ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ไปชิลที่วังเวียง....กับเมืองที่เป็นดั่ง สวรรค์ที่สูญหายไป EP.2





เมื่อเริ่มออกรถมาจากเวียงจันทน์ เปลี่ยนเมืองมาวังเวียง สภาพถนนที่นี่ถ้าเทียบกับบ้านเราแล้ว
ยังไม่เจริญเท่าบ้านเรามากนัก ถนนหลักไปเมืองวังเวียงยังคงเป็นหลุมเป็นบ่อ
ถนนยังเป็นถนน 2 เลนอยู่  มีการเลี้ยงวัวเดินไปมาอยู่ข้างถนน ถ้าถามถึงความธรรมชาติ ก็คือยังคงธรรมชาติแบบสมบูรณ์กว่าบ้านเรามากนัก  บ้านเราเมื่อความเจริญเข้าถึง แน่นอนว่า ธรรมชาติก็ค่อยๆหายไป ได้อย่างก็เสียอย่าง

เมื่อออกรถไปได้ซัก 2 ชั่วโมง รถก็แวะเข้าพักรถ จอดพักให้เราเข้าห้องน้ำ20นาาที ผมมาที่เมืองลาวก็ไม่ใช้ซิมลาว ใช้แค่ไวไฟ จากที่พักแค่นั้น  ที่ทำแบบนี้เพราะต้องการตัดขาดจากสังคมโซเชียลจริงๆ
เวลาทำกิจกรรมต่างๆ แค่ถ่ายรูปไว้แล้วค่อยมาเล่นตอนกลางคืนเอา  แต่สำหรับน้องผม2คนแล้ว เค้าซื้อซิมกันทั้ง2คน เราเลยให้แชร์เน็ตบ้าง เป็นบางครั้ง



 รถตู้ที่ลาวพวงมาลัยด้านซ้าย แรกๆด้วยความเคยชิน ก็จะไปเปิดประตูรถตู้ที่อยู่ฝั่งซ้าย แต่พอจะหาที่จับอ้าว !! ไม่มี5555 ก็มันกลับทางกันหมดไง มันจะได้ไงเล่าาาา

ในรถฝรั่งทั้งหมด มีแค่เราที่เป็นคนไทย แต่มี ผญ.คนนึง เห็นมาคนเดียววเราเลยถามว่าเค้ามาจากที่ไหน เค้าก็บอก เวียงจันทน์ !! จะบ้าหราาา   เค้าบอกมาจากอังกฤษ ซึ่งน่ารักดี หวังว่าคืนนี้เราคงได้ไปจอยกันที่ ซากุระบาร์นะครับ อิอิ



หลังจากขึ้นรถ คนขับก็เริ่มขับลัดเลาะขึ้นตามเขา แต่คนขับของเราก็คงเพิ่งดูเดอะ ฟาส มามั๊ง ขับแบบซิ่งจริงๆ จากคนที่นั่งหน้าคู่คนขับ ตอนนี้ขึ้นรถมาเค้าขอมานั่งหลังดีกว่า 5555 ทำให้คนขับต้องอยู่ด้านหน้าอย่างเปล่าเปลี่ยว  แต่เมื่อเริ่มขึ้นเขามา เราก็เริ่มเห็นความสวยงามของ เมืองที่ชิลที่สุดได้แล้ว
เรามาหน้าฝนพอดี ป่าเขียวชอุ่ม สดชื่นมากๆ 

และสุดท้าย ผมก็ถึงซักที วังเวียงงง ++
ผมขอแบ แผนกิจกรรมที่ผมจัดขึ้นนะครับ ผมมีเวลาใช้ชีวิตที่วังเวียง4วัน4คืน
วันแรก ช่วงบ่ายและเย็น
- ผาเงิน
- สะพานส้ม
- ถ้ำจัง
ช่วงค่ำ
- ซากุระบาร์

วันที่2
ช่วงเช้า
- ซิปไลน์
- พายคายัค
ช่วงบ่าย
- โดดบลูลากูน
- ถ้ำปูคำ
ช่วงค่ำ
- ซากุระ บาร์

วันที่3
ช่วงเช้า
- น้ำตกแก่งยุย
ช่วงบ่าย
- เช่ามอไซค์ขึ้นกาสี (ทางสวยมาก)
- ชมวิว360 พูคูน (สวรรค์บนดิน)
- แช่hot sprimg
ช่วงค่ำ
-  ไม่มีบาร์หรือผับให้ไป 5555

