ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2562

Camping หนีร้อน ที่หาดบางเกตุ


บันทึก การเดินทาง ณ วันที่ 9-10 . 03 .19

เมื่อวันหยุดมาถึง นั่นคือการพักผ่อน 
แต่คราวนี้เราจะไปพักผ่อนกันที่ๆมีทะเล  ทำอาหารกินกันริมทะเล
แบบสวยหรู จิบเบียร์ ไปรับลมทะเลไป ชิลๆ
ชีวิตในแบบที่คิดฝันไว้มันจะเป็นไปตามนั้นมั๊ยนะ เราไปติดตามกัน



เริ่มต้นกันที่เช้าวันเสาร์ โดยเรามีของที่จะเตรียมไปแคมป์ปิ้งมากมาย
ต้องพยายามขนของทั้งหมดที่มี นำมายัดเข้าในรถให้หมด

จริงๆเรามีแพลนอาหาร ริมทะเล ในรอบนี้ก็คือ
ตอนเย็นวันเสาร์ เราจะทำคอหมูย่างน้ำจิ้้มแจ่ว ส้มตำ
ต้มแซ่บกระดูกอ่อน แล้วก็ลาบหมู  พร้อมเบียร์อีกเป็นลังๆ
555 นี่แค่วางแผนนะ

จริงๆ เราเริ่มไปซื้อของที่แมคโครกันตั้งแต่วันพฤหัสแล้ว
ได้เบียร์มาเต็มลัง ได้ของสดมาแช่เตรียมไว้หมักในเย็นวันศุกร์

พอถึงช่วงเย็นวันศุกร์ ก็ทำการหมักของสดที่ซื้อมา
เตรียมผัก เตรียมของสดให้พร้อม 
แล้วขนของขึ้นรถในคืนวันนั้นเรย เพื่อที่ตอนเช้าจะได้ขนแค่ของสด
อย่างเดียวแล้วไปกันแต่เช้าเลย




จนเช้าวันเสาร์ ล้อก็เริ่มหมุนตอนประมาณ 7 โมงเช้า 
เราไปแวะเที่ยวที่แรกก็คือ แหลมผักเบี้ย 


ที่นี่เป็นเหมือนศูนย์การเรียนรู้ วิถีชีวิต เกษตรผสมผสานอะไรประมาณนั้น
ซึ่งทุกอย่างฟรีหมด ไม่มีค่าเข้า มีรถนำเที่ยวฟรี




แต่แดดร้อนไปหน่อยย ที่นี่ใช้เวลาไม่เกิน 2ชม. ก็เที่ยวได้ทั่วละ
แต่ไฮไลท์อยู่ตรง ป่าชายเลน ที่อยู่สุดสะพานนี่แหละ วิวดีมาก




หลังจากนั้น เราก็ขับรถเลาะๆ ไปเรื่อยๆ ก็ไปเจอกับหาดอีกหาดนึง
ก็เรยแวะเข้าไปเที่ยวซะเรย ที่นี่มีชื่อว่าหาด ปึกเตียน
ลักษณะไม่ได้ต่างจากหาดทั่วไปเท่าไหร่ แค่มีนางยักษ์
กับพระอภัยมณีเป็นแลนด์มาร์กแค่นั้นเอง




จากนั้นเราก็ขับรถไปกันต่อ ที่จุดหมายปลายทางของเรา
นั่นคือ หมู่บ้าน บางเกตุ หรือว่าหาดบางเกตุ นี่เอง
แต่อุปสรรคหลักของเราในวันนี้คือ ลมทะเล ที่แรงมากๆ
แรงถึงขั้นว่าไม่น่าจะทำอาหารได้ เนื่องจากเราเป็นเตาแก๊ส
 ยังไม่หมดแค่นั้น ของที่เราขนมาเต็มหลังรถ เราจะต้องขนมันไปอีกที่นึง
ซึ่งมันไกลมากๆ เอารถไปไม่ได้ ต้องเดินขนอย่างเดียว ผ่านหาดทราย
นี่แหละอุปสรรคใหญ่  


