ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันศุกร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2561

Chiangmai On The Road : ตามหาลมหายใจที่หายไป First EP.


       พบกันอีกครั้ง ส่งท้ายปี2017  ครั้งนี้ เรามาตามหาลมหายใจที่เลือนหายไป  ลมหายใจแห่งความสุขและอิสระภาพ  ที่ทุกคนต่างตามหากันทั้งชีวิต เราจะจดจำภาพทุกภาพ จำความรู้สึกที่เคยได้สัมผัส
และเก็บเอาไว้เป็นส่วนนึงของความทรงจำตลอดไป


เราเริ่มต้นทริปกันที่หมอชิต โดยครั้งนี้มีเพื่อนร่วมเดินทาง1คน เป็นรุ่นน้องที่ชอบการเดินทางเหมือนๆกัน
หลังจากเจอกันที่หมอชิต ช่วงเวลาที่ต้องเดินทางร่วมกันก็เริ่มขึ้น โดยเราเลือกจองตั๋วเป็นช่วง19.45 เพื่อเดินทางกลางคืน เพื่อจะถึงเชียงใหม่ในช่วงเช้าของวันถัดไป 



หลังจากเริ่มขึ้นรถที่หมอชิต  ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่ารถกำลังแล่นเข้าสู่ จ.เชียงใหม่  แต่สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดคือฝนตก  นี่มันเดือนธันวาคมนะเว้ยย  ตกอะไรวันนี้เนี่ยยยยย
ได้แต่หวังว่าเมื่อถึงจังหวัดเชียงใหม่ ฝนคงจะหยุด  จะได้ไปเช่ามอเตอร์ไซค์ขับแบบสบายใจ
แต่ก่อนอื่นขอให้รถไปถึงเช้ากว่ารถไฟ  เพราะว่าถ้าไปถึงช้ากว่ารถไฟ ก็จะโดนคนที่มาเที่ยวโดยรถไฟ
แย่งชิงเอารถไปก่อน  แล้วสิ่งที่คิดก็เป็นจริง  มาถึงรถเกือบจะหมดร้านแล้วววว
แม่งเอ๊ยยยยยยย  เห็ดสด!!    แทบไม่เหลือให้กุเลือกเลยนะ    เลยได้ตัวGTมา ขึ้นเขาอินทนนท์สบาย

พี่ที่ร้านแม่งการันตี  ต้องไปดูว่าจะจริงอย่างที่โม้ป่าววว

GT

    หลังจากที่เราได้รถที่เลือกได้แล้ว  ไม่ใช่สิ!! ที่เหลือเลือกจากคนอื่น เวรกรรมจริงๆกู
ณ ตอนนั้น ต้องบอกคำเดียวว่า ขนลุก ขนชัน ฝนก็ตก อากาศก็เย็นใช้ได้  แต่ที่หนักกว่านั้นคือ
ข้าศึกรออยู่ปากประตู  มันทำให้กุลืมสถานที่ทุกที่ ที่จะไป

ชั่วโมงนั้น ห้องน้ำคือสิ่งที่เราต้องไป เช้าอยู่ห้างยังไม่เปิด โรงแรมก็ยังเช็คอินไม่ได้
แน่นอนว่า วัด คือคำตอบบบบบบ 55555

เชียงใหม่วัดเยอะมาก ถ้าคุณจะไปที่ไหนซักที่ มันต้องมีวัดอยู่ระหว่างทางแน่นอน
ตอนนี้เราเลือกวัด ที่ห้องน้ำสะอาดที่สุด 55555  คนอื่น ปกติเลือกวัดทำบุญ
จับจีพีเอสแล้วบิดไปทันที โอ้โหไม่ไหวจริงๆ  เดชะบุญ ไปยังไม่ทันถึงวัด เจอปั๊มน้ำมันช่วยชีวิตตูไว้พอดี
เธอมาได้ทันเวลาพอดี....อย่างกับรู้ใจ