วันที่4
ช่วงเช้า
- ดูพระอาทิตย์ขึ้นพูคูน
- ลงมาวังเวียง
ช่วงบ่าย
- tubing party (ไฮไลท์เลย อันนี้)
ช่วงค่ำ
- after party friday night ( ต้องบอกเลยว่าเราจัดแพลน วางกิจกรรมนี้เป็นอันแรก) สำคัญกว่าทุกกิจกรรม

วันที่5
ช่วงเช้า
- ชมทุ่งนา ที่ วังเวียงธารา (ไฮไลท์ของคนไทย) เฉพาะคนไทยนะ คนต่างชาติเค้ามาพักกันแต่คนไทยมาถ่ายรูป
- เตรียมตัวกลับ

เป็นไงบ้างแผนของผม แบบnon stopจริงๆ ดูซิว่าจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้มั๊ย

 เราก้าวลงจากรถ ก็มุ่งตรงไปที่พัก แวะซื้อรองเท้าที่ใส่ลุยน้ำได้
เพราะกิจกรรมที่นี่ จะเป็นกิจกรรมทางน้ำ 80%  เราพักกันที่rock backpacker  ใจกลางวังเวียง
ที่นี่คนจีนเป็นเจ้าของ และเจ้าของก็เฟรนลี่มาก ต้องใช้ภาษาอังกฤษสือสารกัน  เราตกลงพักที่นี่2คืนก่อน แล้วกะว่าจะไปเมืองกาสี เมืองที่เป็นสวรรค์ ที่น้อยคนนักจะรู้ แต่เรารู้ 5555

เราเก็บของสัมภาระ แล้วก็ลงมาสั่งข้าวกิน เมื่อเห็นราคาอาหารก็ต้องตะลึง ตีเป็นเงินไทยราคาประมาณ80บาท  ที่เวียงจันทน์ ชามละ40-50 ที่นี่80แทบทุกอย่าง  แต่ก็ถือว่าได้เยอะอยู่นะ
ก็คุ้มราคานั่นแหละ  แต่ไม่ทันไรฝนเจ้ากรรมก็ดันมาตกซะนี่  ฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ แต่ประเด็นไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย ก็อย่างว่าแหละเรามาหน้าฝนนี่นา

กินเสร็จเราเลยเดินหลบๆไปตามชายคา เพื่อไปซื้อทัวร์ หาถามราคาทัวร์หลายๆที่  แล้วก็มาจบที่ร้านนึง ราคา7ร้อยนิดๆ ได้เล่นซิปไลน์ เส้นที่ยาวที่สุด และพายคายัค เราเลือกแพคเกจแบบครึ่งวัน  เราไม่เลือกถ้ำน้ำและถ้ำช้าง เพราะมันดูเวิ่นเว้อเกินไป ส่วนบลูลากูนเราเลือกที่จะไปกันเอง  เราขอลุยแบบหนักๆไปเลยดีกว่า ซิปไลน์ที่นี่มี2-3เส้นทาง
เส้นที่ฮิตก็น่าจะเป็นเส้นตรงบลูลากูน แต่อันนั้นค่อนข้างแพง เราเลือกไปอีกเส้น แต่ก็สวยและเป็นธรรมชาติมากๆ

หลังจากนั้น เราขอแผนที่จากทางร้าน และนัดแนะให้เค้าไปรับเราที่ที่พักตอน7โมงเช้า พรุ่งนี้
หลังจากได้แผนที่ ก็เริ่มเดินตามแผนที่วางไว้  เราเช่าจักรยาน2คัน 3คน ไปสะพานส้ม และแล้วสิ่งที่เค้าพูดกันก็เริ่มขึ้น เสียค่าผ่านด่าน คนละ40บาท  จร้าาา  แต่วิวดีซะเหลือเกิน มัวแต่เพลิดเพลินมาไม่ทันถ้ำจัง ปิดไปแล้ว สะพานส้มกับถ้ำจังคือทางเดียวกัน  รู้สึกพลาดแล้ววว นี่แค่เริ่มต้นก็พลาดละ
พลาดไปอีก เมื่อกางแผนที่ดู แล้ว ผาเงิน อยู่ห่างออกไปอีกประมาณเกือบ10กิโล  ตอนนั้นเราคิดว่าผาเงินอยู่ใกล้ๆกับตัวเมือง ผมจะโทษตัวเองหรือ คนที่ให้ข้อมูลในเน็ตผิดๆดีนะ

