ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2561

Cambodia เมืองที่ Beer ถูกกว่าน้ำ ...

กัมพูชา
บันทึกความทรงจำ ณ วันที่ 19-23 Oct 2018

สวัสดี  จร้าา วันนี้กลับมาอีกแล้วกับทริปต่างประเทศ เอ๊ะ หรือประเทศเพื่อนบ้านดีล่ะ 555
เอาเป็นว่า ต่างประเทศก็ดูคูลไปอีกแบบ  วันนี้จะเริ่มต้นเรื่องราวของเรากันด้วย  ตั้งแต่การจองตั๋วบิน
และวิธีไปเลยล่ะกัน     โดยเมืองที่เราจะมุ่งหน้าไปนั่นก็คือ  เสียมเรียบ หรือบางคนก็เรียกเสียมราฐ
จริงๆ มันมีการเปลี่ยนชื่อ จากชื่อนึงไปอีกชื่อนึง แต่ผมเองก็ชอบจะจำสลับกัน เลยขอเรียกว่าเสียมเรียบล่ะกันน๊าาา

โดยวิธีไป มีหลายวิธีมาก รถไฟก็ไปได้  รถทัวร์ หรือ เครื่องบินสามารถไปได้หมดเลยจ้า
โดยวันนี้เราจะไปโดยเครื่องบิน สนน ราคาตั๋ว ที่จองมาได้ 1 พันบาทถ้วน  จองล่วงหน้าโคตรนาน

ราคารถทัวร์ กรุงเทพ-เสียมเรียบ ราคาอยู่ที่ประมาณ 9 ร้อยกว่าบาท ใช้เวลาประมาณ9 ชม.
ราคารถไฟ  หัวลำโพง-อรัญ 2 ร้อยกว่าบาท ต่อรถจากปอยเปตไป อีก2 ร้อยกว่าบาท ถูกสุดแต่ นานสุด



แต่ก่อนที่จะขึ้นเครื่อง  ผมได้มานั่งในเลาจ์ ของ คิงส์ พาวเวอร์  ซึ่งดูหรูหรามีระดับมากๆ โดยผมได้จัดไวน์ไป2แก้ว เบียร์ ไฮเนเก้นอีก2 กระป๋อง ในเวลาไม่ถึง 20 นาที สลัดแฮมชีสเบค่อนอีก2 จาน เลย์อีก1ห่อ  ถ้าไม่ติดว่าต้องรีบไปขึ้นเครื่องนี่  เมาคาเลาจ์แน่นอน   มันก็จะกึ่มๆหน่อย แต่แค่นี้ไม่ได้ทำให้ผมนั้นมีความหายอยาก จะซัดเบียร์ของ cambodia แต่อย่างใด    เพราะที่นี่ขึ้นชื่อว่าเบียร์สดแค่แก้วละ 0.5 US เท่านั้น ต้องบอกว่า อยากไปลองเอามากๆ  ตอนนี้ ผมนี่นั่งยิ้มอยู่ตรงเกตอย่างเดียวเลยยย


แม่งฟินสัสอ่ะ  ตอนนี้คิดอะไรเริ่มช้าๆล่ะ จากอาการของไวน์ 2 แก้วที่หมดไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ ก็ได้เวลาบิน แต่ผมยังอยู่ตรงนี้อยู่เรยย  รอบนี้เราบินกับแอร์เอเชีย บินคุ้ม คุณภาพครบ
พอขึ้นเครื่องมาปุ๊ป เราจะได้ใบวีซ่ามาเขียนบนเครือง


ผมนั้นก็กำลังเขียนอยู่ดีๆ แต่ปากกาเจ้ากรรมดันเขียนไม่ติดซะอย่างงั้น  ผมก็เลยไม่ได้เขียนต่อ
จากนั้นฝรั่งที่นั่งข้างๆผม ก็พูดอะไรไม่รุไม่ทันได้ฟัง  แล้วผมก็หันมา ฝรั่งก็พูดอีกรอบ
can I  help แล้วก็ดึใบวีซ่าไปเลย ดึงปากกาไปด้วย พร้อมกับเขียนใบวีซ่าให้จร้า 
เค้าคงจะคิดว่าที่เราไม่เขียน เพราะเขียนไม่เป็นสินะ  นางก็เลยเอาไปเขียนให้จร้าา  5555
ปรากฏว่าปากกาด้ามที่เอาไปมันเขียนไม่ติด  ก็ใช่ไง ตูถึงไม่เขียนไงเล่าา
นางก็ควักปากกาดำขึ้นมาเขียนให้อีก ความพยายามสูงจริงๆ  จนเครื่องจะแลนดิ้งละ  แอร์มาบอกให้พับโต๊ะขึ้น ก็เลยคืนให้เราทั้งที่ยังเขียนไม่เสร็จ แต่แค่นี้ก็ซึ้งใจแล้วสำหรับน้ำใจคนต่างชาติที่พบเจอระหว่างทาง เห็นม่ะ นี่แหละคือเสน่ห์ของการเดินทาง ที่มีความหมายมากกว่าจุดหมายปลายทาง 


ผมเลยขอเค้าถ่ายรูปไว้ซะเลย 555 หน้าตาหล่อน้อยกว่าผมนิดนึงนะ แต่พอมีน้้ำใจ ปุ๊ป  ผมให้หล่อกว่านิดนึงก็ได้    เอาล่ะ เมื่อเครื่องมาถึงเสียมเรียบอย่างรวดเร็วชนิดที่ว่า  ตดยังไม่ทันหายเหม็น 

เราก็มาถึง เสียมเรียบ ประเทศกัมพูชาเป็นที่เรียบร้อย เราก็แบกกระเป๋าเข้าไปในเกตก็จะพบกับ ตม. ฝั่งกัมพูชา  ที่นี่จะมีวีซ่า on arrive อยู่ ฝรั่งบางคนก็ยังต้องทำวีซาชนิดนี้อยู่ แต่คนไทย ฟรี วีซ่า จร้าา


ตอนนั้นเป็นเวลากว่า 3 ทุ่มครึ่ง ซึ่งเรานัด กับทางโรงแรมที่จองเอาไว้ ให้คนมารับที่สนามบิน เป็นเวลา 3 ทุ่ม  เราก็พยายามออกไปให้เร็วที่สุด  พอจะออกจากเกตยังไม่ได้เขียนใบสำแดงสิ่งของ ก็ต้องกลับไปเขียนอีก  แหม่ พอจะรีบนี่ก็เรียกกุจังเลย  แอร์บนเครื่อง ก็ไม่รุเรื่องเรย  บอกแต่ว่าไม่ต้องเขียนก็ได้
แล้วมันได้มั๊ยล่ะน้องหนู


พอออกมาจากสนามบิน ก็เจอพี่สุชาติ(นามสมมุติ) ยืนถือป้ายชื่อ รอเราอยู่แล้ววว  จากนั้นพี่แกก็พาเราเดินไปที่รถสามล้อ ที่นี่เรียกกันว่าตุ๊ก ตุ๊ก  คือการเอามอเตอร์ไซค์มาผูกกับ สามล้อ เออ ก็เก๋ดีแฮะ

พี่สุชาติ พูดไทยได้นิดหน่อย เพราะพี่แกเคยมาทำงานบ้านเราที่สมุทรปราการ จากนั้นก็พาเราไปที่พัก
ที่อยู่ในตัวเมืองเสียมเรียบ นั่งชิวมากอ่ะบอกเลย ลมเย็นประทะหน้าตลอด ฟินมาก!!


