ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2562

ไปสูดอากาศ ที่ดอยสกาด จังหวัดน่าน 2 วัน 1 คืน


บันทึกการเดินทาง ณ วันที่ 21-22.09.19

ดอยสกาด จังหวัด น่าน




สวัสดีๆๆ ครั้งนี้เราจะเดินทางกันอีกครั้ง กับจังหวัดที่ขึ้นชื่อ เรื่องความเขียวหรือ ฤดูกาลท่องเที่ยว ฤดูฝน ต้องที่จังหวัดนี้เลย จังหวัดน่าน  เราเริ่มต้นกันที่ตื่นตั้งแต่ตี 3 ครึ่ง เพื่อมาสนามบินให้ถึงประมาณ 6 โมงเช้า  จากนั้นทำการซื้อตั๋ว โหลดกระเป๋า แล้วไปกินข้าวกันก่อนจะเข้าเกต



หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็เตรียมตัวเข้าเกต เพื่อรอบิน เวลา 7 โมง 40 นาที เป็นช่วงเวลาที่ เช้ามากก 555+ และเมื่อถึงเวลาขึ้นเครื่อง ผมได้ที่นั่ง ฮอตซีท ริมหน้าต่าง พอเดินมาจะเข้าที่นั่ง ป้าคนที่นั่งกลาง เค้าขอสลับที่นั่งเป็นริมหน้าต่างกับเราได้มั๊ย เราก็บอกว่าได้ครับ จากนั้นก็เริ่มคุยกัน คือลูกชายก็ทำงานสายการบิน มองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นลูกชายแก กะลังยกกระเป๋าขึ้นเครื่องบิน แกก็เริ่มเล่า เรื่องราวในชีวิตแก ให้เราฟัง  ก็คุยกันไปกันมา ป้าแกก็เป็นคนน่าน นั่นแหละ อย่างน้อยการเดินทางก็ยังมีเรื่องราวระหว่างทาง  ดีกว่าไม่มีเรื่องราวระหว่างทางเลย 











ไม่นานเราก็ถึงสนามบิน น่านนคร และเมื่อรับกระเป๋าเสร็จ ก็เดินออกไป จะโทรหาลุงรถเช่าเจ้าเดิมที่เคยเช่าที่น่าน ปรากฏว่าโทรไม่ติด งานเข้า ไม่มีแผนสำรองอะไรเลย ทำไงดี  ก็เลยต้องเดินไปหน้าสนามบิน ไปเช่ารถมอไซค์ ที่หน้าสนามบิน ถ้าใครไปจะเห็น ร้านเป็นบาร์ข้างใน แล้วก็มีรถเช่าข้างนอก คันนึงสองคัน  เป็นรถรุ่นฟิโน่ พอถามราคา เค้าบอก 450 ต่อวัน เรานี่ตกใจมาก ไม่เคยเช่ารถมอไซค์ที่ไหนแพงขนาดนี้มาก่อน จากนั้นก็ไปดูyamaha ออโต้ 125  ราคา 350 อีก แพงจัง

ลุงกะป้าแกเลยเอาเวฟ ออกมาให้ แกบอกคันนี้ 300 เราก็เออ 300 ก็ได้วะ แต่รถนี่ เป็นเวฟ ร้อยนะ ไม่ใช่ 125 เราก็เช่าขึ้นดอย น่าจะไหวมั๊ง เลยบอกลุงว่า ผมเช่าเกินไม่กี่ ชม.เอง ลุงแกก็ลดราคาให้เหลือ 500 บาท แต่ลุงกับป้าแกทำอะไรไม่เป็น ปกติ ลูกสาวแกจะเป็นคนมาปล่อยรถเอง เราก็ไปถ่ายเอกสารให้แก ทำไรให้แก จนเสร็จ เราก็เลยขับออกมา ไม่คิดว่า วันมาคืนจะมีปัญหา