เพราะผาเงินเค้าปิด 4โมงครึ่ง 5โมง เค้าก็ไม่ให้คนเดินขึ้นแล้ว เพราะงูจะเริ่มออกหากินตอนค่ำๆ
แล้วคือเราเช่าจักรยานกันมา กว่าจะปั่นไปมันก็ไม่ทันแล้วล่ะ เห้อ พลาดอีกก แต่เราจะไปขึ้นในวัน พรุ่งนี้แทน เบียดเข้าไปตรงบลูลากูน เวลาน่าจะทัน

งั้นก็ขอซึมซับบรรยากาศโดยรอบที่สะพานส้มล่ะกัน



บอกก่อนว่า มันสวยงามมากจริงๆ อลังการกว่ารูปถ่ายทุกใบที่เคยเห็นมา  ของจริงมันสวยติดตากว่าในรูปจริงๆ ผมไปเห็นด้วยตามาแล้ว ไม่ได้อวยนะ มันสวยจริงๆ ไมใช่สะพานนะ แต่เป็นวิวธรรมชาติด้านหลัง





และนี่คือพวกมึงลงทุนกันเกินไปป่าว  โอ้โหแล้วท่านายแบบฉีกขา ก็เท่ซะน้ำลายกุแทบกระเด็นว่า ถุยย
55555  คนถ่ายก็จะอะไรขนาดนั้น แหม่ แต่พอเราได้จับกล้องเท่านั้นแหละ




5555 ทำให้เด็กมันดู  น้องออีกคนไม่ต้องถามนะว่าไปไหน  แม่งไปเข้าห้องน้ำอีกละ
ท้องมึงดีจริงๆ  เราเรียกว่ามันไปเชคอิน   นี่สิเชคอินของจริง


 จากนนั้น เราเอาจักรยานไปคืน แล้วเดินกลับมาที่พักของเราในคืนนี้ มีโต๊ะสนุ๊ก และโต๊ะบอล ให้เล่นยามว่าง มีลูกดอกให้ปา มีเบียร์ขาย ช่างเป็นที่พักที่ครื้นเครงจริงๆ


เราเลยขอจัด กันซักหน่อยก่อนจะขึ้นไปอาบน้ำแล้วจะลงไปกินข้าวแล้วไปซากุระบาร์ต่อ
ต้องบอกว่าพวกเรา ค่อนข้างชิลกันมากๆ อยากทำอะไรทำ 55555




หลังจาก  อาบน้ำเสร็จ ไอ้น้องผมก็ให้ผมเพ้นท์ สัญลักษณ์ประเทศไทย ให้มันออกไปซ่าในคืนนี้
ผมเลยวาดช้างน้อย เอ้ยย ช้างศึก เพื่อให้มันไปออกศึกในคืนนี้
วาดเสร็จเตรียมของพร้อมก็ลงมาหาอะไรกินซักหน่อย
ที่นี่เด็ดมาก เบอร์เกอร์ของวังเวียง ชิ้นใหญ่มาก ผมกินกัน2คนกับน้องอิ่มพอดีเลย
อร่อยด้วยแต่ก็แพงไปหน่อย ชิ้นละ 80 บาท

หลังจากนั้นก็ไปสนุกสุดเหวี่ยงกันที่ ซากุระบาร์ เลยจร้าช่วง20.00 - 21.00 เป็นช่วงfree drink
คือ แจกเหล้าฟรีนั่นแหละ มีมิกซ์ เป็นโค๊ก สไปรท์ น้ำส้ม ประมาณนี้ หยิบกี่แก้วก็ได้ เท่าไหร่ก็ได้ 
ในเวลาที่กำหนด  แม่งอย่างชิล  ผมก็ไม่รอช้าาา รีบหยิบมาทีละแก้ว สำรวจรอบร้านก่อน





แม่ค้า ซากุระบาร์


พอตกดึกเท่านั้นแหละ คนเริ่มขึ้นเวที ใส่กันอย่างเมามันส์ ผมเองก็ทั้งเมา และมันส์ไปด้วย แต่พยายามไม่เมามาก เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปทำกิจกรรม ตอน7โมงเช้า ผมสังเกตเห็นเค้าขายลูกโป่งอัดก๊าซอะไรสักอย่าง ผมไปถามขายใบละ120 โห มันคือไรวะ 555