เลขไมล์เริ่มทริป

ที่พักคืนแรก
     หลังจากจัดหนักไปชุดใหญ่ ก็เอาสัมภาระไปฝากไว้ที่โรงแรมและออกมาหาข้าวเช้ากินทันที
โจ๊กสมเพ็ช
     เราเลือกกินที่ร้านโจ๊ก สมเพ็ช ร้านดังเชียงใหม่ เปิด24ชม.  ทุกครั้งที่ผมสั่งข้าวต้มหรือก๋วยเตี๋ยว
น้องแม่งมักจะแซวว่านี่ พี่สั่งต้มยำป่ะเนี่ย 555555 กุพยายามลดอยู่ ราคาไม่แพงมากนะร้านนี้ รสชาติก็ดีเลยทีเดียว  หลังจากกินเสร็จ เราเลือกที่จะลุยกันขึ้นไปที่ดอยสุเทพทันที  เพื่อไปสะสาง สัญญาที่ค้างไว้เมื่อปีที่แล้ว นั่นคือขึ้นไปยังขุ่นช่างเฆี่ยน ที่เคยขึ้นไปไม่ถึงเพราะความหนาวเย็นและ มืดค่ำเกินไป
ระหว่างทาง
    โดยอากาศข้างบนหนาวเย็นเช่นเคย เพิ่มเติมคือเม็ดฝนที่ตกลงมา  และคราวนี้ผมได้ทำในสิ่งที่ผมอยากทำมานาน ถอดเสื้อกันหนาว ถอดถุงมือ ขับรถบนดอย   ตอนแรกจะถอดเสื้อทั้งหมด กลัวจะเป็นการดูถูกสถานที่สิ่งศักดิ์สิทธ์เกินไป เลยขอแค่เหมาะสมก็พอ  มีคลิปประกอบเพื่อเพิ่มอรรถรสในความซ่า ของพวกเรา


   ต้องบอกก่อนว่ามันไกลมากกกกก  ขึ้นจากดอยสุเทพมาอีก 20-30กิโลได้นะกว่าจะถึง ระยะทางขนาดนี้ต้องต่อสู้กับอากาศที่หนาวมาก ทำให้ต้องผลัดกันขับเพื่อไม่ให้ป่วยไปซะก่อน  น้ำมูกไหลย้อยโดยไม่ได้ตั้งใจกว่าจะถึงด้านบน สิ่งที่เราจะมาดูคือดอกพญาเสื้อโคร่ง แต่ความผิดหวังครั้งแรกก็มา เพราะหมอกเต็มไปหมด และดอกยังไม่บาน ทำให้เราไม่เจออะไรด้านบนเลย นอกจากหมอกกับหมอก
เราเลยแวะจิบโกโก้ร้อนๆด้านบน   เพื่อเสพกับบรรยากาศเหล่านี้ซักพักใหญ่  ไอน้ำจากหมอกถาโถมมาอย่างหนัก  ไม่มีแดดส่องถึงแม้แต่น้อยยย  แต่พออยู่ตรงดอยปุย ดอยสุเทพ คือมีแดด ฟ้าใสมากๆ
งงเหมือนกัน


หล่อๆกันทั้งนั้น 5555 แต่ละคน   เป็นอีกครั้งที่เคยสัมผัสหมอกหนาขนาดนี้ หลังจากเคยเจอที่กิ่วแม่ปานมา ครั้งนี้ก็เลยสบายๆ  หลังจากนั้นก็ขับรถลงเขา คราวนี้ใส่เสื้อใส่ถุงมือทุกอย่างไม่เอาแล้ว

ตอนนั้นคิดอย่างเดียวให้ลงจากดอยนี้ไวไว  รู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกายบางอย่าง เราเรยเป็นคนซ้อนให้น้องมันขับ ยังไม่ทันถึงไหนเลย จะตกรถครับท่าน!! 5555  หลับคามอไซค์
บอกน้องว่า ง่วงว่ะ จะตกรถ 555   น้องมันบอก ผมก็จะหลับหลายทีละ 555
อ้าวๆๆ  เด๋วๆ มึงคนขับนะ  มึงจะหลับไม่ได้  นี่แค่ครึ่งวันเองนะ ใส่กันยับเลย
แรงมีเท่าไหร่ ใส่กันหมด   พอลงมาถึง หาข้าวกินแถวหลังมอเชียงใหม่ แล้วกลับที่พักทันที