คนที่นี่ขับรถกันไม่เร็ว ผิดกับประเทศไทยมากๆ  นี่คือความต่างกันละ  นั่งชิวๆ15 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง
เหมือนปั่นจักรยานอยู่สวนหน้าบ้าน เราก็มาถึงที่พัก  ที่พักต้อนรับเราด้วยน้ำส้ม1แก้ว ดับกระหาย
บริการดีจริงๆ สำหรับที่พักนี้  สนน ราคา 11 USD  ต่อ 1 ห้อง ตกคืนละ 3 ร้อยกว่าบาท  แต่!!!
เห็นอะไรรึป่าว  ว่า บริการฟรี คือ รถรับส่งที่สนามบิน  จริงๆ ผมสามารถหาห้องได้ถูกกว่านี้ แต่ไม่มีบริการ
แล้ว บริการ รถรับส่งสนามบินที่นี่ ตกอยู่ที่ 8-10 USD ต่อคัน นั่นเกือบเท่าค่าโรงแรมเลย  เราเลยเลือกหาโรงแรมเจ้าที่ถูกที่สุดและยังให้บริการรับส่งสนามบินฟรี   ก็ได้ที่นี่แหละ The Siem Reap Chilled Backpacker  ใครจะไปก็ลองไปพักดูน๊าาาา  




ตอนนี้เราได้เอาของขึ้นไปเก็บ เซ็ตกล้องให้พร้อม แต่!!  ตายห่า  ไม่มีซิมเน็ต 5555
ลืมซื้อออ  แต่ไม่เปนไร  เราใช้ไวไฟ โรงแรมนำทางไปเลย จับไปที่pub street แล้วจำ ว่าต้องเดินตรงไหนยังไง  พอสัญญาณเน็ตหาย ถึงแม้จะนำทางไม่ได้แล้ว  แต่เราได้ล็อคแผนที่เอาไว้แล้วเปิดจีพีเอส ตามเอา  พร้อมกับเอาแผนที่พกติดตัวไปด้วย เผื่อฉุกเฉิน  แต่พอออกมาไม่นาน ระยะทางกว่ากิโลครึ่ง โคตรเงียบเรย 5555  ก็แหงแหละ ก็5ทุ่มแล้วนี่หว่า  เราก็เดินไปเรื่อยๆ รถไม่ค่อยมี เงียบมากก
เดินไปpub street ประมาณ ครึ่งชั่วโมง ก็ถึง การเดินเป็นการสำรวจบ้านเมืองและประหยัดไปในตัว 

และนี่สินะ จากที่อยู่ในจอตอนนี้มันอยู่ข้างหน้าเราแล้ววววววเว้ยยยยยยย!!


ผมก็เลือกร้านเรย  ที่นี่แทบทุกร้านขายดราฟเบียร์หมด เป็นเบียร์สด ในราคาแก้วละ 0.5 USD
ซึ่งแม่งโคตรถูกกก  แต่ถ้าใครจะไปนะ ลองถามเค้าก่อนนะว่าดราฟเบียร์ราคาเท่าไหร่
บางร้าน เขียน0.5  แต่ต้องสั่งอาหารด้วยก็มี บางร้านก็0.75 บางร้านก็ 1 USD 


เบียร์สดที่นี่มี 3 ยี่ห้อ คือ ANCHOR  ANKHOR และ  CAMBODIA  ซึ่งที่ผมสั่งมาก็อย่างในรูป ผมว่าอร่อยกว่าเบียร์ไทย  รสชาติดีเลยล่ะ   จัดไปก่อน 1 แก้ว ค่อยๆจิบแบบละเมียดละไม  ฝนก็ตกลงมาซะงั้นปัดโถ่ว เลยจัดมาอีก 1 แก้ว แล้วก็สั่งอาหารมา ในราคา 3 เหรียญ เป็นยำอะไรสักอย่าง คล้ายๆยำบ้านเรา แต่คนที่นี่กินหวานมาก อาหารที่มานี่ติดหวานแทบทุกอย่าง  


แล้วก็สั่งเฟรนซ์ฟรายมาในราคา 3 USD  อมน้ำมันมาก มันไม่สุกอ่ะ มันนิ่มๆ ไม่รุว่าคนที่นี่เค้ากินกันแบบนี้ หรือว่าทำไม่เป็น 5555 กินไปกินมา จัดไปอีกแก้ว แก้วที่ 3 ก็หมดไปอย่างรวดเร็ว  ตอนนั้นรู้สึกว่าเริ่มดึกมากละ แล้วก็ต้องเดินกลับทางเดิม ไปอีก1 กิโลครึ่ง ก็เลยขอกลับก่อนดีกว่า ไม่ได้เมานะ 
แต่มันดึกแล้ว และร้านก็เริ่มปิดกันละ ตอนนั้นก็จะตี 1  เรยเช็คบิล แล้วกลับไปนอนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยลุยเสียมเรียบกัน


ตื่นเช้ามาก็ดูเกาหลีอะไรไม่รุ ก็เพลินดี 5555 ป่าวหรอก ไม่ได้ปิดตั้งแต่ม่ะคืน 555 ตื่นเช้ามาก็นั่งเล่น นอนเล่น วางแผนว่าวันนี้จะไปไหนทำไร  ก็สรุปคือ เช็คเอาท์เที่ยงแล้วก็เดินไปเช็คอินโรงแแรมใหม่ ที่อยู่ห่างไปอีก กิโลกว่าๆ ซึ่งแดดตอนกลางวัน ร้อนมาก ฝุ่นก็เยอะด้วย แต่การเที่ยวแบบประหยัดก็ต้องเจอการเดินทางแบบนี้เป็นธรรมดา  อย่าไปคิดมาก ใช้ชีวิตให้สนุกก็พอ  


โรงแรมที่พัก แทบทุกที่ ก็มีขายทัวร์ ทุกทีี่ ไม่ต่างกันมาก  เลือกดูเอาได้เลยนะ ส่วนผมจะไปลองหาเองข้างนอกดูก่อน  ถ้าไม่ได้ค่อยว่ากัน จากนั้นก็เช็คเอาท์แล้วก็เดินไปท่ามกลางแสงแดด



ก็เดินดูตึกรามบ้านช่องไปเรื่อย เป็นการสำรวจบ้านเมืองเขาไปในตัว  ซึ่งตอนนั้น เริ่มมีกลุ่ม ตุ๊กๆ เข้ามาเรียกกันเยอะมาก  เรียกได้ว่าแทบทุกคันเลย  เดินผ่านคันไหน ก็ทักทุกคัน  แต่ที่นี่ดีอย่างคือเค้าไม่ตื๊อนะ
เราไม่ไปก็บอกว่าไม่ไป ไม่เอา  เค้าก็ไม่มายุ่งกะเราแล้วว






เดินไปสักพัก นึกขึ้นได้ ยังไม่ได้ซื้อซิมนี่หว่า ก็เลยเดินหาร้านซิมไปด้วยเลย ก็เดินเข้าไปในร้านขายโทรศัพท์ แต่ปรากฎว่า ขายแต่โทรศัพท์ไม่ขายซิม  เออดี 555 จากนั้นก็เดินไปเรื่อย เพื่อหาร้านขายซิม 
ไปยืนหน้าร้านว่าขายซิมหรือขายโทรศัพท์ 5555 น้องเดินออกมาบอกว่า ที่นี่มีซิมขาย
คุยไปคุยมาก็เลย ไดซิมมาในราคา6 เหรียญ  ตอนแรกกะว่าจะไม่ใช้ซิม  เพราะที่โรงแรม หรือpubstreet ทุกร้านก็มี wifi หมดทุกร้าน  จากนั้นก็เดินไปกันต่อ  แต่ที่นี่ก็มีห้างเหมือนบ้านเรานะ แต่ไม่ใหญ่เท่าบ้านเรา