อยากรู้ก็อยาก แพงก็แพง เลยเอาไว้ก่อนดีกว่าา  หลังจากเมาได้ที่น้องผมก็ได้ที่เช่นกัน
ก็มี หญิงลาวเข้ามาคุยกับน้องผม แล้วเรียกผมเข้าไปด้วย เค้าบอกว่านึกว่าผมเป็นเกาหลี
กุอยากถามจังว่า  ส่วนไหนของกุที่เหมือนเกาหลีวะ  5555555  ตั้งแต่คุยกะต่างชาติมาเค้าบอกว่าเรามาจากญี่ปุ่นใช่มั๊ยตลอดเลย คงเป็นเพราะกุไว้หนวด 55555 ปกติ ผช ญี่ปุ่นก็จะหน้าเข้มๆไว้หนวดดำๆ
หน้าตาเข้มขรึม อันนี้เข้าใจได้ แต่เกาหลีนี่ ส่วนไหนกันที่กุเหมือนเกาหลี 5555
แสงไฟมันอาจจะแทงตาน้องเค้าล่ะ

หลังจากเพลงจบก็ร่ำลากัน ขอตัวเข้านอน ไว้พบกันใหม่วันรุ่งขึ้นนน


ต้องบอกก่อนว่า ที่นอนที่เรานอนนั้น สามารถเห็นวิวได้จากที่นอนเลยล่ะ แม่งโคตรดี
ตื่นเช้ามาเราก็จัดการธุระ และลงไปสั่งอาหารเช้า ที่นี่อาหารเช้าฟรี เราก็เดินไปสั่ง
ก็หน้าตาก็ประมาณนี้

หลังจากเรานั่งกินไปแป๊ปนึง ก็มีพนักงานขับรถมารับเรา แล้วก็วนไปรับคนอื่นๆเพิ่มเติม
จากนั้นเค้าก็เริ่มเขียนที่มือเราว่าเราเล่นอะไรบ้าง จากนั้นเค้าก็พาเราไปจุดปล่อยตัว ซึ่งออกจากตัวเมืองไปอีก สวยมากทางนี่แบบธรรมชาติสุดๆ รู้สึกเลยว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปจริงๆ

หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปฟังวิธีการเล่น คำอธิบายต่างๆจากไกด์ เราเริ่มที่ซิปไลน์ก่อน เริ่มคือต้องเดินขึ้นเขา เพื่อที่จะปล่อยลงมาสู่ที่ต่ำ  ประมาณนั้น แต่ทางเข้าไปค่อนข้างธรรมชาติมากทั้งขี้วัว ขี้หมู 5555
วัวที่รอต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่าง งงๆ



ไปดู บรรยากาศกันเลยดีกว่า





หลังจากเล่นจนมาถึงจุดสุดท้าย ต้องบอกว่าอันนี้เสียวกว่าอันอื่น คือต้องปล่อยซิปไลน์ลงมาแนวดิ่ง
ความสูง20-30เมตรได้  จังหวะที่เค้าปล่อยฟรี คือมันเสียววาบ  แล้วรู้สึกโคตรสนุก
ขนาดfree fail แค่2วิ ยังสนุกขนาดนนี้ ถ้าskydrive ที่ต้องfree fail 30-40วิ มันจะมันส์ขนาดไหน
หลังจากเล่นเสร็จก็เดินกลับมาที่จุดเดิม เค้าจะแจกอาหารกลางวันให้ ให้เรากินก่อนที่จะไปพายคายัค

กินเสร็จก็ตามสเต็ปน้องผมไปขี้เหมือนเดิม ผมก็ซื้อเบียร์กระป๋องไปกินบนเรือเรย
หลังจากนั้นก็ฟังไกด์อธิบายเป็นภาษาอังกฤษ แล้วก็ถามว่าใครว่ายน้ำเป็นว่ายไม่เป็นอะไรแบบนี้
เรือลำนึงนั่งได้2คน ผมเสียสละให้น้อง2คนไปด้วยกัน

ส่วนผมน่ะหรอ ไปกับไกด์และน้องเกาหลีอีก1คน  ต้องบอกเลยว่าผมไม่ได้ตั้งใจที่จะไปลำเดียวกับน้องเขาเลย คือน้องเขาว่ายน้ำไม่เป็น ก็เลยมาอยู่ลำเดียวกับเรา โดยเรานั่งหน้าสุด ไกด์นั่งหลังสุด
น้องเกาหลีนั่งต่อจากผม   ขาน้องเค้าก็แนบอยู่ข้างผมนี่เรย เห้ออออ ไม่ได้อยากไปเลยจริงๆ
55555555

