสวยยมาก มีลูกฉลามเข้ามาหากิน
แล้วก็มีฝูงปลาเล็กๆ มีฝรั่งดำน้ำอยู่นอกชายฝั่ง






เราเลยกะว่า วันนี้เราจะมาเล่นน้ำกันที่นี่แหละ
หลังจากนั้น ผมก็เดินกลับไปที่พัก
อาบน้ำ แต่งตัว แล้วลงมากินอาหารเช้า
อาหารเช้าที่นี่ก็จะเหมือนเดิม เหมือนเมื่อวานนี้

เพิ่มเติมคือทากันแดดได้ฟรีๆนี่แหละ
หลังจากกินข้าวเสร็จ เตรียมของไปนั่งริมหาด
แล้วก็เดินไปชายหาด นักท่องเที่ยว




ตอนนั้นเป็นช่วงเวลา 10 โมงกว่า ซึ่งตอนเช้า
น้ำจะยังใสมากๆอยู่ ยิ่งถ้าโดนแดดในช่วงเช้า
คือมันใสมาก ผมสังเกตุจากเมื่อวานที่ผมไปรีสอร์ท


เรยแนะนำว่า ถ้าใครมามัลดีฟท์
ช่วงเช้าบริเวณชายหาด น้ำจะใสมากๆๆ
ก็เลยแนะนำว่า ให้มาเล่นช่วงเช้าจะดีกว่า
ช่วงบ่ายน้ำจะเริ่มขุ่นละ

ผมลาก ฟินกับอุปกรณ์ดำน้ำไปเล่นด้วย
โห !! น้ำทะเลแม่งโคตรใส ใสจนสะท้อน
แบบแสบตามากๆ





ยิ่งตรงออกไปนอกชายฝั่งหน่อย ตรงนั้นคือพีค!
อีเหี้ยยยย มันสวยยย
แล้วยังมีลูกฉลามที่มาหากินฝูงปลาอยู่ตรงชายฝั่ง
อีกเป็น 10 ตัว คือมันนดีมากเว้ยยย
ความรุสึกตอนนั้น คือ มันได้พักผ่อน
อยากทำอะไรก็ได้ทำ
เอาล่ะ ไม่รอช้า
ลงน้ำไปพร้อมฟิน ดำสน็อคเกิ้ล
ดูประการัง ฉันจะพาเทอดำดิ่งลึกๆลงไป
5555+




มีความสุขสัส
เล่นน้ำ ถ่ายรูป อยู่ประมาณ 3 ชม.
ดำสิค๊าบบบ ไหม้ ...
ก็เลยกลับไปอาบน้ำนอนพักซักแป๊ป




ตื่นมาอีกที 4 โมงเย็นจร้า
ไม่มีอะไรมากคว้าฟิน ออกไปดำน้ำเหมือนเดิม
แต่คราวนี้น้ำขุ่นแล้วว ไม่รุเพราะอะไร
แดดก็ยังคงร้อนแรง
และฝั่งนี้แหละ คือฝั่งที่พระอาทิตย์จะตก
ต้องบอกว่าตอนขึ้นว่าสวยแล้ว
ตอนตกก็สวยเช่นเดียวกัน






คือเราชอบประเทศนี้ไปเลย
เค้าต้องอยู่กับธรรมชาติแบบนี้ทุกวัน
คงจะฟินน่าดู




นั่งดูพระอาทิตย์ตก
ถ่ายรูปพระอาทิตย์ตก ตอนมีนกกระยาง
เล่นกับแมว เดินเล่นบนหาดทราย
แค่นี้ มันรู้สึกว่าชีวิตมันมีความหมาย
คือ เราไม่เสียดายช่วงเวลาที่มันผ่านไปเลย
เพราะเราต้องการให้มันหมดไปกับสิ่งนี้
สิ่งที่เราเรียกมันว่าความทรงจำ



หลังจากมืดค่ำ ก็เดินกลับที่พัก
อาบน้ำ แล้วก็มานั่งกินข้าวกินมาม่ากัน
มันรุสึกดีนะ ที่ได้ใช้ชีวิตแบบนี้