ที่นี่จะเสียค่ากางเต็นท์ 100 บาท ถ้านำเต็นท์มาเอง
แต่ถ้ามาเช่าที่นี่ ผมไม่แน่ใจว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

จากนั้น อันดับแรก เราเอาเต็นท์ลงไปกาง
ปรากฏว่าลมแรงมาก กางไม่ได้
ก็เรยคิดกันอยู่นานว่าจะทำยังไง เราถึงจะกางได้

พอดีติดผ้าใบมาพอดี เรยกางไว้ทางด้านหลังของเต็นท์
เพื่อไม่ให้ลมผ่าน บางคนกางไว้ข้างหน้าเต็นท์ก็มี
แต่ผมกางไว้ทางด้านหลัง ไม่ให้บดบังทัศนียภาพ แต่กันลมได้เหมือนกัน
บางคนอาจจะไม่รู้ จากนั้นเราเริ่มกางเต็นท์อีกรอบ
แต่คราวนี้ยึด สมอบกลงทรายให้แน่นเลย 


แล้วเอาcover ผ้าใบเต็นท์มากาง คลุมกันลมอีกชั้น ยึดกับต้นไม้อีกที
คราวนี้อยู่เรยย ในที่สุดเราก็ทำสำเร็จ 
จากนั้นนำโต๊ะ นำเก้าอี้มากาง จิบเบียร์กินชิวๆ
ขั้นต่อไปก็ต้องทำอาหาร โดยเราเริ่มที่คอหมูย่างก่อน

ไหม้สิค้าบ ขนาดว่ากลับตลอดละนะ เพราะลมมันแรงจริงๆ





จนแดดเริ่มอ่อน คราวนี้ผมลากเก้าอี้ไปที่ชายทะเล
ลากกีตาร์ พร้อมเบียร์ ไปนั่งเล่นชิวๆ จิบๆ 
โคตรได้ฟีลอ่ะ ยังไงก็ดูตามภาพเอาละกันนะ
คือมันชิลมากจริงๆ 




นั่งรับลมทะเล จิบเบียร์ไป4-5 ขวดละ พระอาทิตย์ก็ตกดินไปแล้ว
ก็ได้เวลาทำอาหาร ในเมนูที่เหลือ สรุปทำได้ทั้ง 4 อย่าง
ครบ  กินไป จิบไป เล่นไป ร้องไป จนถึงเที่ยงคืน
เราก็ไปอาบน้ำนอน พร้อมจะตื่นมารับกับวันใหม่ที่สดใส










เช้า วันที่ 10.03.19

และนี่ก็คือเช้าวันใหม่ที่สวยงาม แสงแรกของวัน
เป็นการบ่งบอกให้เราลุกขึ้นทำสิ่งต่างๆ
ชีวิตย่อมดำเนินต่อไป  ตอนเช้านี้ก็ได้เวลาเสียบหมูปิ้ง
แล้วก็ปิ้งกันที่ริมทะเลนั่นแหละ ชิลมากก 
แต่ปัญหาก็ยังไม่หมด คือทรายมันปลิวไปติดกับหมูปิ้ง
ทำให้กินไม่อร่อยเรย กินไปได้ไม่กี่ไม้เองอ่่าเสียดาย
คราวหลังมาทะเล ซือเบียร์มาอย่างเดียวพอ
ไม่มาทำอาหารละ ไหนจะทราย ไหนจะลม 555






เมื่อเริ่มสาย แน่นอนแดด เริ่มแรง และแทงหน้าเข้ามาเต็มๆ
ทำให้เราต้องรีบเก็บของ ไปใส่รถ เพื่อที่จะไปต่อ