หลังจากนำเรือลงน้ำปุ๊ป กุก็จ้วงเรยจร้า  ต้องการโชว์ไง ว่าเราแข็งแรง แม่เจ้าไม่ถึง5นาที
ลมแทบจับ น้องเค้าถาม are you OK? กุบอกทันที No    น้องเค้าเลยขอไม้พายไปพายต่อ
กุได้จังหวะ ก็เอนหลังพิงเค้าเรยจร้าาาา เป็นช่วงเวลาที่กุไม่อยากไปเรย  ไม่อยากให้ผ่านไปเรย55555

แต่คือเราไม่มีกล้องโกรโปรไง โทรศัพท์ก็อยู่ในซองกันน้ำ จะเอาออกมาก็กลัวเรือคว่ำ เพราะน้ำเชี่ยวมากโอกาสคว่ำได้ตลอดเวลา ก็มีลำที่คว่ำกันหลายลำอยู่ แต่เราอยู่ในลำที่มีไกด์ไง เลยคิดว่าไม่น่าจะคว่ำ
แต่พอหันไปดู เชี่ย ก็ไกด์นั่นแหละเป็นคนคว่ำเรือ 555555 แกล้งนักท่องเที่ยว  หลังจากออกจากฝั่งได้ไม่นาน   สงครามกลางแม่น้ำก็เริ่มขึ้น


ไกด์เราก็พายไปประชิดศัตรูจากด้านหลัง และทำการจู่โจมทันที จากไม้พายที่พายเรือ ตอนนี้เอาไว้วักน้ำใส่ศัตรูอย่างเมามันส์ รวมถึงผมด้วย และสงครามก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ 555555 ขับเรือไล่กันบ้าง ชนกันบ้าง โอ้โห แม่งโคตรมันส์  หันไปดูน้องผม กะลังสู้กะกลุ่มสาวเกาหลีอย่างเมามันส์ บางลำพายอีท่าไหนไม่รู้ไปติดกอหญ้า 5555 เพราะน้ำมันเชี่ยว ทำให้เรือไหลเร็วมาก โอกาสคว่ำตลอดเวลา

ผมกับน้องเกาหลีก็สลับกันพาย แล้วก็คุยกัน ว่าเค้าจะไปเวียดนามต่อ ผมเลยบอกว่าคุณรุ้ป่าวว่า ผญ เกาหลี เป็นไอดอลของหญิงไทยเลยนะ เค้าบอกว่ารู้  เราเลยถามต่อเลยว่า ผช.ไทย บอกว่า ผญ.เกาหลีน่ารักมากรู้รึป่าว  เค้าถาม จริงหรออ 5555 เขินกุซะงั้น  ต้องบอกเรยว่าถึงเรือไม่คว่ำ แต่เปียกชิบหาย
สงครามกลางแม่น้ำ ก็ไหลไปเรื่อย ระยะทางเป็น10กิโล พาดผ่านไปตามแม่น้ำซอง 2ข้างทางก็โคตรสวย กิจกรรมก็โคตรดี ชีวิตจะมีอะไรดีไปกว่านี้อีก  เปิดเบียร์แดก กลางแม่น้ำเรย โคตรชิววว

เบียร์วิเศษกินยังไงก็กินไม่หมด จะหมดได้ไงเล่า ก็น้ำที่เล่นกันแม่งไหลลงเข้าไปในกระป๋องอ่ะ55555
ว่าละทำไมมันจืดๆ  แต่เอาเถอะ แม่งโคตรสนุก เสียอย่างเดียวไม่ได้แวะบาร์ริมน้ำ เพราะเราเรทกันมามากแล้วจากซิปไลน์ 10กิโลเมตร ประมาณ1ชั่วโมง ก็มาถึง เป็น1ชั่วโมง ที่มันส์สัส  ใกล้มาถึงฝั่งกุก็วักน้ำแกล้งเกาหลีข้างหลังผม เค้าตีหลังผมแล้วถาม what are you doing?  5555 แต่ก็โคตรมันส์ ตอนลงเราก็สุภาพบุรุษ ลงไปประคองเค้าขึ้นฝั่ง แต่รองเท้าเราไม่ใช่รองเท้ากันน้ำ สรุปยางรองเท้าหลุดออกจากตัวรองเท้า5555 ซวยไปอีก