ผมไม่ได้รวย ไม่ได้มีเงินเยอะ
แต่ผมก็เลือกที่จะทำตามแบบฉบับที่ผมเองพอใจ
เรามีแค่ไหนก็สุขในแบบที่เรามี
แค่นี้มันเพียงพอแล้ว





ผมไม่สนใจคำพูดของใครหรอก
ว่าไปถึงมัลดีฟส์แล้ว มึงก็ต้องพักกลางน้ำสิวะ
เราเป็นคนเดินทาง ชีวิตเป็นของเรา
เราเป็นคนเลือกว่าจะใช้ชีวิตของเราเองยังไง

และนี่คือคืนสุดท้าย ในมัลดีฟส์
เพราะพรุ่งนี้เราก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตเช่นเดิม
แต่แค่นี้ ผมคิดว่ามันโคตรคุ้มค่าเรยว่ะ


07.05.19




วันนี้เราตื่นกันเช้ามากๆ ตั้งแต่ตี5 ล้างหน้าแปรงฟัน
แล้วรีบออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ที่เดิม
คราวนี้สมใจอยาก เพราะแสงสวยมาก
มากกว่าเมื่อวานเยอะเรย





ขอบคุณมากที่ตื่นมาในวันนี้
เราทำการดื่มด่ำกับที่นี่ เป็นวันสุดท้าย
ก่อนที่จะจากที่นี่ไปอีกไม่กีชั่วโมงข้างหน้า





จากนั้นประมาณ 6 โมงครึ่ง
เรากลับมาที่พัก เก็บของ แล้วลงมากินอาหารเช้า
เพราะเรือเฟอรี ท้องถิ่นจะออกเรือกลับมาเล
8 โมงเช้า มีรอบเดียว พลาดแล้ว พลาดเรย










เพราะฉะนั้นอย่าให้พลาดดีกว่า
เพราะขึ้นเรือท้องถิ่น ราคาแค่ 2 เหรียญเท่านั้น
พอได้เวลา 8 โมงเราก็มาที่ท่าเรือ



อย่างที่คิดคือ เรือออกตรงเวลามาก
ใช้เวลาประมาณ เกือบ 2 ชม.
ก็มาถึงเกาะมาเล เมืองหลวงประเทศมัลดีฟส์
แต่คราวนี้เราเหมือนจะเคว้ง
เพราะไม่ได้หาข้อมูลอะไรมาเรย












เราเดินไปตามตึก ตรอก ซอยเรื่อยๆ
เพื่อที่จะหาร้านกาแฟนั่ง
เพื่อใช้ wifi แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอ
ร้านใดๆ หรือห้างใดๆทั้งนั้น
แม้แต่ร้านข้าวยังปิด





งง สิครับ 5555
เพิ่งมารู้ทีหลังว่า ที่นี่เค้ากินกันเป็นเวลา
ร้านก็เปิดเป็นเวลา ไม่เหมือนบ้านเรา
ที่เปิดทั้งวัน




เดินไปเรื่อยจนเริ่มเหนื่อย
และร้อนมาก ก็เข้าไปยืนพัก
เพราะประเทศนี้อินเตอร์เน็ตแทบไม่มีฟรีเรย
ไม่มีเล็ดลอดออกมาให้เราได้ใช้หาข้อมูลเรย

หลังจากยืนกันอยู่แป๊ปนึง ก็มีชายคนนึง
เดินเข้ามาถาม เข้ามาคุย ว่าจะไปไหน
ทำอะไรกัน มาจากไหน จะไปไหนต่อ
แล้วเค้าก็ชวนเรา ไปเกาะที่บ้านเค้า
ต้องนั่งเรือออกไป 7 นาาที เค้าถามว่าเราจะไปมั๊ย

เพราะเค้าเพิ่งเลิกงานมาพอดี
เด๋วเค้าจะพาเที่ยวบนเกาะชาวบ้าน
ชื่อเกาะ วิริง กิลี ถ้าอ่านผิดขออภัย