หลังจากขับออกมา เราก็ไปแวะกินข้าวซอยร้าน ข้าวซอยต้นน้ำ ก็อร่อยดีนะ ชามละ 45 บาท จากนั้นก็เตรียมตัวออกเดินทาง ไปตามแพลน ที่เราเพิ่งวางแผนกันในร้านข้าวซอยนั่นแหละ 5555










เราจะไปวัดก๋ง กันเป็นวัดแรก ขับไปประมาณ 60 กม.ได้ เป็นชม. ตูดชาเรยจร้าา  วิวที่นี่ก็ดี อากาศก็ร้อนนิดหน่อย แต่ลมพัดก็จะเย็นสบาย วันที่เรามาฝนไม่ตกแฮะ ตอนแรกคิดว่าภาคเหนือฝนจะตก






ถ่ายรูปเล่นกันประมาณ 1 ชม. ก็ได้เวลาไปสถานที่ต่อไป นั่นคือ วังศิลาแลง ต้องเข้ามาตาม GPS อยู่ห่างจาก วัดก๋ง ประมาณ 10 กว่ากิโล จอดรถ แล้วเดินเข้าไปในป่า ก็จะเห็นสิ่งที่ unseen แบบนี้


เดินเข้ามาไม่ไกลนะ ประมาณ 200 เมตรได้ ก็ถึงละ แต่ละวังลื่นก็ดีนะ เพราะหินลื่นมาก ใช้เวลาอยู่ตรงนี้กันไม่นานมาก  แล้วก็ไปที่ต่อไปเลย นั่นคือ วัดภูเก็ต อยู่ห่างออกไปประมาณ 10 กว่าโลเช่นกัน











เราใช้เวลาพักอยู่ที่นี่ประมาณ 1 ชม. แต่วิวหลังวัด ภูเก็ต คือเขียว อลังการงานสร้างมาก
ถ้าใครที่มา อ.ปัว แนะนำว่า ต้องแวะมา คราวนี้ เราจะมุ่งตรงสู่ดอยสกาดละ ขับเลยบ้านกาแฟไทลื้อไป เพราะมาครั้งที่แล้วไปแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันเวลาเอา  ก็แวะซื้อเบียร์ ขนม ขึ้นไปกินด้านบน



ต้องบอกก่อนว่า ไปดอยสกาดครั้งนี้ เราไปพักบ้านคนแปลกหน้า ไม่ใช่สิ เรา นี่สิ คือคนแปลกหน้า
ไปพักบ้านเค้า 5555 เอาล่ะ เราแวะซื้อของกันเรียบร้อย ก็เตรียมตัวขึ้นดอย อีก ประมาณ 30 กม.





ทางที่ขึ้นนั้นค่อนข้างชันเลยทีเดียว ต้องใช้เกียร์ 1 เกียร์ 2 ตลอด ถึงจะขึ้น แต่วิวระหว่างทาง แม่งโคตรดี
ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ก้มาถึง ด้านบน แต่ยังหาบ้านไม่เจอ ก็เลยไปจอดกินก๋วยเตี๋ยว ก๋วยเตี๋ยวคุณหริ่ง 
อร่อยมากกกก วิวก็ดีมากกกก  ใครที่มาที่นี่ คือ ต้องมากิน หลังจากกินเสร็จก้ได้ถามทางว่ารู้จักบ้านนี้มั๊ย



เค้าบอกรู้จัก เราก็เลยไปตามทางที่เค้าบอก ปรากฏว่า แม่เขามารอเราอยู่หน้าบ้านแล้วจร้า 
ทักทายกันตามประสาคนเจอกันครั้งแรก แล้วแม่ก็พาเราเข้าไป ดูบ้าน วิวหลังบ้านโคตรดี 




คุยกับแม่เขาซักพัก ก็หยยิบเบียร์มาเปิดจิบ กับ วิวตรงหน้าแบบนี้ และคลื่นที่นี่สัญญาณ 4 G เต็มเปี่ยม ไม่มีสะดุด คือเป็นดอยที่ความสะดวกเข้าถึง มีไฟฟ้าใช้ แต่น้ำใช้น้ำจากภูเขานะ ต่อท่อเข้ามา แต่ละบ้าน