เดินไปเรื่อยๆ ก็มาถึงที่พัก  จริงๆเช็คอินบ่าย2 แต่พนักงานให้เช็คอินได้เลย ที่พักเราก็อย่างที่เห็น  เป็น hostel ซึ่ง ราคา ประมาณ 6 เหรียญ สำหรับ 2 คืน มีบาร์และสระว่ายนำอยู่ด้านล่าง  เป็นราคาที่ดีมากเลย  จากนั้น ห้องพร้อมแล้ว  เราก็เดินขึ้นไปเอาของไปเก็บ นั่งงเล่นสักแป๊ป  แล้วก็เดินลงไปหาคาเฟ่นั่ง  เดินไปปากซอยอีกนิดหน่อยก็จะถึงคาเฟ่ บราวน์   ซึ่งเป็นคาเฟ ค่อนข้างใหญ่ที่สุดในย่านนี้ ราคาไม่ต่างจากบ้านเรามาก  







พอเข้าไปในร้าน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนต่างชาติ คนท้องถิ่นก็มีปะปนกันไป จากนั้นเราก็เริ่มดูเมนู เห็นเมนูแนะนำของร้าาน เป็น brown greentea กับ brown calamel  เลยจัด ชาเขียวมาแก้วนึง ราคาประมาณ 2.9 เหรียญ  เกือบร้อย อาจจะแพงกว่าบ้านเราหน่อย แต่ร้านเค้าก็ดีจริงๆ 




มีของหวานแล้วมันก็ต้องมีของคาววว  ลองเปิดเมนูดูซิมีอะไรกินบ้าง



ผมเลยจัดสปาเก็ตตี้ ชิลลี่ ซีฟู๊ดมาเลยยย ราคา 4 เหรียญ  ขากลับ ซื้อทาร์ตไข่ อีกครึ่งเหรียญ






หน้าตาก็จะประมาณนี้  อร่อยยยยย 5555  ยั่วยวนท่านผู้ชมกันเลยทีเดียว  มันกุ้งนี่เยิ้มมาก
กลิ่นพริกไทยก็เยี่ยมใช้ได้ เอาเป็นว่าคาเฟ่ร้านนี้ ผ่านมากกก   แต่ตอนนี้ ผมเริ่มอยากกินก๋วยเตี๋ยวร้อนๆมาก เพราะเมาค้างจากเมื่อคืน  จริงๆไม่ได้เมานะ แต่ร่างกายมันขับแอลกอฮอล์ออกไม่ทัน 
เมื่อคืนก็ไม่ได้กินของร้อนๆ มันก็เลยมีอาการคลื่นไส้นิดๆ ถ้าได้กินก๋วยเตี๋ยวตอนนี้จะดีมาก
เราคงต้องหาร้านพื้นถิ่น กินกันละล่ะ 
กินเสร็จแล้วหน้าคาเฟ่นี้จะมีวัดอยู่ เป็นวัดสไตล์คัมโบเดีย เราเลยข้ามถนนกันไปดู

ก็อย่างที่เห็น วัดที่เขมร นี่ ยังเก็บกระดูกไว้โชว์กันจ่ะๆ แบบนี้เลย เป็นของจริงนะครับ ผมลองเข้าไปดูใกล้ๆมาแล้วว อาจจะเปนกระดูกของคนยุคเขมรแดง  ที่โดนข่มเหงจนตาย  ยังไงไปดูประวัติศาสตร์ย้อนหลังของประเทศนี้ดูกันได้นะ ผมเคยอ่านมาแล้วว โคตรโหดเรยยยย



จากนั้น เราก็เดินเล่นกันไปเรื่อยๆ ตามท้องถนน วันนี้ชิลๆ แค่เดินเล่นรอบเมือง ชมวัด ชมคนพื้นถิ่น ว่าเย็นๆ บ่ายๆ เค้าทำอะไรกัน ก็มาเจอวัดนี้ เป็นวัดที่ทัวร์จะพาลูกทัวร์มาลงกันที่นี่ ต้องถอดรองเท้าไว้ด้านข้าง แล้วเดินเข้าไป  ที่นี่มีอาชีพรับจ้างจัดรองเท้าด้วยอ่ะ  แถมมีสัมมาคารวะมาก  ลืมบอกว่าที่นี่ทักทายด้วยการไหว้เหมือนบ้านเราเลย  คือถ้าเราอยู่แค่ในประเทศไทย ก็คงจะเข้าใจว่า การไหว้คงจะมีแค่ประเทศไทยประเทศเดียว แต่ป่าวเลย  จริงๆ ไทย กะกัมพูชา แทบจะไม่มีอะไรแตกต่างกันเลยนะ
สภาพบ้านเมืองก็คล้ายๆกัน เพียงแต่ไม่เจริญเท่าบ้านเราเท่านั้นเอง



ที่นี่มีกีฬาชนิดหนึ่ง คล้ายๆตะกร้อบ้านเรา แต่ที่เตะกันไม่ใช่ลูกตะกร้อ  เป็นเหมือนลูกขนไก่ แล้วติดสปริง
แล้วก็เอามาเดาะเล่นกันตอนเย็น เห็นเล่นกันหลายวงเลย น่าสนุกดี  


เดินไปเดินมา เจอค้างคาวบนต้นไม้เป็นร้อยๆตัว งง จร้า ไม่เคยเห็นค้างคาวอยู่นอกถ้ำเยอะขนาดนี้ 
คนมาถ่ายรูปกันเยอะมากๆ สงสัยว่าค้างคาวมันกลัวแสงไม่ใช่หรอ แต่นี่คือ แดดเปรี้ยงๆเลย 555
เออ ก็แปลกดี 

เดินต่อๆ เดินไปเรื่อยๆ ก็เจอคนขายผ้าจร้า ผ้าพันคอ  เราก็บอกไม่เอาๆ เค้าบอก 5 เหรียญ ผมบอกว่าไม่เอา  เค้าก็บอกให้ดูก่อนได้  เราก็เรยเลือกๆดู แต่ก็ไม่เอา  เค้าก็ตื๊อจร้า 5 ผืน 20 เหรียญก็ได้ 
  นะ นะ  ช่วยซื้อหน่อย  แหนะ !! พูดไทยได้ด้วยยยยย 5555
เราก็บอกว่าไม่เอาแพงไป  เค้าก็บอก 4 เหรียญ เราก็บอกไม่เอาแพงไป  เค้าเลยบอก 3 ผืน 10 เหรียญ  ผมก็บอกไม่เอาอีก แล้วก็เดินไปเรื่อย ก็ยังตื๊อขายอีก จริงๆผมมีราคาในใจอยู่แล้ว คือ 2 เหรียญ ถ้าได้ก็คือซื้อเลย ลายมันสวยดี เป็นลายนครวัด แต่ขอเล่นตัวก่อนน  จากนั้นเค้าบอก 3 เหรียญก็ได้ นะ นะ ช่วยซื้อหน่อย  เราเลยบอกว่าให้ลดอีกหน่อย แล้วเราก็เดินไปเรื่อย 5555  เค้าก็บอกได้ๆ 2 ผืน 5 เหรียญ เราคราวนี้ เราเรยบอกว่า เอา2 เหรียญ เค้าก็บอกว่า 2 ผืน 5 เหรียญ เราก็กะลังจะเดินหนี เค้าบอก 2 ผืน 4 เหรียญ เราก็บอกว่า ไม่ จะเอาผืนเดียว 55555  เค้าเรยบอก 2 เหรียญ ก็ 2 เหรียญ 5555