กลับมาถึงอาบน้ำ แล้วนอนทันทีเลย เพราะร่างกายมันเย็นมากๆ เหมือนจะไม่สบาย อาบน้ำอุ่นก็แล้ว ใส่เสื้อกันหนาว ห่มผ้าห่มก็แล้ว ตัวยังเย็นอยู่ และหนาวมาก  ปกติสไตล์การเที่ยวของผมคือจะไม่นอนระหว่างวัน  แต่วันนี้ขอเซฟร่างกายก่อน  เด่วจะไปไม่ถึงปลายทริป 555  อย่าซ่ากับธรรมชาติ

หลังจากนอนไปได้2ชม. ตื่นมาอีกทีก็6โมงเย็น  ไม่พูดพร่ำทำเพลง มุ่งหน้าไปยังข้าวซอยนิมมาน เจ้าเก่าทันที ข้าวซอยที่นี่อร่อยนะแต่ก็เลี่ยนเหมือนกัน  น้ำข้าวซอยค่อนข้างเข้มข้น  พอไปถึงก็ต้องจับบัตรคิว
ยังไม่ทันถึง2ทุ่ม ของก็หมด ปีใหม่คนเยอะไปทุกร้านจริงๆ แต่วันนี้เราโชคดี

ข้าวซอยนิมมาน
     มื้อเย็นแรกของวันที่มาเชียงใหม่ มักจะเป็นข้าวซอยเสมอ เหมือนเป็นธรรมเนียมอ่ะ จากนั้นเราไปกันต่อที่ Fin market ทันที  เป็นตลาดนัดเด็กแนวที่จัดปีละครั้งที่เชียงใหม่ เคยมาตอนที่จัดเป็นปีแรกครั้งนึง
บรรยากาศชวนฟินมากกกก     วันนี้กลับมาอีกครั้งเป็นปีที่3 ที่จัดขึ้น ส่วนเราก็มาเป็นครั้งที่2  ปีที่แล้วมาไม่ตรงวันจัด 5555   โม้มานาน ไปครับไปดูบรรยากาศกันเลย 



ต้องบอกเลยว่า ปีนี้มีดนตรีสดด้วยอ่ะ  อากาศเย็นๆนะ  บวกกลับเบียร์เย็นๆมันเป็นฟินมาเก็ตจริงๆ ไม่รอช้าครับ เข้าไปนั่งทันที  และจัดไปเพลงโปรด Lost star  ไปที่ไหน ขอทุกที่  จุดเริ่มต้นของเพลงนี้ก็คือที่เชียงใหม่นี่แหละ เมื่อปีที่แล้วมานั่งดูดนตรีตรงสี่แยกไฟแดง  นักร้องน่ารักและทำให้เราเคลิ้มมากๆเรย ลุกไม่ขึ้นเลย นั่งดูตั้งแต่เค้าเริ่มร้องจนร้องจบ เพลงที่เราจำได้ดี ก็คือ lost star กับ เรื่องที่ขอ เพราะมากจริงๆ  ไปฟังมาทุกที่ก็ยังไม่มีที่ไหนร้องได้ดีเท่านี้ มันอาจจะเป็นเพราะครั้งนั้นมันชิวมาก อากาศดี หลายๆอย่างมันเลยทำให้เรา ฝังใจกับการฟังดนตรีสดครั้งนั้นมาก



และแน่นอนว่า กับแกล้มจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก  หม่าล่า  มาเชียงใหม่ต้องลองเลยนะ