เราเองไม่เคยได้ยินชื่อ และมั่นใจว่าคนไทย
ไม่เคยไปแน่นอน ไม่มีการรีวิวที่ใดมาก่อนแน่นอน
เพราะท่าเรืออยู่คนละฝั่งกับท่าใหญ่ที่ไปสนามบิน

เราตัดสินใจไปกับคนแปลกหน้า
ที่เพิ่งคุยกันไม่กี่คำ
เพราะบางที เค้าอาจจะมีน้ำใจจริงๆก็ได้
โดยเราเสียค่าเรือกันไป 3.5 รูฟียาห์










ซึ่งมันโคตรถูก
ตอนนี้เรานั่งมาได้ 7 นาที ก็ถึงเกาะจริงๆ
คือมันไม่ไกลกันมาก แต่พอมาถึงฝั่งนี้
คือมีแต่ชาวบ้าน
ไม่มีนักท่องเที่ยวเรยแม้แต่คนเดียว
ฝรั่งก็ไม่เจอเลยซักคน
ผมเริ่มรุสึกถึงการเที่ยวแบบใหม่โดยทันที

เมื่อเรามาถึง เค้าให้เรารอที่ร้านกาแฟ
เพราะเค้าตต้องเอากับข้าวไปเก็บที่บ้านก่อน
แล้วเดี๋ยวเค้าจะออกมารับ


เราก็นั่งกินอะไรรอไป ก็หมดไปอีกเกือบ 200 บาท
จากนั้นไม่นาน เค้าก็มารับเราและพาเราทัวร์
เกาะชาวบ้านแห่งนี้ ยิ่งเดินไปก็ได้เห็นอะไรที่แตกต่าง
จากที่เคยเห็นมา คือชาวบ้านตกปลาแบบดั้งเดิม
แล้วก็พาเราลัดเลาะไปตามหาดต่างๆ
เล่าประวัติความเป็นมา ว่าที่นี่เคยเป็นรีสอร์ท
แต่ก็โดนทุบทิ้งไป จนตอนนี้มองออกไปที่ทะเล
มีการทำรีสอร์ทขึ้นอีก 2-3 เกาะ
โดยนายทุนจากดูไบ นั่นเอง






เราเดินกันจนทั่วเกาะจริงๆ
เค้าพาเดินชมรอบเมือง ประมาณ 2-3 ชม. ได้
จนพาเราวนกลับมาส่งที่ท่าเรือ
คือ เราดีใจมากที่แบบเจอคนใจดี
มิตรภาพระหว่างทาง ที่หาจากที่ไหนไม่ได้
คือต้องออกมาเจอเอง























ขอบคุณเค้าคนนี้จริงๆที่พาเราเที่ยวรอบเกาะ
ใช้เวลาประมาณ ครึ่งวัน คิดซะว่าเป็นฮาร์ฟ เดย์ ทริปที่คุ้มค่าในเรื่องของมิตรภาพระหว่างทาง บอกตรงๆว่าคนที่นี่ จิตใจดีและมีน้ำใจจริงๆ ก่อนจากลากัน ขอบันทึกภาพความทรงจำไว้หน่อยละกัน  เราไม่มีอะไรจะตอบแทนเค้าจริงๆ แล้วเค้าก็ไม่ได้หวังเงินหรืออะไรจากเรา ยอมเสียสละเวลานอน เพื่อพาเราเดินรอบเกาะ มันเป็นอะไรที่บอกเล่ามาเป็นคำพูดไม่ถูก  อย่างน้อยการเดินทาง ทำให้เราได้เห็นโลกกว้างมากขึ้น และโลกมันไม่ได้โหดร้ายอย่างที่บางคนคิดกัน โลกแค่สอนเรา ให้รู้จักธรรมชาติ และการอยู่รอด การอยู่ร่วมกันมากกว่า





จากนั้นเราก็นั่งเรือกลับมาลงที่มาเล
เหมือนเดิม ท่าเรือเดิม
แต่เรายังต้องไปท่าเรือใหญ่
ท่าเรือที่เราจะนั่งไปสนามบิน
ประเด็นคือมันไกลมาก เราต้องนั่งแท็กซี่ไป