ในที่สุดการต่อราคาก็สำเร็จ ได้ผ้าพันคอมาในราคา 2 เหรียญ  


ย่านนี้แหละครับที่ผมโดนตื๊อขายจนสำเร็จ 




จากนั้นก็เดินสำรวจเมืองไปเรื่อยๆ  นึกขึ้นได้ว่าเราต้องหาสามล้อ ในการไปนครวัด พรุ่งนี้นี่หว่า
เราก็เลยเดินหาเดินไปเรื่อย จนมีลุงคนนึง พูดขึ้นมาว่า tuk tuk  เราก็หันไป แกก็ยิ้มแบบแหยะๆ
เราก็เลยลองไปถามราคาดูปรากฎว่า แกพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ภาษาไทยก็ไม่ได้ เราเลยบอกว่าจะไปนครวัด พรุ่งนี้ เท่าไหร่ ถามง่ายๆ how much  ankhor wat  เค้าก็เอ้อๆ พยักหน้า อังกอร์วัดๆ เราก็คิด ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวละล่ะแบบนี้ ไปหาที่อื่นดีกว่า  แล้วผมก็เดินไป ทีนี้แกก็เดินตามเรามาแล้วก็ไปคุยกะสามล้ออีกคันที่พูดไทยได้  ให้ช่วยพูดกะเรา ตอนนั้นเราก็เริ่มคุยเรื่องราคา ตกลงราคา ที่ 18 เหรียญ ตั้งแต่เช้าจนมืด ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นยันตก แกบอกโอเครๆ เราประทับใจแกที่แกพูดไม่ได้ แต่แกมีความพยายามที่จะพาเราไป พยายามที่จะเอาตัวรอด พยายามที่จะทำยังไงก็ได้ให้สื่อสารกันรู้เรื่อง 

ผมชอบตรงนี้มากๆ ผมก็เรยเอาลุงคนนี้นี่แหละ ไม่ต้องเอาคนขับที่เป็นไกด์ได้ก็ได้ แค่แกพยายามที่จะสื่อสารกะเราผมว่ามันน่าสนับสนุนคนแบบนี้นะ แกก็แก่แล้วจะให้มาเรียนรู้เรื่องภาษาเหมือนหนุ่มสาว
มันก็คงจะไม่ทันกิน  จากนั้นแกก็อาสาพาผมมาส่งที่โรงแรม ฟรี เพื่อที่พรุ่งนี้แกจะได้รู้ว่าจะต้องมารับที่ไหน โอ้โห ประทับใจไปอีก  จากนั้นแกก็มาส่งเรา แล้วบอกว่า พรุ่งนี้ ตี4 นะ ชูนิ้ว4นิ้ว แกก็พยักหน้า เราก็หัวเราะๆ  เออ สนุกดีว่ะ ไม่ต้องคุยกัน ก็คุยรุเรื่อง  55555

สีหน้าแกดูมีความสุข ดีใจ ที่มีลูกค้าแล้ววว อะไรประมาณนี้ มันก็ทำให้เรา ประทับใจเหมือนกัน
ที่อย่างน้อยก็ทำให้เค้าได้มีงานทำ มีเงินไปเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย 

จากนั้นก็เดินขึ้นไปเปลี่ยนชุด แล้วก็ลงมาเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำข้างล่างจร้าา ฟินเรย เล่นได้ซักชั่วโมงนึง ขึ้นไปอาบน้ำ แล้วก็ออกไปกินข้าววกัน  เดินไปไม่ถึงไหน ก็เจอแล้ว ร้านอาหารตามสั้ง มีก๋วยเตี๋ยวด้วยย ราคา 1.5 เหรียญ  เอามาชามนึง มีให้เลือก เนื้อหมู ไก่ วัว  ก็เลือกเอา ต้องบอกเลยว่าน้ำซุปอร่อยมาก แต่เส้นนิ่มมาก ไม่ได้เหนียวนุ่มเหมือนไทย คือกัดไปนี่ขาดเลยอ่ะ  บอกไม่ถูกต้องไปลองเอง
เอาเป็นว่าก๋วยเตี๋ยวอร่อย 


กินเสร็จ ก็เดินไปต่อที่ pub street เป็นคืนที่ 2 คราวนี้เราเดินไปอีกประมาณกิโลนึง เจอร้านมินิมาร์ท ในร้าน เดินไปดูโซนเบียร์  โฮการ์เด้น โรเซ่ สีชมพูที่นี่ ราคา 1.7 เหรียญ ราคาไม่ถึง 60 บาท  บ้านเรา 125 บาท  ราคาต่างกัน 2 เท่า แม่เจ้าาาาา จัดสิจะรออะไร  ฟริงเกิล กระป๋องใหญ่ บ้านเราเกือบร้อย ที่นี่ 1.95 เหรียญ  จัดไปครับ 2 กระป๋อง  เดินกินรายทางไปเรย  555555



ระหว่างที่เดินมาเรื่อยๆ คืออิ่มแล้วนะ แต่มองหาร้านไว้ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาจัด 
เจอร้านพิซซ่าในราคา 2.5 เหรียญ แม่เจ้า  !! ต้องโดนๆ
และแล้วเราก็มาถึง ย่านแห่งความสุข pub street  ของเรานั่นเอง ไม่รอช้าครับผม เปลี่ยนร้านบ้าง ได้ที่แล้วก็นั่งเลย 





นั่งไปไม่นาน ฝนก็เท ก็เซ เหว่ว้านะเออ  5555
ยิ่งฟินใหญ่เพราะ อากาศเย็นๆ จิบเบียร์เย็นๆ ฟินจร้าาา 


นั่งเล่นกันได้สักพัก เช็คบิลกลับก่อน เพราะ พรุ่งนี้ตื่นเช้า  ราคาแม่งถูกจริง 2 แก้ว 1 เหรียญ แก้วใหญ่เท่าเบียร์สดบ้านเรานี่แหละ  โคตรชอบเรยยยยยยย



เจอมินิมาร์ทก็เดินเข้าไปดู เข้าไปช็อปทุกที่ เพราะแต่ละที่ราคาไม่เท่ากัน แพงบ้างถูกบ้าง ปนกันไป
เดินมาถึงร้านข้าวร้านเดิม ตัดสินใจซื้อข้าวผัดร้านเดิม เอาไว้กิน พรุ่งนี้เช้าเลย ไม่ต้องไปเสียเงินกินแถวนครวัด เพราะมันแพงมากกกกกกกกก

จากนั้นก็กลับไปนอน แต่ที่ห้องแอร์ไม่เย็นจร้า ไม่รุเปนไร ฝรั่งในห้องไม่รุไปปรับไรไว้รึป่าวว
แต่ช่างแม่ง  ตี4 ก็ตื่นละ 

จากนั้นตอนเช้าจัดแจงทำธุระ เสร็จตอนนตี4 ครึ่ง ลงมาก็เจอพี่3 ล้อ มาคอยเราอยู่แล้ว เตรียมเสบียงไว้
แล้วก็ลุยเลยพี่  เดินมาบอกพี่สามล้อว่า ticket คำเดียว พี่เค้าแกก็พยักหน้าเข้าใจเลย ว่าต้องไปซื้อตั๋ว 5555





กว่าจะเปิดก็ประมาณตี 5 ขายตั๋ว ไม่มีไรมาก เดินเข้าไป ซื้อตั๋วแบบวันเดียว ก็ 37 เหรียญ ถ่ายรูป ยื่นตังค์ ได้ตั๋ว  ไปเลยจ่ะนายจ๋า ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัดกัน


สวยมาก แต่ก็เดินหน่อยนะจากด้านนอกเข้ามาก็ประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงงบึง บ่อน้ำที่เค้ามาถ่ายรูปกัน ต้องพยายามเบียดๆหน่อยเพื่อจะได้อยู่ข้างหน้า ถ่ายรูปสวยๆแบบเน้ พอฟ้าเริ่มสว่างเราก็เดินเข้าไปในตัวนครวัดกันเรยยย