  บวกกับเบียร์สด ดนตรีสด อากาศเย็นๆ ฟิน มาร์เก็ตจริงๆ  ชอบความรู้สึกแบบนี้จัง  ความสุขที่เราต้องการมาเสพ 2 คน จัดไป4-5 ลิตร เบาๆ พอตึงๆ ก็ขับรถกลับ ตอนกลับนี่แทบไม่รู้สึกอะไรเลย555
ตัวมันเบาๆไปหมด  หลับสบายมากอ่ะ นี่แค่วันแรกก็รับความสุขจากเชียงใหม่ไปเต็มๆแล้ว
พรุ่งนี้ เราจะไปจัด โคสเตอร์ ที่แม่ริม กัน!!!



ตื่นเช้ามา ก็ดูวิวได้จากที่พักเลยนะฮับ จากนั้นรีบเก็บของ เราจะย้ายถิ่นฐานไปนอนแคปซูลกัน
ย้ายมันทุกวันอ่ะ 55555 ที่นี่ลืมบอกไปว่าเราพักกันที่ your space hostel  ที่นี่ก็ดีนะ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษกว่าที่เคยพักมา แต่วันนี้เราจะไปแคปซูล ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จะได้พักแบบแคปซูล

your space hostel
 เก็บกระเป๋าเสร็จก็แว๊นซ์ไปที่พักใหม่ของเราทันที ชื่อว่า citi square by battery park เมื่อเราเอากระเป๋าไปเก็บที่พักใหม่ของเราแล้ว ก็ออกไปหาของกินหลังมอเชียงใหม่กันเรย ไปกินต้มเลือดหมูกันมื้อแรกของวัน  แอบบอกว่า  ที่พักของเราคืนนี้ดีงาม!!!มาก  ราคาก็แสนถูก  แต่เอาไว้ก่อน




เอาเรื่อง โคสเตอร์ก่อน เป็นความตั้งใจของเราที่จะไปเล่นเจ้าเครื่องนี้มาก หวังมาจากบ้านว่ามันต้องสนุกมาก  เลยขอมาลองด้วยตัวเองเลย และจะนำมาบอกต่อแบบเนื้อแท้ไม่ลวงหลอก ไม่รีวิวเข้าข้างใครนอกจากความรู้สึกของตัวเอง  ดูในวีดีโอคือถ่ายไม่ทัน ถ่ายตอนมันส์ไม่ทัน 555555

ถามว่ามันส์มั๊ย ก็ระดับนึงแต่สำหรับผมมันไม่เร้าใจเท่าที่ผมคาดไว้เลย   คือไม่เสียวเลย เวลาก็แค่แป๊ปเดียวเอง
ราคาต่อคนต่อรอบ150บาท  ซึ่งถ้าเทียบกับสิ่งที่ได้รับผมบอกคำเดียว แพง !!!!
แต่สิ่งที่ได้คือ เล่นท่ามกลางธรรมชาติ นี่แหละสิ่งที่ผมชอบ มันต่างจากสวนสนุก ไม่รู้ดิ แค่ความรู้สึกมันก็ต่างแล้ว ทางที่มาเล่นคือทางเดียวกับที่มาม่อนแจ่มนะครับ แต่ผมขอผ่าน เนื่องจากเคยไปแล้ว

และช่วงนี้เป็นเทศกาล คนเยอะมาก เราเลยหาร้านข้าวกินกันบนดอย  เราเลือกร้านเดิมเมื่อปีที่แล้วที่เคยมากิน แต่เอ๊ะ !! ทำไม หน้าตาร้านเปลี่ยนไปนะ ดูดีขึ้น แต่ก่อนเป็นป้ายรายการอาหารติด เดี๋ยวนี้เป็นเมนู ผมนึกในใจ ว่าสิ่งที่ผมคิดคงจะไม่เป็นแบบนั้น แต่พอเปิดเมนู !!  ครับ ท่านผู้ชม ราคาก็แพงตามกาลเวลา5555 เคยกิน30-35 เมื่อปีที่แล้ว มา ณ วันนี้ ก็ 50 บาทไปจ่ะ เบาๆ 5555555

จัดไปกระเพราไข่ดาว เจ๊!! 