แล้วพอค่ำๆ เจ้าของที่ให้ที่พักเรา ก็มาพร้อมหมูกระทะชุดใหญ่ แนะนำหน่อย คือ ชื่อคิม เป็นน้องสมัยมหาลัยของแฟนเรา แล้วคิมก็มากับแฟนอีกคนซึ่งก็เป็น ผู้ชายเหมือนกัน แต่เราก็ไม่ได้อะไร คุยกันสนุกดี หลายๆคน  ก็มานั่งย่างหมูกระทะกินกัน คือ ดีมาก วิวก็ดี อากาศก็ดี น้ำเย็นมาก แถมได้กินตัวอ่อนของต่อหัวเสือ ที่ไปเก็บมาสดๆจากป่าอีกด้วย ครั้งแรกในชีวิต แถมได้กินผลไม้ จากการปลูกหลังบ้าน
ไม่มียา ไม่มีสารพิษแน่นอน






แล้วเราก็ได้นอนห้องของคิมนี่แหละ แต่คิมออกไปนอนนอกห้อง เป็นการต้อนรับแขกที่ สุดยอด แล้วเราเองก็รู้สึกถึงความเป็นโฮมสเตย์อย่างแท้จริง คือ นี่คือห้องนอนเขาจริงๆ  นี่แหละความรู้สึกที่อยากได้




22.09.19 



เช้าวันใหม่ ลุกขึ้นมาสูดอากาศยามเช้าตั้งแต่ 6 โมงเช้า อากาศดีมาก หนาวมาก แต่เสียดายไม่มีทะเลหมอก เพราะฝนไม่ตกเมื่อคืน  เช้านี้เจ้าบ้าน ลุกขึ้นมา ทำข้าวต้มให้เรากิน แถมมีชุดชา ใบเมี่ยงให้เราได้จิบแบบ อุ่นๆอีกต่างหาก ดูแลดียิ่งกว่าโรงแรมทั่วไปอีก คือที่เราได้มาพักเพราะเป็นคนรู้จักกัน
ที่นี่ไม่ได้เปิดให้คนอื่นเข้าพัก เหตุผล เพราะยังไม่พร้อม









หลังจากกินข้าวต้ม มื้อเช้ากับวิวอลังการงานสร้าง ก็ได้เวลาเดินออกไปสำรวจหมู่บ้านกัน คือเราเดินกันไกลพอสมควร เรียกได้ว่าทั่วหมู่บ้านเลยดีกว่า จนเวลาเลยเข้าไป11 โมงแล้ว เราไปแวะพักกันที่ร้านกาแฟ สกาด คอฟฟี่ ร้านนี้วิวก็ดีมากกก   ส่วนร้านก๋วยเตี๋ยววันนี้ปิด  ดีนะที่ได้กินตั้งแต่เมื่อวานแล้ว อร่อยมาก เชื้อเพลิงที่ใช้ ยังใช้ ฟืนกันอยู่เลย ไม่ได้ใช้แก๊สหรือถ่าน 













ชาวบ้านที่นี่ ใช้ฟืนกันเป็นหลักเลยล่ะ  หลังจากแวะกินกาแฟกัน ก็เดินกลับบ้าน แล้วก็เก็บของเตรียมตัวไปสนามบินให้ทัน บ่าย 3 เพราะ ไฟล์ทบินสุดท้าย ของน่านคือ 4 โมงเย็น แต่นี่จะบ่ายโมงแล้ว ยังอยู่บนดอยอยู่เลย สนามบินอยู่ห่างออกไปเกือบ 80 กิโล เราต้องรีบทำเวลากันหน่อย