เดินเข้าไปดูความยิ่งใหญ่ของเมืองมรดกโลลกแห่งนนี้กันเถอะ  พอเข้าไป ก็จะมีสถาปัตยกรรมโบราณมากมาย ทั้งพื้น ผนัง ก็แล้วแต่คนชอบอะน่ะ  แต่ผมไม่ค่อยจะอินกับโบราณสถานสักเท่าไหร่  แต่ก็ใหญ่จริงๆ พอเดินลึกเข้าไปด้านใน ก็จะมีปราสาทชั้นในอีกชั้น






โดยมีเณร นั่งอยู่เพื่อผูกข้อมือและสวดมนต์ให้กับเรา ผมก็เรยเอาบ้างง 5555
หลังจากนั้น ก็เดินสำรวจจนประมาณสัก 7 โมงเช้า เราก็เข้าไปดูปราสาทด้านใน









ตรงจุดนี้แหละที่ถึงแกนกลางปราสาท



ก็จะเห็นคนต่อคิวขึ้นปราสาทเยอะมาก แต่ผมไม่ได้ขึ้น เพราะคนเยอะมาก  จากที่ดูๆ คือเหมือนๆกันหมดทั้งปราสาท เดินกลับไปนครธมต่อดีกว่า มีอีกหลายที่ที่ให้ไป 


ก่อนจะไปก็ขอเข้าห้องน้ำก่อน  ใครที่มีตั๋ว เข้าฟรีนะครับ ไม่เสียเงิน มีป้ายติดชัดเจน ไม่มีการเสียเงิน
จากนั้นเราก็กินข้าวกล่องที่เตรียมมาก่อน แล้วก็มุ่งหน้าสู่นครธม 







ต้องบอกก่อนเลย ว่าผมชอบที่นี่ที่สุดแล้ว เพราะมันยิ่งใหญ่มาก ความรู้สึกผม ผมคิดว่ามันยิ่งใหญ่สวยงามกว่านครวัดอีก อเมซิ่งจริงๆสำหรับที่นี่ คือคุณต้องมาเห็นเอง ด้วยตาสักครั้งนึง ไม่ได้อวย ที่นี่ดูยิ่งใหญ่ และควรที่จะมาอย่างยิ่ง สักครั้งในชีวิตก็ยังดี  คือยิ่งใหญ่ตั้งแต่ทางเข้า นครธมแล้ว 
ที่นี่ คือปราสาทบายอน  ไม่ค่อยรู้ประวัติศาสตร์ครับ แต่รู้สึกได้ว่ายิ่งใหญ่มากก 

ผมเดินรอบปราสาทนี้ทั้งหลังเลย ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง แต่ไม่ได้เดินด้านบนนะ ถ่ายจากข้างล่างจะสวยกว่า ประทับใจที่นี่สุดแล้ววว 

จากนั้นลุงแกก็พาไปที่นึงใกล้ๆกัน ผมบอกให้ไป ปราสาทตาแก้วเรย 





เดินที่นี่ไม่ถึง ชั่วโมง ไม่ได้เข้าตัวปราสาทด้วย เมื่อย555 อยากนั่งพักใต้ต้นไม้ 
ยิ่งใหญ่จริงๆ  จากนั้น ก็ไปกันต่อที่ ปราสาท ตาพรหม ที่นี่ก็คือ ที่ที่ถ่ายทำหนังเรื่องทูม ไรเดอร์ นั่นเอง
ต้องเดินเข้าไปประมาณ 300 เมตร แล้วก็เดินวนข้างในอีก 




ที่นี่ก็สวยดีนะ แต่กะลังซ่อมแซมอยู่หลายจุดเหมือนกัน มีรถแมคโครอยู่ข้างในด้วย
เหมือนกะลังเร่งซ่อมแซมอยู่ เพราะรากไม้มันดันตัวปราสาท ให้พัง










ตอนนี้ผมเริ่มรุสึกเหนื่อยล้า กับแดด กับการเดิน เริ่มง่วงจากการนอนไม่พอ นอนแค่4 ชั่วโมง
เลยมานั่งพักหน้าปราสาท โอย จะหลับ จร้า เราต้องหาที่พักเย็นๆสักที่แล้วล่ะ

เดินออกมาข้างนอกเข้าห้องน้ำเสร็จ เราก็เจอร้านอาหารร้านแอร์ร้านนึง เข้าไป ผงะกับค่าอาหาร1ครั้ง
ข้าวผัด 5 เหรียญ  นี่มึงใส่กุ้งล็อบเอตร์หรือไงวะ  เลยขอสั่งเป็นน้ำแทนละกัน สังชาเขียว กับ กาแฟไป ในราคา 2.5 เหรียญ ในความเข้าใจของผมคือ เค้าน่าจะทำเหมือนร้านน้ำปั่นบ้านเรา ชงใหม่ๆ สดๆ กลิ่นหอมๆ  อารมณืเหมือนสั่งโกโก้ ชาเย็น ตามรถเข็นบ้านเรา


แต่พอเสิร์ฟมา ผงะอีกรอบ คือมันห่วยมากกเว้ย รสชาติห่วยมาก คือเหมือนทำไว้แล้ว น่าจะหลายวันแล้วด้วย แล้วก็แค่เทใส่น้ำแข็งแล้วมาเสิร์ฟเรยไม่มีกลิ่นชาอะไรเรย มีแต่ความหวานแค่นั้นจริงๆ 
กาแฟนี่ มันคือกลิ่นโกปิโก้อ่ะ ลองจินตนาการดูละกันนะ 55555


แต่ที่ตลกคือ ฝรั่งโต๊ะข้างๆ มันมองมาที่โต๊ะเรา แล้วก็ปรึกษากะแฟนมัน แล้วสั่งสไปร์ทกะโค๊กมาอย่างละกระป๋อง  มันคงคิดว่า ถ้าสั่งอย่างอื่นมา ต้องเจอแบบกุแน่นวล 55555
กุเอาเซฟๆดีกว่า  5555

ดูเอาครับ แก้วละ 80 บาท  ได้แบบนี้มา    ฟัคคคค แฟง แตงโม ไชโยโห่หิ๊วววว 
ใครมาที่ปราสาทตาพรหม  อย่ามาแดกร้านนี้นะ ขอเตือนคนไทยทุกคน  เป็นร้านแอร์ น่าจะร้านเดียวนะที่อยู่แถวนี้   ถือว่าผมเป็นหนูทดลองให้ละกัน มานั่งตากแอร์แล้วสั่ง เป๊ปซี่กระป๋องเถอะ


ตอนนั้นเป็นเวลาบ่าย 3 ละ เราก็ไปกันต่อที่พนมบาเค็ง 
ไปดูพระอาทิตย์ตกกันที่นี่ ที่สุดท้ายละ ต้องรีบไปก่อน เดี๋ยวจะไม่ได้ขึ้น เพราะที่นี่ จำกัดคนขึ้น 300 คนเท่านั้น  เราจะได้บัตรนี้มา พอเราลง เราก็คืน แต่ต้องเดินขึ้นเขามาหน่อย ประมาณ 1 กิโล 





พอขึ้นปราสาทได้ ก็หาที่ร่มๆนั่งหลบแดด รอพระอาทิตย์ตก  แต่มีฝรั่งอยู่ 2 คน ผมรู้สึกสงสารมากเลย 5555 เพราะนั่งตากแดดกันอยู่ 2 คน อารมณ์ เหมือนนั่งจองที่  แดดนี่เลียหน้าเรย  คนอื่นก็เริ่มมานั่งกางร่มกันบ้าง 