เราเลยถามคนแถวนั้นว่าท่าจะไปท่าเรือ
ที่ไปสนามบิน ราคาเท่าไหร่
เรียกรถตรงไหน เค้าบอกประมาณ 25 รูฟียาห์

จากนั้นก็มีรถขนของ เข้ามาบีบแตรเรียก
ว่าไปมั๊ย 50 รูฟียา เราก็เลยตกลงไป
พอขึ้นมาได้แล้ว นึกกลับไปที่คนนั้นพูดว่า 25 รูฟียา
อาจจะหมายถึง 2 คนก็ได้
ก็เลยเซ็งๆที่ไม่ทันได้คิด

แล้วเราไม่มีเงินรูฟียาเหลือเรย
เรยกะว่าจะจ่ายแค่ 3 ดอล พอมาส่งถึง
เค้าเรียกเรา 4 ดอล แกบอกว่า เรทที่นี่ต่ำ
ถ้าไม่งั้นให้เราไปแลกเป็นเงินรูฟียา แล้วมาจ่ายก็ได้
ตอนนั้นก็เรยเซ็งๆหนักๆเรย
เหมือนโดนเอาเปรียบ แต่ก็ไม่หรอก
เพียงแต่เราไม่ได้คิดเอง
เป็นความผิดพลาดของเราเอง

จากนั้นเมื่อเราจ่ายกันไป 4 ดอล
ตกประมาณ 130 บาท ก็เดินเข้าไปซื้อตั๋วเรือ
ไปสนามบิน อีกคนละ 1 ดอลลาห์

พอข้ามไปสนามบิน ก็ต้องร้องว้าวอีกครั้ง
ที่น้ำที่สนามบิน เป็นสีเมนทอล
ซึ่งมันแบบดีอ่ะ ลองไปดูเองละกัน
วันนั้นที่มามันเป็นตอนกลางคืน
เลยไม่รู้ว่ามันสวยขนาดนี้





จากนั้นเราเดินไปซื้อไก่เคเอฟซีกินกัน
เพื่อที่จะเอา wifi มาใช้ เพราะที่นี่
ไม่ได้ปล่อยสัญญาณฟรี เหมือนบ้านเรา
ก็เสียไปอีก 15 ดอลลาห์ ก็ได้wifi มานะ
ตอนนั้นรู้สึกว่าเริ่มร้อน เพราะแอร์ไม่ถึง

ก็เลยเดินไปข้างล่าง กะจะไปซื้อแดรีควีน
กะจะเอา wifi แต่ไม่มีให้จร้า
มีให้แต่ไอติม โดนไปอีก 2 ดอลลาห์ 5555

ตอนนั้นช่วงระหว่างทางที่จะเดินเข้าสนามบิน
ก็มีผู้ชายคนนึง มาถามว่าเรากลับไฟล์ทไหน
เราก็บอกไป คิดว่าเค้าจะช่วยอะไรเราหรือเปล่า
แต่ป่าวจร้า  เค้าบอกว่าพอทีเวลาซัก 2-3 ชม.
คุณสนใจที่จะไปนั่งรถท่องเที่ยวจุดสำคัญในตัวเมืองมั๊ย
แล้วก็ก่อนจะมาส่งสนามบิน เค้าก็จะพาแวะโรงแรม
ให้เราไปอาบน้ำ นอนพักก่อน ที่จะกลับมาเช็คอินสนามบิน

คือเอาจริงๆก็คุ้มอยู่นะ ราคาตกประมาณ 1พันบาท
มากี่คนก็หารกันไป แถมได้อาบน้ำก่อนกลับด้วย
แต่เราก็ปฏิเสธไป เพราะเราอยากเข้าไปสำรวจในสนามบินมากกว่า
แต่แนะนำ ถ้าใครมีเวลาเหลือ
เค้ามีบริการแบบนี้จริงๆนะ ดีกว่าเอาเวลามาทิ้งสนามบิน
หลายๆชั่วโมง  มาหลายคนตกคนละไม่กี่ร้อย