นี่คือกลุ่มเกาหลีที่พายไปกับผมนี่แหละ และเพื่อนๆเขา  ไว้เจอกันใหม่นะสาวๆ จากแดนโสม
สาวๆเค้าไปบลูลากูนต่อ แต่เค้าไปกะทัวร์เรย ส่วนพวกเราจะไปเอง
เสียดายที่ไม่มีกล้องโกรโปร ถือว่าพลาดจริงๆ ต้องไปซื้อซะแระ เอาไว้ทริปไหนเล่นน้ำเป็นหลักก็จะได้ใช้ 

หลังจากนั้นเราก็เดินจากตรงจุดนั้นกลับไปที่พัก ผมต้องไปเปลี่ยนรองเท้าก่อน แล้วเราจะทำตามแผนโดยการไปบลูลากูนต่อเลย ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรทั้งนั้น เพราะเป็นชุดพร้อมเปียก
เราดันไปเลือกเช่าจักรยานปั่นไปบลูลากูน คนละคัน กลางแดดร้อนๆ อยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองอีก10กิโล 55555 อยากชิลไง  พอปั่นไปมันจะมีทาง2ทางให้ไป ทางนึงเรียบ ทางนึงลูกรัง คิดว่าผมเลือกทางไหน  ผมเลือกลูกรังจร้า น้องแม่งบ่นกันชิบหาย ว่าพี่พาผมมาทางอะไรเนี่ย

ผมได้แต่ปลอบไปว่า ทางเนี้ยแม่งธรรมชาติสุดๆ 55555
สุดท้ายก็ไปบรรจบกันที่เดียวกัน แต่วิว2ข้างทาง แม่งสวยจริงๆ อลังการมาก  แต่แดดก็ร้อนมากเช่นกัน เอาไว้ก่อน ไปบลูลากูนก่อนตอนนี้ ปั่นไป เมื่อไหร่จะถึงวะเนี่ย ใช้เวลาเกือบชั่วโมงก็ถึง เสียค่าเข้าอีกคนละ 40บาท ก็โอเคร รีบเข้าไป คนก็เยอะใช้ได้ ส่วนใหญ่ก็เกาหลี ขาวๆทั้งนั้น  แล้วก็เจอกับสาวเกาหลี
ที่เราเพิ่งแยกกันมา มาเจอกันที่นี่  เค้าเดินเอาห่วงยางมาให้  เพราะเค้าเช่ากันมา เค้าจะกลับแล้วเลยเอามาให้เราใช้ต่อ จะได้ไม่เสียเงิน โคตรใจดี น่ารัก ปลื้มเรยจร้าาา 55555

ชั่วโมงนี้สิ่งที่ผมสนใจที่สุดคือ การโดดบลูลากูนชั้นบนสุด  ส่วนใหญ่คนจะโดดจากด้านล่างก่อน ค่อยไปบน แต่กุตัวยังไม่ทันโดนน้ำ ก็จัดเลยครั้งแรก ก็ล่อซะบนสุด จะเสียวแบบที่เค้าว่ากันรึป่าว
พอเดินขึ้นไปก็ยังไม่สูง แต่พอเดินไปในจุดที่จะโดด มองลงมาแม่งโคตรสูง ทุกสายตาเล็งมาที่เราเพียงคนเดียว ไม่รีรออะไร โดดแม่งงงงดิ!!! ตู้มมม บอกเลยว่าเสียวกว่า ซิปไลน์ที่เล่นมาอีก น้ำก็โคตรเย็น น้ำใสมาก สวยเป็นสีฟ้าเรยล่ะ ไม่ขุ่นนะตอนที่เราไปเห็น  จากนั้นขึ้นมาบอกน้องให้ไปโดดเหมือนกัน เราโชว์ให้เด็กมันดูไปก่อน   จำได้เลย ตอนขึ้นไปมันขึ้นเป็นคนแรก มีผญต่อท้ายอีก 4-5คน พอมันมองลงมาข้างล่างเท่านั้นแหละ มันให้ผญ.โดดก่อน 55555 จนเหลือมันเป็นคนสุดท้ายย  แมนจริงๆน้องตู
ฝรั่งข้างล่างหัวเราะชอบใจกันใหญ่   สุดท้ายมันก็ยอมโดดจากการถูกกดดัน จากผู้คนด้านล่าง