มีฝรั่งงคนนึง กุไม่สน กุจะดูพระอาทิตย์ตก ใครจะถ่ายรูปก็ถ่ายไป ก็กุจะดูอ่ะ
ผมยกให้คนนี้ คือคนชิล 2018 เลย   มาคนเดียว ดูคนเดียว  ไม่ต้องสนใจห่าไรเรย 55555
แม่งดีจังวะ




แต่วันนี้ เมฆเยอะ โชคร้ายไปหน่อย พระอาทิตย์หลบเข้าเมฆ  แต่ก็ไม่เป็นไร แค่ได้มาถึงก็โอเครละ 
เอาจริงนะ ที่นี่ พระอาทิตย์ตกไม่ได้สวยขนาดนั้น ในมุมมองของผมนะ ผมว่าเมืองไทยอย่างหล่มสัก หรือที่อื่น สวยกว่า  มันมีต้นไม้มาบังวิวนิดหน่อย ทัศนียภาพมันไม่กว้าง  อันนี้ผมก็พูดความจริงนะ อันไหนสวยก็บอกสวย ไม่สวยก็บอกไม่สวย แต่ที่นี่น่าจะเป็นที่เดียวที่สามารถดูพระอาทิตย์ตกได้ เพราะเขมรไม่มีตึกสูงหรือพื้นที่สูงๆ ให้ขึ้นไปดูได้เหมือนบ้านเรา



จากนั้นก็เดินกลับ ลงไปก็มืดพอดี พี่สุชาติคนขับก็ยืนรอเราอยู่เรยขอถ่ายรูปสักช็อต นึง แล้วแกก็ไปส่งที่พักเรา ถึงประมาณ ทุ่มนึง ผมก็ให้ไป 20 เหรียญ ไม่ต้องทอน เป็นทริปให้ แกก็ดีใจใหญ่เรย ยิ้มแก้มปริเรย  ใครไปก็ไปใช้บริการแกได้นะ  อยู่ตรงวัด ใกล้ๆสวนสาธารณะใจกลางเมืองเลย ตรงวงเวียนต้นไม้แถ้วๆนั้น






จากนั้นขึ้นไปอาบน้ำ ให้เย็นฉ่ำ แล้วลงไปกินพิซซ่ากัน  แต่ก่อนกินพิซซ่า ขอซัดก๋วยเตี๋ยวก่อนน้าาา
ร้านเดิมเรย อร่อยมาก อีก 1.5 เหรียญ  กินเสร็จก็รีบไป กินพิซซ่าร้านนั้นกันเถอะ  สั่งมาเลย เป็นพิซซ่าแป้งบางกรอบ โรยพวกชีสอะไรนี่แหละ  จานกลางไม่ใหญ่มาก แต่ใหญ่กว่าจานปกติ  รสชาติดี อร่อยเรย คุ้มราคามาก แค่ 2.5 เหรียญ แต่เบียร์ ราคา 1 เหรียญ ฟินมากกกกก  อร่อยยยยยย  ลืมชื่อร้านว่ะ 5555

ลองหาดูนะแถวนั้น มีร้านเดียวที่ขาย 2.5 ไซส์กลาง และ 3.5 ไซส์ใหญ่  ที่ผมสั่งคือไซส์กลาง
แดกอิ่มแล้วก็ไปร้านเบียร์ต่อสิครับผม 55555



เดินไปเรื่อยๆ ก็ดินไปไนท์มาเก็ตกันก่อน  อารมณ์เหมือนเดินโรงเกลือซื้อของฝาก เสื้อผ้า ของฝากเต็มไปหมด แต่ที่เยอะนี่คือ  รูปศิลปะ ที่วาดด้วยมือ  คือมันเยอะมากจนสงสัยว่าวาดด้วยมือจริงหรอวะ แล้วราคาก็ถูกมาก  ผมไปติดใจอยู่ 1 รูป ขนาดใหญ่มาก และสวยมากกกกกก เป็นรูปนครวัดสีส้ม ราคา พันกว่าบาท 35 เหรียญ  แต่ภาพมันสวยมากจริงๆ ห้ามถ่ายรูป ด้วย   กะจะจัดแล้ววว ใครไปที่นี่ขอแนะนำให้ซื้อกลับมาซักภาพนึง ใครที่ชอบศิลปะไม่ควรพลาด  ราคาถูกมาก   เมื่อเทียบกับฝีมือ ผลงาน



จากนั้นเหมือนภาพย้อน กลับมานั่งแดกเบียร์เหมือนเดิม 55555  ก็เบียร์แม่งถูกนี่หว่า  จัดไปอีกหลายแก้วเหมือนกัน พอเริ่มดึก คนน้อย  ก็กลับดีกว่า  เดินกลับอีก 1 กิโล แต่ไปเจอร้านผัดไทย หอยทอด อารมณ์นั้น เรยกะว่า พรุ่งนี้ต้องมาแดกแน่นอน


พอจะไปถึงที่พัก มาเจอร้านข้าวอีกแล้ว สั่งก๋วยเตี๋ยวอีกแล้ว แต่คราวนี้มันไม่เหมือนกัน  โอ๊ยตเถร
สั่งก๋วยเตี๋ยวทำไมได้แบบนี้  5555 เป็นคววามเข้าใจผิดกัน  คือ สั่ง fried rice ไปจานนึง อีกจานนึง บอก noodle pork เค้าถามว่า fried มั๊ย กุก็บอก fried สิจ๊ะนายจ๋า  ข้าวผัดมันก็ต้อง fried ป่าวว๊าาาา  ไอ้ฟายย

ปรากฎได้แบบนี้มาจร้า  แต่ แต่ แต่่ อร่อยจร้า  แล้วอร่อยชิบหาย อร่อยกว่าบ้านเราเยออะเรย
เหมือนผัดมาม่า  แต่ที่นี่อร่อยกว่าเยอะเรย  ไม่เคยกินผัดมาม่าอร่อยเท่านี้มาก่อนน 555
ข้าวผัดเค้าก็ผัดหอมมาก แต่เม็ดข้าวไม่นิ่มเท่าบ้านเรา มันจะกระด้างหน่อย เม็ดโตๆ
แต่กลิ่นข้าวผัดนี่หอมมาก   ราคา จานละ 1.5 เหรียญ





ดูเอาละกันอร่อย หรือไม่อร่อย 55555 นี่ขนาดอิ่มแล้วนะ ซัดเรียบเรย จากนั้นกลับไปนอน ตื่นเช้ามาเก็บของเช็คเอาท์ เดินไปโรงแรมใหม่ต่อ 5555  คราวนี อยู่ใกล้ผับสตรีทมากขึ้น ระหว่างเดินไป เห็นร้านก๋วยเตี๋ยว น่ากินมาก  เลยคิดว่าต้องไปโดน


เดินไปเรื่อยอีก เกือบ2กิโล ท่ามกลางความร้อนเหมือนเดิม มาถึงก็เช็คอินเข้าห้อง วางกระเป๋า ล้างหน้าแล้วลุยต่อ ไปกินข้าวเช้ากัน ในเวลาบ่ายแล้ว 55555

โดนแล้วจร้า  ก๋วยเตี๋ยวไทยนู๊ดเดิล มันคือเส้นมาม่าเหมือนเดิมเรย แต่ แต่ แต่ อร่อยมากอีกแล้ววว
ไม่รุใส่กัญชาให้กุกินป่ะเนี่ย  แถมมีปาท่องโก๋ด้วย ไม่ได้สั่งแต่ดันเอามาให้ ก็เลยคิดอยู่ว่ากินดีป่ะว่ะ เอางี้กินชิ้นเดียว ถ้าคิดตังค์ จะได้รู้ว่าไม่ฟรี อย่างน้อยก็เสียชิ้นนึง แต่ถ้าฟรี ค่อยจัดอีกชิ้นนึง  555 คือที่นี่ พูดอังกฤษไม่ได้ ไทยก็ไม่ได้ ถามอะไรก็งงๆ  แต่ให้อภัย อร่อยมากน้ำซุปอร่อย 
สรุปคือ ปาท่องโก๋คิดตังค์จร้าา  ดีนะกินไปชิ้นเดียวว แง่มมมๆ