กินเสร็จก็ได้เวลากลับที่พักเรา กว่าจะถึงก็4-5 โมงเย็น อาบน้ำ แต่งตัว นัดน้องที่เชียงใหม่ไว้ ไปกินเสต๊กกัน ไม่ได้เจอกันเป็นปีๆ น้องๆทำงานกันหมดแล้ว แต่เรายังไม่ทำห่าไรเรย 5555
ชิวไป อย่าคิดมากกกก  กินเสต๊กเสร็จ ร่ำลาน้องๆ แล้วไปร้านแนะนำ ที่น้องบอกทันที

ร้านบางขวาง  พอไปถึงร้านเท่านั้นแหละ  บรรยากาศมันสลัวๆ คนทำไมมันบางตาจังล่ะครับ 5555 กลัวจะเพลิดเพลินจนกลับไม่ไหวก็เลยตัดสินใจไป ท่าช้าง   เปล่าหรอก บรรยากาศมันดูเหงาๆ ชวนติดคุกยังไงไม่รู้ 555 พอไปถึงท่าช้าง ฝ่าความหนาวเย็นกว่า10กิโลก็ถึงท่าช้าง แต่คน แม่งเยอะไปไหนวะ เพิ่งจะ2ทุ่มกว่าเอง โถ่วววววว อีดอกกกก!!  คนแน่นมาก ปีที่แล้วมาแม่งก็เต็ม ปีนี้มาเต็มอีก ถามป้าพอมีที่มั๊ยเนี่ย  โอ้ เค้ามาจองกันตั้งแต่6โมงเย็นแล้วหลานเอ๊ย !!  อ้าว จองได้ด้วยหรอ ปัดโถ่ววว กุไม่รู้ 5555

เปลี่ยนไปเข้าร้านสละโสดแทน ข้างๆท่าช้างนั่นแหละ !!  จัดไปปป 1 โปร อีหนู
ขอแค่เบาๆพอ พรุ่งนี้ต้องขึ้นดอยอินทนนท์ จังหวะพีคอยู่ที่ตอนกลับที่พักนี่แหละ   ตอนมาทีแรก ทำไมมันเงียบเหงาจังวะแถวนี้ พอตอนกลางคืนเท่านั้นแหละ อื้อหือ พัทยา!! ชัดๆ 

พอมาจอดรถปุ๊ป โอ้โห แหล่งมันอยู่ตรงนี้นี่เอง ติดกับที่พักเลย คิดว่ารอช้ามั๊ย น้องบอกว่า พี่ป่ะ ขึ้นไปเซอเวย์กัน 55555 อ้าว ไปก็ไป ไหนๆก็มาขนาดนี้ละ เมาๆอยู่ด้วย กุอาศัยจังหวะเดินตามฝรั่งขึ้นไปเลย  อื้อหือ ขึ้นไปชั้น2 ในทางเดินแสงไฟสีชมพู 55555  แหม่  โดนจู่โจมทันที5555  น้องบอกป่ะ พี่กลับเถอะ
มันบอกแก่ไป  เค้าไม่ได้แก่แต่มึงอ่ะเด็ก สัส 5555



รู้สึกตัวอีกที ก็อยู่ในผ้านวมอุ่นๆแล้ว ที่นอนนุ่มมาก สงบ แถมกว้างขวางมากๆด้วย แนะนำที่นี่เลย
คุ้มเกินราคาแน่นอน



และนี่คือบรรยากาศนอกที่พักตอนกลางวัน คือมันเงียบเหมือนไม่มีอะไรจริงๆอ่ะ
แต่ใครจะรู้ว่า กลางคืนนั้น เต็มไปด้วยแสงสี และสตรี 555555