หลังจากถ่ายรูปรวมกันเสร็จก็ได้เวลา  ร่ำลากัน และถ้ามีโอกาสคงได้พบกันใหม่ 
แต่คราวนี้ต้องไปแล้วจริงๆ จากนั้นก็เริ่มบิดลงดอย ใช้เกียร์ 4 เป็นหลักล่ะทีนี้ เจอวิวสวยอยู่จุดนึง ก็ขอแวะถ่ายเก็บซะหน่อย 






จากนั้นก็ต้องรีบ โดยเรามีแพลนว่าจะไปแวะ ร้านโกโก้ วัลเล่ย์  อยากชิมว่ารสชาติจะถึงรสโกโก้จริงมั๊ย  ใช้เวลาประมาณ ครึ่ง ชม. ก็ลงดอยมาได้ แล้วก็ขับมาที่ร้าน 
สั่งโกโก้ เป็นแบบดับเบิ้ล ใช้เวลาทำนานพอสมควร ก็รีบถ่าย จ่ายยเงิน แล้วออกเดินทางไปสนามบินต่อเลย รสชาติโกโก้ดีมาก ไม่เคยเจอแบบเข้มข้นขนาดนี้มาก่อน อร่อยมาก












แนะนำให้มากิน หลังจากนั้นเราบิดกันยาว 80 ตลอดทาง เพราะได้แค่นั้น คราวนี้ เรามาถึงสนามบิน บ่าย3 พอดี รีบเข้าไปซื้อตั๋วเช็คอิน โหลดกระเป๋าก่อน จากนั้น ก็ขับมอไซค์มาคืน หน้าสนามบิน

ร้านที่เช่า แต่เรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างงั้น คราวนี้ลูกสาวออกมาเอง พร้อมกับลุงและป้า เราก็บอกว่า น้ำมันไม่ได้แวะเติมนะ เพราะรีบมาก ให้หักจากเงินมัดจำไป ประเด็นนี้ไม่มีปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่หมวกกันน็อคชิลแตก เราก็บอกเค้าว่ามันแตกตั้งแต่ตอนไปแล้ว ป้าคนนั้นบอกว่า เค้าเช็คก่อนออกมาแล้ว เราถึงกับพูดต่อไม่ออก ทำไมพูดกลับคำแบบนี้นะ เราแม่งไม่อยากทะเลาะกับคนแบบนีเลยว่ะ เสียเวลา


ก็เลยบอกลูกสาวเค้าไปว่า แล้วแต่ละกันจะเอาไงก็เอา เพราะรีบมาก แล้วประเด็น ค่ารถมอไซค์ก็มาอีก ที่ลุงคนนั้นลดให้เรา เหลือ 500 บาท พอมาวันนี้ ลูกสาวเค้าคิดเราเพิ่ม 100 เป็น  600 บาทเท่าเดิม 
บอกตรงๆว่า ไปเช่ารถมาทั่วประเทศ ไม่เคยมีร้านไหนเสียความรุสึกเท่าร้านนี้มาก่อน แต่ตอนนั้น รีบมากกลัวจะขึ้นเครื่องไม่ทัน ก็เลยไม่อยากเถียงอะไร  สรุปโดนหักไป 280 ใครไปเช่าร้านนี้ก็ระวังกันหน่อย ลิ้นคนมันพลิกได้ตลอด  ชื่อร้านไม่รู้ แต่นามบัตร ขึ้น FIN TRAVEL 





หลังจากเข้ามาในสนามบินได้ ก็แวะกินไส้อั่วในสนามบิน ก่อนเข้าไปในเกต แล้วก็ขึ้นเครื่องกลับดอนเมือง ก็เป็นอีก  1 ทริปที่มีเรื่องทั้งประทับใจและไม่ประทับใจ 
การเดินทางก็แบบนี้แหละ ต้องเจอหลากหลายรูปแบบ มันถึงจะเรียกว่ารสชาติชีวิต 





------------------------------------------
แล้วเจอกันซักที่ บนโลกใบนี้ครับผม

Popular Posts

Facebook