วังเวียง

ทางโคตรชิล

อากาศอย่างดี



หลังจากเล่นน้ำกันเสร็จ เราเลือกที่จะไม่ขึ้นถ้ำปูคำ เราจะไปผาเงินเลย  เป็นทางผ่านขากลับพอดี
พอมาถึง เค้าไม่ให้ขึ้นแล้ว มันเย็นเกินไป เรามาช้าไป โอ้โห พลาดหนักเรยแบบนี้ ตอนนั้นเริ่มเซ็งละ
ผิดแผนไปหมดเลย คิดไปคิดมาก็ช่างเถอะ การเดินทางไม่มีอะไรสวยหรู ผมเรยตัด กาสีออกไป เพื่อที่จะเที่ยววังเวียงให้ครบ   เมื่อไม่ได้ขึ้นผาเงินเราก็มากันที่ทางกลับ วิวข้างทางนี่แหละ มาหาเสพบรรยากาศชิลๆแถวนี้

หลังจากชิลกันเสร็จสรรพ เราก็กลับเข้าเมืองไปกินข้าวแล้วก็ กลับที่พัก อาบน้ำ เพื่อที่จะออกไปซัดซากุระบาร์ให้เต็มเหนี่ยว คืนนี้กุจัดเต็มแน่นอน พน. ไม่ได้ไปกาสีแล้ว  เอาแบบให้จำทางกลับไม่ได้เลยคอยดู   หลังจากพร้อมแล้วเราไปกันตั้งแต่2ทุ่ม เพื่อจะกินฟรี drink ให้มากที่สุด 555555 น้องอีกคนไม่ขอมาวันนี้  ทำให้เราต้องลุยกัน2คน  แต่ก่อนจะออกจากที่พัก ผมไปสบตากับผญ คนนึง สวยมาก หน้าเหมือนคนไทย แต่ไม่ใช่   ผมไปเจอเทออีกทีที่ซากุระบาร์ เทอเดินมาคนเดียว ส่งสายตาให้ผมแล้วยิ้มให้อีกรอบ  น้องบอกว่า พี่ต้องเข้าไปคุยละล่ะ จังหวะนี้  ผมก็เข้าไปคุยเลย เทอชื่อเซน ชาวมาเลเซีย สวยมากอ่ะ เค้าก็บอกมาเที่ยวคนเดียว คุยไปคุยมา ก็โอเครนะ พอผมถามว่ามีไลน์รึป่าว เค้าบอกไม่มี  เฟซบุคก็ไม่เล่น ผมเลยคุยแค่ตรงนี้ก็ได้  ไม่อยากถามเซ้าซี้ 55555 ลืมไปประเทศเค้าไม่เล่นไลน์กัน จากนั้น

เราก็ไปนั่งกันข้างบาร์เรย หมดก็หยิบใหม่ๆ  ผมก็เห็นการเทของเค้า แม่งเทเหล้าครึ่งแก้ว แล้วมิกซ์อีกครึ่งแก้ว  โอ้โห 55555 แต่ถึงกระนั้น ตอนนี้ผมหมดไปแล้ว5แก้ว  กะลังจะแก้วที่6 อาการเมายังไม่มา
แต่อ้วกจะมาแล้ว 55555 เหล้าแม่งเยอะเกิ๊นนน แถมเรากินเร็วด้วย เลยเซฟๆก่อน หลังจากนั่งกับน้องอยู่ลำพัง ก็มี ผู้ชายคนนึงขอมานั่งด้วย เค้าชื่อพี่มั่น เป็นคนลาว แต่ที่ไม่ธรรมดาก็คือ พี่เค้าเป็นกัปตัน
กัปตันของสายการบิน ลาวแอร์ไลน์  ตอนแรกพวกผมไม่เชื่อ เลยขอดูรูป เออว่ะ แม่งเป็นกัปตันจริงๆ
ได้ทุนไปเรียนเยอรมัน ตอนนี้อยู่ในช่วงบินใช้ทุนคืน  เค้าได้พักทีก็3เดือน เค้าบอกว่าขับบิ๊กไบท์ไปเที่ยวทั่วประเทศเลย แล้วก็มีแฟนเป็นแอร์โฮสเตส คนไทยด้วย ของสายการบินนกแอร์  ทุกอย่างมีรูปยืนยันหมด เพราะเราก็ไม่อยากเชื่อใครง่ายๆ แถมเป็นเพื่อนกับ ต่ายอีก  เราก็ไม่รุจักหรอก ต่าย คือคนที่ร้องเพลง แทง ของประเทศลาวนี่แหละ  ตอนนั้นเริ่มไหล จากเหล้าเริ่มเปลี่ยนเป็นเบียร์ ซื้อแบบไม่หยุด
ไม่มีการหมด ซื้อเพิ่มตลอด เริ่มคุยกันมันส์มากขึ้น พี่เค้าก็เริ่มเลี้ยงเบียร์พวกเรา ซื้อมาที4ขวด
พี่มั่นและพวกเรา