หลังจากกินเสร็จ เราก็ไปนวดกันต่อเรยจร้า ที่นี่ มีร้านนวดเต็มไปหมด มันจะมีโปร happy hour 1 ชั่วโมง 2 เหรียญ  เวลา 9โมง ถึง บ่าย 3 เราก็กะว่าจะมานวดโปรนี้ แต่ปรากฏว่า ร้านแม่งบอกว่า ไม่มี ให้ใช้เรทตามนี้คือ นวดเท้า 5 เหรียญ 1 ชั่วโมง เราก็บอกว่าอ้าว ก็ป้ายเนี่ยที่ติดอยู่่ มันก็เขียนว่า 2 เหรียญ 1 ชั่วโมง แล้วนี่เพิ่งบ่าย2เอง มันก็บอกว่า มันยังไม่ได้เอาป้ายออก อะไรทำนองนี้ นี่คือมึงเริ่มไม่จริงใจกะกุละ

เรยบอกว่าไม่เอา  ไปร้านอื่น  จริงๆ ทุกร้านเรทราคาเหมือนกันคือ 5 เหรียญ 1 ชั่วโมง  แต่คือมึงไม่จริงใจไง กุก็ไม่เข้า ไปเข้าร้านอื่นก็ได้   55555 จรรยาบรรณร้านมึงยังไม่มีเรย มานวดให้กุนี่หมอเถื่อนรึป่าว 555
สรุป ไปเข้าอีกร้านนึง เถื่อนกว่าร้านอีเจ๊นั่นอีก   เป็นร้านกระเทย แต่พูดเก่งดี เรทเหมือนกัน แต่เพิ่มออฟชั่นคือนวดตรงช่วงขาให้ นวดเท้า และนวดไหล่กะต้นคอเพิ่มอีกนิดหน่อย  เอาร้านนี้ก็ได้วะ 5555
จากนั้น ก็เข้าไปประเดิมร้านเรย จากไม่มีลูกค้า ก็เริ่มมีคนจีนเข้ามา คนมาเลเซียเข้ามา เต็มร้านจร้า 8 เตียงเต็มทุกเตียง  แล้วคือมันฮามาก ที่คนจีนเข้ามาแม่งหล่อไง  กระเทยก็แซวยับเรยจร้า

แต่เค้ามากะเมียเค้า  กระเทยบอกให้ tonight you come alone 55555  I have power at night  ฮากันใหญ่
คือนวดไปขำไป คุยกันอย่างเมามันส์  ปากก็บอก I don't like him แต่มือมึงนี่นวดขึ้นไปถึงไหนต่อไหนละ  โคตรฮาาา 555555  นวดเสร็จ ก็เดินออกมาซื้อ น้ำผลไม้รวมปั่นอีก 1 เหรียญ รสชาติไม่อร่อย แต่ผลไม้ผสมกันจริงๆ  แต่มันไม่อร่อย แต่แลกกับสุขภาพที่ดี 555




หลังจากนั้นก็มี tuk tuk เข้ามา จะพาเราเที่ยวรอบเมือง ในราคา 5 เหรียญ อ้าว ไปก็ไป เค้าก็พาเราไปที่แรกคือร้านเครื่องปั้นดินเผา ดูวิธีทำ วิธีการทำ แล้วก็อบ ขาย










ขับรถให้แถมเป็นไกด์ให้ด้วยย คนนี้ดีจริงๆ เล่าแบบละเอียดตั้งแต่ประวัติความเป็นมา โคตรคุ้มเรยย
แนะนำให้ลองเที่ยวดู จากนั้นแกก็พาไปวัด แต่ไม่ใช่วัดเดิมนะ มาเลล่าประวัติให้ฟัง ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง ประมาณว่าที่เสียมเรียบก็เคยมีคนที่ถูกใช้งานจนตายในสมัยพล พต ลองไปหาอ่านกันดู



กรุปคนจีนเค้าก็มีไกด์อธิบายให้ฟัง ส่วนเรามีคนท้องถิ่นเรยจร้า ขนาดฝรั่ง2คนยังมายืนฟังด้วยเรยย
แหม่ฉวยโอกาสเก่งนะเราน่ะ ถือว่าอยู่เป็น 555555



ที่สุดท้ายคือเครื่องเงิน การทำเครื่องเงิน ผ้าไหม ทำให้เห็นจ่ะๆ เรย ราคาแพงบรรลัย
ผ้าไหมก็เช่นกัน ต้มหูเงินคู่นึง จะพันนึงละ 55555



หลังจากดูเสร็จ ก็กลับมาส่งเราที่ผับสตรีทที่เดิม มืดพอดีเรยยยยย  ใครมาแถวนี้ก็มาติดต่อพี่แกได้นะ




เราก็เริ่มตระเวนหาเบียร์กินก่อนซักแก้ว หาโอกาสเข้าห้องน้ำด้วย ก็มาได้ร้านนี้จร้าา



กินเบียร์ได้ เข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาเสร็จ เดินเที่ยวกันต่อเรยจร้า  เราเดินกันไปที่ตลาดเก่า แฮนด์เมด






ก็จะเจอกับงานศิลปะที่ผมบอก คือ สวยมาก  ไม่แพง ใครมาต้องมาจัดสักผืน  หลังจากเดินเที่ยวไปมา ไปเจอร้านข้างทางรถเข็น  สั่งผัดมาม่าเหมือนเมื่อวาน วันนี้มีไข่ดาวด้วย ราคาเหรียญเดียว แม่เจ้า จัดมาเรยน้องงง





อร่อยยยย  หมดเกลี้ยงอีกเช่นเคยย ที่นี่อาหารพื้นถิ่นอร่อยมากก  แต่อาจติดรสหวานนิดหน่อย
อิ่มแล้วก็เดินไปเรื่อยยยย ไปหาร้านผัดไทยเมื่อวาน


ปรากฎว่ามันไม่ใช่ร้านผัดไทยว่ะ มันเป็นเหมือนเส้นหมี่ใหญ่ๆ แล้วใส่กุยช่ายย  มองเข้าไปในร้านเห็นฝรั่งนั่งกิน จัดไปครับ 6000เรียล ประมาณ 1.5 เหรียญ  โอ้โห แม่งโคตรอร่อยอ่ะ  ร้านนี้ กุยช่ายกรอบมาก  เส้นนี้นุ่มมากเรยยย  ได้ออกข่าวด้วยนะร้านนี้ เห็นหนังสือพิมแปะอยู่ข้างฝาผนัง ร้านนี้น้ำกะกน้ำแข็งฟรีด้วยนะ อร่อย ต้องบอกต่อ คนไทยมากินเยอะๆนะ รับรองไม่ผิดหวัง





ถ่ายรูปหน้าร้านมาให้ด้วยยยย ใกล้ๆผับสตรีทนั่นแหละ




หลังจากอิ่มแปล้แล้ววว เราเดินกันไปตามแสงไฟที่สาดขึ้นฟ้าไปมา มันคือที่ไหนวะ  เดินไปตามแสงไฟ
เดินไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ



ชั้นแรกเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต  ชั้น2 เป็นโซนเครื่องเล่น  ชั้น3 เป็นบาร์ ชั้น4 เป็นรูฟท็อป
 เรานี่ขึ้นไปกันทุกชั้นเรยล่ะครับ   แถมสั่งเบียร์ นั่งฟังเพลงคัมโบเดียด้วย  โดนไปอีก 2.5 เหรียญ
และนี่ก็คือคืนสุดท้ายยย ของค่ำคืนนี้ ที่สุดท้ายที่เราจะจำจำทริปนี้ไว้

แล้วก็มีสาวคัมโบเดียพูดไทยได้เข้ามาเสิร์ฟ พูดไทยชัดมากเค้าบอกว่าเคยมาอยู่ที่ชลบุรี เป็นแม่ครัวที่บางแสน คุยกันสนุกมากอ่ะ  5555  ได้ที่แล้ว ดึกแล้วก็ต้องกลับ เพราะพรุ่งนี้ ต้องตื่นแต่เช้า ไปสถานีรถบัส









คือเรา ไม่ได้กลับเครื่องเพราะตั๋วแพงมหันต์ 3-4 พัน  เรยเลยนั่งรถกลับ ของบริษัทนัทกานต์ และตอนเช้าเราจะไปสถานีรถบัสโดยการเดินกัน กว่า 2 กิโล  ราคาค่าตั๋ว ประมาณ 900 บาท



นี่ล่ะครับที่พักผมในคืนที่ 4 ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เราต้องกลับแล้วครับผม วันสุดท้ายของการเดินทาง ไม่อยากให้ถึงเลย แต่เราก็ห้ามวันเวลาไม่ได้  แล้วผมจะกลับมาใหม่แน่นอน ที่นี่เสียมเรียบ ในวันที่ผมเดินทางรอบโลก  เสียมเรียบก็อยู่ในรูทไลน์ของผมด้วย แต่ววันนั้นจะไม่เหมือนวันนี้  วันนั้น ผมจะเดินทางต่อไปเรื่อยๆ ไปพนมเปญ ลัดเลาะข้ามไปโฮจิมินห์ประเทศเวียดนาม ลัดเลาะไปเรื่อยๆ เข้าจีน  ออกมองโกเลีย ข้ามไปรัสเซีย  คิดดูสิว่าการเดินทางแบบนี้แม่งโคตรสนุกมากอ่ะ ไม่นานหรอกรอหน่อย เก็บเงินแป๊ป



เห็นแบบนี้ที่นี่มีเมเจอร์ด้วยนะค้าบบบ


เดินลัดเลาะหมู่บ้านไรไม่รุ ปรากฎว่าจีพีเอสพามาทางตันว่ะ 55555
ไม่เป็นไร เดินออกมาถนนใหญ่ แล้วไปต่อ  ประมาณ2 กิโลได้  แล้วเราก็ได้ขึ้นรถกลับ กทม. จร้า
แน่นอนว่าเราข้ามด่านชายแดนกันที่ปอยเปต  ซึ่งที่นี่ที่เราติดปากเรียกกันว่าโรงเกลือนั่นแหละ ผมมาโผล่เข้าประเทศไทยที่จุดนี้เองฮับ








หอยตากแดดอันนี้ผมไม่รุ้ว่ามันคืออะไรจริงๆ  เห็นขายกันเยอะมาก  ไม่กล้ากินจริงๆ  5555
ขายกันแบบสดๆกันเรยยยย  


เห็นมั๊ยคนกัมพูชานำของมาขายบ้านเราเพียบเรยยยยยยย


และนี่ก็คือด่านที่ข้ามมาฝั่งไทยแล้วววว เราเป็นไทยแล้วววเว้ยยยยยยย
เรามาถึง ฝั่งไทยประมาณบ่ายโมง และถึง กทม . ประมาณ 6 โมงเย็น 





- ให้จองโรงแรมที่มีบริการรับส่งสนามบิน จะประหยัดได้เที่ยวละ300 บาท
-  ต่อราคาซื้อของให้ได้ราคาในใจ ถ้าไม่ได้ก็ไม่ต้องไปซื้อครับ
-  ควรหาเพื่อน หรือพาเพื่อนไปให้ได้ 4 คน ในการขึ้นตุ๊กๆ จะได้หารกัน
-  น้ำ ที่นี่ ราคา ไม่เท่ากัน บางร้านถูกบางร้านแพง  ผมใช้วิธีกรอกเอาที่โรงแรม ฟรี ครับ 555
- คนที่นี่พูดไทยได้นิดหน่อย พูดอังกฤษพอได้
- เที่ยวได้สบาย ปลอดภัย ผมถือโทรศัพท์ทั่วเมืองก็ยังไม่โดนปล้น
- คนที่นี่ ที่เสียมเรียบใจดี ช่วยเหลือ  
- ที่นี่จำหน่ายเศียรพระ หรือวาดหน้าพระพุทธเจ้าลงบนสินค้าต่างๆ เป้นเรื่องปกติ
- ดราฟเบียร์ถูกมาก  ต้องมาลองเอง
- อากาศร้อนนน บางทีฝนก็ตก 555
- เที่ยวทั่วนครวัด 1 วัน รอบเล็ก เที่ยวยังไงก็ครบ ถ้าไม่ได้เดินศึกษาแบบจริงจังอ่ะนะ
- สภาพความเป็นอยู่เหมือนบ้านเราเป๊ะ ฝุ่น ควัน ความสะอาด ไม่ต่างกันเรย นึกว่าอยุ่ไทยด้วยซ้ำ
- อาหารที่นี่เริ่มต้น 1 เหรียญขึ้นไป และทุกอย่าง แทบจะ1 เหรียญหมด น้ำปั่น ไอติม พวงกุญแจ เสื้อ 
- ตม.ที่นี่ ผ่านง่ายมาก ไม่ถามสุขภาพสักคำ !! เห็นพาสปอร์ตไทย ก็ปั๊มให้เข้าละ
- ใช้เวลาบนเครื่องบิน แค่50 นาที ก็ถึงแล้ว
- ที่นี่ใช้เงินดอลล่า เป็นหลัก ครับผม
- ราคาอาหารที่แหล่งท่องเที่ยวนครวัด แพงบรรลัย แพงเกินความจริง แพงเว่อ 555
- ค่าตุ๊กๆ ราคารอบเล็กรวมsun rise sun set ควรจะอยู่ที่ 18-20 เหรียญ คือปกติ ถ้าแพงกว่านี้ คือโดนชาร์จ
- โรงแรมราคาถูกมาก มีตั้งแต่หลักสิบ หลักร้อย3ดาว หลักพันนี่คือระดับ5ดาว
- งานศิลปะสวยมาก ราคาถูกมาก ไม่อยากเชื่อว่าวาดด้วยมือ เพราะแม่งโคตรเยอะๆ


สุดท้ายผมจะบอกว่าประสบการณ์ดีๆแบบนี้ ถ้าเราไม่ออกเดินทางเราจะไม่มีวันรู้เรยว่าจริงๆแล้วมันเป็นยังไง ถ้าไม่ได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง  ประสบการณ์จะช่วยให้เราเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่างๆได้ดีขึ้น

สรุปค่าใช้จ่าย ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน ตั๋วรถ อยู่ที่ 3,435 บาท  ถ้ารวมค่าตั๋วไป-กลับ ก็บวก ไปอีกประมาณ2,000บาท  รวมแล้ว ประมาณ ไม่เกิน 6 พันบาท  แต่กินกระจาย เที่ยวกระจุย อาหารอร่อย

ออกไปสร้างความทรงจำดีๆ ในตอนที่ยังเป็นหนุ่มสาวกัน เด้อ   
อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่มีอะไรให้จดจำ   ใช้ชีวิตให้คุ้ม ใช้ชีวิตให้คูล
ให้สมกับที่มีชีวิต  ครับผม







Popular Posts

Facebook