ที่พักโดยรวม คือดีมากจริงๆ แนะนำเลย  มีส่วนกลางให้ทำอาหารเอง มีโซฟาให้พักผ่อน แต่เราไม่เคยหยุดกันเรยจริงๆ และเช้านี้เราก็กำลังจะไปต่อ โดยจุดหมายคือไปที่ดอยอินทนนท์


เรื่องราวระหว่างทาง ก็คือมันมีทางเลี่ยงไปดอยอินท์ ซึ่งเราไม่เคยไป เราเลยเลือกไปทางนี้ เป็นทางชนบท ข้างทางมีทุ่งนา วัว ควาย หมานอนกลางถนน ความรู้สึกแบบ เห้ย แม่งโคตรดี โคตรชิว
เราคิดถูกที่เลือกจะทำอะไรที่แตกต่าง ตอนนั้นผมเป็นคนขับ ผมเลยจอดรถ ให้น้องมาขับแทน ผมจะถ่ายบรรยากาศ  น้องบอก ได้เรยพี่  ตั้งใจถ่ายเรยนะ ไปได้แค่ไม่ถึงไหน แม่งออกถนนใหญ่ สัสเอ๊ยยยยย

เวลาของกุทำไมมันนน้อยแท้  น้องแม่งฮาก๊ากเรยยย  ทำเอากุเสียเซลล์กันเรยทีเดียวเชียว
กะจะถ่ายแบบเท่ๆซะหน่อย เสือกหมดระยะ อีห่า



ความซวยเหมือนจะหมดแค่นั้นแต่ยัง คือเรื่องปั๊มน้ำมัน น้ำมันจะหมดระหว่างขับไปดอย คือจ.เชียงใหม่ 
นอกตัวเมืองนี่ ปั๊มน้ำมัน ตั้งห่างกันแบบ เหี้ยๆอ่ะ คือน้ำมันเหลือค่อนถัง คิดว่ายังไงก็ต้องมีปั๊มบ้างแหละวะ ทางหลักขนาดนี้  ยิ่งขับไปก็ลุ้นไป แม่งไม่มีสักทีว่ะ มีแต่ฝั่งตรงข้าม ฝั่งกุไม่มีสักปั๊ม 

ขับไปเรื่อยๆ เจอปั๊มฝั่งตรงข้ามคราวนี้วัดใจเลย ไปต่อไม่ยูเทิร์น  ดูสิวะ ฝั่งนี้แม่งจะไม่มีปั๊มเรยหรือไง 
แล้วแม่งก็ไม่มีจริงๆ อีดอกก 5555    จนกุเจอปั๊ม ปตทฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ดิฉันจะไม่ฝืนโชคชะตา 5555 ยูเทินดิ รออะไร    แต่ความฮาในชีวิตมันก็เกิดขึ้นจนได้ พอออกจากปั๊มข้ามมาฝั่งเดิม ขับไปอีกนิดเจอป้ายอีก1กม. ถึงจุดพักรถ  ร้องเหี้ยมั๊ยล่ะ !! 5555555  ซวยชิบหาย ที่กุยูเทินไปเมื่อกี๊มันคืออะไรกันนะตัวเอง 5555 กุพยายามบิดผ่านปั๊มห่านี่ให้เร็วที่สุด  

ใครไปเชียงใหม่ ไปทางดอยอินลองดูนะ แล้วจะหาว่าผมโม๊ ปั๊มมันอยู่ก่อนทางเลี้ยวเข้าอุทยานนั้นแหละ
ความซวยยังไม่หมดนะ วันที่ไปมันคือวันที่30 ธ.ค. เสียค่าเข้าคนละ40หรือ60มั๊ง ค่ารถอีก 
แต่อีกวัน วันที่กุลง อุทยานปล่อยเข้าฟรีจร้า แถมถุงห่าไรด้วยไม่รุ 5555555

ชั่วโมงนี้กุไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น 5555  กลับมาที่วันเดิมของเรา 
เติมน้ำมันเต็มถัง แต่น้ำมันเรามันถังเล็ก ต้องเติมบ่อย ปัญหาคือ ขับยังไงดีน๊า ให้รอดจนลงอุทยาน5555