พอซักประมาณ 6 โมงเย็น
เราก็เริ่มเก็บของ เช็คอิน
โหลดกระเป๋า เดินเข้้าเกต
เจอหนูนา หนึ่งธิดาด้วยจร้า ขากลับ
ลองไปดูในไอจีกันได้นะ
กลับลำเดียวกันเรยจร้า เพราะมีไฟล์ทเดียว
ตัวจริงก็น่ารักดีครับผม




มาที่นี่ เดินเข้ามาด้านใน ของขายเยอะมาก
เหล้าราคาถูก แล้วก็ของฝากเยอะแยะมากมาย
แต่สัญญาณอินเตอร์เน็ตฟรีนะ แต่ช้ามาก
ไม่รู้ประเทศนี้จะหวงสัญญาณทำไมกัน

เราเอาขวดเปล่าเข้ามาด้วย เพื่อมากรอกน้ำข้างใน
ปรากฏว่าหาไม่เจอ ต้องเดินไปถามเค้าว่า
มีมั๊ยที่เติมน้ำ คำตอบคือ มีนะ
อยู่ตรงข้างๆร้านเบอเกอร์คิง

ร้านเบอเกอร์คิงที่นี่ดีมาก แอร์เย็น
วิวดีมากก มีเครื่องบินจอดอยู่ตรงหน้าเลย
แต่ข้อเสียคือ
สัญญาณ wifi ไม่ถึง 555+






พอได้เวลา ก็เดินขึ้นเครื่องจร้า
โดยที่การบินกลับไทยมีแค่สายการบินเดียว
นั่นคือ แอร์เอเชียนั่นเอง

ได้เวลากลับบ้านแล้วสินะ
คิดถึงอาหารไทยมากตอนนี้
พอล้อพ้นรันเวย์ปุ้ป ทุกคนต่างอุทาน ลาก่อนมัลดีฟส์
เราก็เช่นเดียวกัน
ไว้มีโอกาสจะกลับมาเที่ยวอีกแน่นอน




 ต้องอยุ่บนเครื่องอีก 4 ชม. ครึ่ง
มันเป็นช่วงเวลาที่โคตรยาวนาน
มาถึงดอนเมือง ตี 2 จร้า

กว่าจะเอากระเป๋า กลับห้องนอน
ปาเข้าไปตี 3 กว่า แล้วพรุ่งนี้ก็ต้องตื่นแต่เช้า
แต่การได้ออกไปดูโลกในครั้งนี้นับได้ว่าคุ้มค่ามากๆ
ที่ครั้งนึงเราได้ทำตามความฝัน
ได้เอาเท้าไปเหยียบมัลดีฟส์จริงๆ
เป็นชีวิตที่สุดจริงๆ
ทริปนี้คือสนุกมากๆอ่ะ
ได้ความทรงจำดีๆกลับบ้านเพียบ
ไว้ครั้งหน้าจะมาบอกเล่าเรื่องราว
การเดินทางครั้งใหม่ให้ฟังอีก

:: สรุปค่าใช้จ่าย ::

ค่าขนมไปมัลดีฟ 1000/2 = 500 บาท
ค่า ทัวร์รีสอร์ต 140 $ = 4,480 บาท
ค่าที่พักnarnia maldives 133/2 = 66.5 $ = 2,128 บาท
ค่า เรือท้องถิ่น 2 $ = 64 บาท
ค่าเรือ+ค่ากาแฟ เกาะวิริงกิลี 3 $ = 96 บาท
ค่าแท็กซี่ไปท่าเรือใหญ่ 2 $ = 64 บาท
ค่าเรือไปสนามบิน 1 $ = 32 บาท
ค่า KFC 15/2 $ = 240 บาท
ค่าแดรีควีน 2/2 $ = 32 บาท
ค่าเครื่องไป-กลับ = 2500 บาท
ค่าเรือสปีดโบ๊ท 20 $ = 640 บาท

.: รวมค่าใช้จ่าย

.:. 10,776 บาท !!! เท่านั้น




Popular Posts

Facebook