เก็บของใส่รถกว่าจะหมด ต้องล้างทรายออกก่อน เช็ดอุปกรณ์
แล้วก็ไปอาบน้ำ กว่าจะพร้อมออกเดินทางต่อก็ปาไป 10 โมงกว่า
สิ่งแรกที่เราจะทำคือ ไปกินก๋วยเตี๋ยว คืออยากกินมาก
อาจเป็นเพราะเบียร์เมื่อวานนี้ ที่ทำให้เราเรียกร้องถึงขนาดนี้
ถึงขนาดเสิร์ชหาว่าร้านใกล้ๆแถวนี้ มีร้านไหนอร่อย 
ปรากฏว่าอยู่ห่างออกไปอีก 15 กิโล ก็ขับรถกันไป
เพราะความอยากกินแท้ๆ 555




โดยเราไปกิน ร้านชื่อว่า ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำโบราณ ชากังราว
อยู่ทางหลักจะไปหัวหิน ร้านนี้อร่อยมาก แนะนำเลย ใครผ่านไปแถวนั้น
ไปแวะกินกันได้ ผมสั่งบะหมี่ต้มยำ 1 ชาม
แล้วก็เส้นเล็กหมูน้ำใส อีก 1 ชาม 







กินเสร็จตอนแรกจะหัวหินต่อ คิดไปคิดมา 
ไปเขานางพันธุรัตแล้วกลับเรยดีกว่า เหมือนร่างกายยังไม่ค่อยพร้อม
ยังไงไม่รู้ 




พอมาถึงเขานางพันธุรัตซึ่งเป็นวนอุทยาน ซึ่งไม่เสียค่าใช้จ่าย
ก็ลองเดินดูรอบๆ มีทางเดินระยะสั้น แค่100 เมตร
กับทางเดินระยะยาว 3 กิโลเมตร 
แต่อย่างที่บอกว่าวันนี้ร่างกายไม่พร้อมเรย
ใส่รองเท้าแตะมา ไม่รู้ว่าจะมีการปีนเขาด้วย 555
ก็เรยไม่ไปดีกว่า ค่อยกลับมาใหม่ก็ได้ ใกล้แค่นี้




สรุปก็เดินเที่ยวเส้นระยะสั้นแล้วก็กลับเรย






ตอนขากลับ กลัวรถจะติด ก็เรยแวะเข้าไปเที่ยวอัมพวาเฉยเรย
ปกติอัมพวาเนี่ย เที่ยวทุกปีเรย 
แต่ปีนี้มาแค่มาดูว่าแตกต่างจาก ปีก่อนเยอะมากรึป่าว
แต่พอมาถึง ก็ต้องยอมรับว่า อัมพวาตอนนี้ไม่เหมือนแต่ก่อน
ไม่เหมือนสมัย 5-6 ปีที่แล้ว ตอนนั้นนี่แทบจะเดินเบียดกัน
แต่ตอนนี้ คือคนเที่ยวน้อยมาก เพราะว่าที่ท่องเที่ยวเยอะขึ้น
สื่อโซเชียลเยอะขึ้น คนก็เริ่มกระจายไปเที่ยวที่อื่นมากขึ้น









ทำให้อัมพวาในวันนี้ดูเงียบเหงา จะเห็นมีก็แต่คนจีน ที่ยังคงเยอะและหนาแน่นเหมือนเดิม
แต่คนไทยน้อยลงเยอะมาก เมื่อก่อนโฮมสเตย์ต้องจองกันเป็นเดือนๆ
มา ณ วัยนี้อะไรหลายๆ อย่างมันก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา


ส่วนผมมาอัมพวา ก็ยังคงมากินหอยทอดริมแม่น้ำเหมือนเดิม เหมือนวันแรก
ที่เรามาที่นี่ ความรู้สึกมันยังเหมือนเดิมเรยย
แม้หลายสิ่งหลายอย่างจะเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม
แต่ความทรงจำที่สวยงามยังคงเหมือนเดิม .




Popular Posts

Facebook