หลังจากนั้น ให้ทายว่าผมเจอใคร  เจอไซม่อนจร้า แม่งก็กะลังรั่วเรย 5555555
พี่มั่นถามรุจักหรอ รุจักก็เข้าไปคุยเลย  คุยภาษาอังกฤษอย่างเป๊ะอ่ะ เข้าไปคุยกับไซม่อน
ไอ้เรา ก้ไม่รุแม่งคุยอะไรกัน ตอนนั้นก็เมาชิบหาย เลยคุยภาษาไทยกับไซม่อนเฉย 555555
เค้าคงหายเมา ตั้งใจฟังสิ่งที่เราพูด 55555โคตรรั่วพอกันตอนนี้ พี่มั่นหายไปซื้อลูกโป่งมาให้เรา2คน คนละลูก เราเรียกมันว่าลูกโป่งสวรรค์ สูดเข้าไปแล้วอย่างกะได้ขึ้นสวรรค์
กุกะไซม่อน ไม่รุใครรั่วกว่ากันแล้วตอนนี้ 5555  ผมลากคอเค้ามาถ่ายรูปเฉยเลย 555555 อย่างรั่วเลย

ไซม่อนจอมรั่ว

หลังจากเมาได้ที่ก็จัดไป ด้านในขึ้นข้างบนเวทีอย่างเมามันส์  เที่ยงคืนปุ๊ปร้านปิด พี่มั่นพาไปต่อ viva pub อีก  ก็ไปสิ รออะไร  เข้าไปก็จะมีหญิงลาวเข้ามาพยายามขายบริการ 555555
แต่ผมไม่สนใจ  พี่มั่นไปสั่งเหล้าถังมาอีก ผสมปนเป กันมั่วซั่วไปหมดแล้วตอนนี้
แต่น้องผมสน 55555 สักพักมันก็พาออกไปข้างนอก แล้วมันก็เดินกลับมา เราถามว่าไปเร็วจัง
มันบอกน้องเค้าสติไม่ดีพี่ อ้าว ชิบหายละ  แล้วมันก็เดินตามเข้ามา โวยวายไรไม่รุ เมาก็เมา พี่มั่นเลยเรียกมันไปคุยข้างนอก น้องผมก็ตามออกไปด้วย พี่มั่นก็ช่วยเคลียให้ ตอนนี้ผมยังคงเคลิบเคลิ้มกับบรรยากาศข้างใน พอนึกได้ น้องกุอยุ่ข้างนอกนี่หว่าก็เดินออกมา สรุปให้เงินไปเท่าไหร่ไม่รุแล้วจบกันไป
ตอนนั้นตี2จะตี3ละ  ก็ขอแยกย้ายกับพี่มั่น ถึงผมจะเมาแต่ผมจำทางกลับได้ แต่น้องผม แม่งไปอีกทางนึง
เราก็ต้องเดินไปตามมันอีก โอ๊ย อะไรกันเนี่ย55555 พอบอกว่า ที่พักอยู่อีกทางนึง มันเถียงด้วยบอกว่าเนี่ยถูกแล้ว พี่เชื่อผม แม่งเดินไปจนถึงสี่แยก มันถึงรู้ว่ามาผิดทาง 5555555 เพราะตอนมาไม่มีสี่แยก เอากะมันดิ ปัดโถ่วววว  จบลงไปสำหรับค่ำคืนที่แสนครื้นเครงใน ep.นี้  แล้วไปสนุกกับพวกเราต่อใน ep.สุดท้าย ep.3 

"มีชีวิตก็จงใช้ชีวิต ให้สมกับที่มีชีวิต"























Popular Posts

Facebook