ขาลงไม่ห่วงอยู่แล้ว ห่วงขาขึ้น  ขึ้นไปถึงก็ไปรับเครื่องนอนที่จองไว้ มาเก็บของที่เต๊น แล้วไป ลุยกันต่อ


ไปที่วัดนี้เลย บนยอดดอยอินทนนท์  บรรยากาศก็ดีนะ หมอกก็มาเป็นระยะๆ คนอื่นกินมาม่า กินก๋วยเตี๋ยวกัน เราซัดไอติมจร้า 5555   ไอติมบนดอยแม่งแข็งมาก ไม่เชื่อลองไปกินดู แล้วไม่ละลายเลย ยืนกิน20นาทีก็ยังไม่ละลาย ก็ได้ฟีลไปอีกแบบ


จากนั้นเราขับขึ้นมาอีก ผ่านกิ่วแม่ปาน ขึ้นสู่จุดสูงสุด แดนสยาม เพราะมีความคาดหวังว่า คงจะมีวิวดีๆให้เราได้ชมบ้างแหละ เพราะไม่เคยขึ้นจุดสูงสุดเลย  พอมาถึงข้างบน ไหนล่ะจุดชมวิว?

เดินไปถาม ทหารทันที จุดสูงสุดอยู่ตรงไหนครับ เค้าบอกนู่น น้อง เดินตามคนอื่นไปเลย
อ๋อ มันต้องเดินเข้าไปในป่าหรอ ยังคาดหวังว่า จุดสูงสุด เห็นวิวแบบ360องศา จินตนาการอยู่ในหัว เดินไปๆ เจอป้ายจุดสูงสุดแดนสยาม  เราก็ยังหาอีกไหนจุดชมวิว  เค้าบอกว่านี่แหละจุดสูงสุดแล้ว วิวอะไรไม่มีหรอก  กุแทบกรี๊ดเรย แล้วพวกมึงขึ้นมากันเพื่ออะไรวะเนี่ย ขึ้นมาเพื่อที่จะให้รู้น่ะหรอว่ามาถึงจุดสูงสุด มาเพื่อมาถ่ายรูปกับไอ้ป้ายนี้เนี่ยนะ บ้าป่าววะ  กุเอาไปตั้งข้างล่างให้ถ่ายก็ได้นะ ไม่ต้องลำบากขึ้นมาข้างบนด้วย ใครจะถ่ายก็ถ่าย กุคนนึงไม่ถ่ายหรอก

ไม่ได้ดั้งด้นมาเพื่อถ่ายกับไอ้ป้ายนี้นะเว้ย รู้สึกเซ็งมากๆๆๆ
เลยเดินไปเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา  อันนี้ค่อยเยียวยาหัวใจที่ห่อเหี่ยวของกุขึ้นได้หน่อย
ธรรมชาติจะเยียวยาทุกสิ่ง



และนี่หรือ คือสิ่งที่พวกคุณทำกัน มีปัญญาเอาขึ้นมากิน แต่ไม่มีปัญญาเก็บลงไป
เห็นแก่ตัวกันจังวะ มักง่ายๆๆๆๆ  ขอลาEPนี้ไปด้วยนิสัยคนไทยบางคนที่มักง่าย ทิ้งไปเรื่อย
จิตสำนึกไม่มีกันเลย     อย่าโทษนายก อย่าโทษคนอื่น เลิกโทษคนอื่นซักที
แล้วดูซิ ว่าตัวเองทำตัวยังไง ทำไมประเทศถึงไม่พัฒนา ลองคิดดูนะ  ไม่ใช่แค่เรื่องพวกนี้หรอก ที่ทำให้ประเทศไม่พัฒนา แต่เป็นนิสัยที่ดีแต่คิด ดีแต่พูด แต่ความจริง
ตัวเองไม่เคยทำอะไรอย่างที่พูดหรือที่คิดเลยจริงๆ.


Popular Posts

Facebook