ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันอังคารที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2562

FULL MOON PARTY เทศกาลแดกเหล้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย


บันทึกการเดินทาง ณ วันที่ 28-30.07.18

FULL MOON PARTY จ.สุราษธานี


สวัสดีๆๆๆ พี่น้องทุกท่านที่ได้อ่านบทความนี้ ต้องบอกเรยว่า โคตรเด็ด!! เพราะเวลาแค่ 3 วัน 2 คืน จะไปได้ไกลแค่ไหน  กันนะ ส่วนผมน่ะหรอ ไปสมุย และพะงัน ซึ่งโคตรเด็ด

ต้องบอกว่าทริปนี้เป็นทริปที่ ค่อนข้างมันส์ เรยทีเดียว ตั้งแต่เริ่ม จนจบทริป เรียกได้ว่าใช้เวลา 3 วัน ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ สุดๆ  

เราเริ่มการเดินทางกันที่ วันที่ 27 ซึ่งหลายๆ บริษัทหยุด ยกเว้นบริษัทกุเนี่ยแหละ  ก็มาทำนะ แต่มาทำในชุดพร้อมไปเที่ยวเรย  คือใส่กางเกงช้าง เสื้อยืด ทำงานแม่งเรยยย 555 + วันนี้ใครเขาทำงานกันเล่า 
แล้วก็แบกสัมภาระมาที่ทำงานด้วย พอเลิกงานจะได้ยิงยาว ไปสนามบินได้เลย 




เรื่องเล่าก่อนวันเดินทาง คือเราจองโรงแรม ผ่านเว็บบุคกิ้ง นานมาก จองที่สสมุย 1 คืน และพะงัน ที่จัดงานฟูลมูน 1 คืน แต่ที่มีปัญหาคือ วันที่นอนฟูลมูน  คือผมจองล่วงหน้าประมาณ 4 เดือนได้ จอง 3 เตียงในราคาเตียงละ ร้อยกว่าบาท กะว่าเอาไว้เก็บของแล้วก็เมาปลิ้นให้มีที่ซุกหัวนอนเท่านั้น

แต่ก่อนเดินทาง 2 อาทิตย์ ทางบุคกิ้ง ส่งอีเมลแจ้งว่า ที่พักเราโดนยกเลิก เค้าจะจัดหาโรงแรมใหม่ให้ 
แต่ให้เราออกเงินสดไปก่อน แล้วค่อยเอาบิลมาเบิกกับบุคกิ้งอีกที  เราก็เรยเข้าไปดูโรงแรมที่บุคกิ้งจัดหามาให้  โอ้โห เตียงละ 1500 บาท 3 คน ก็ 4500 บาท  คือเราต้องออกเงินสดก่อน เราเลยไม่มั่นใจอย่างแรง ที่จะเสียราคานี้   

ก็เลยปรึกษาเพื่อนๆว่า กุจะไม่จองโรงแรมนะ ไปตายเอาดาบหน้า ไม่มีที่นอน ไม่มีที่พัก ไม่มีที่เก็บของ 
ไปลุยกันหน้างานกันอย่างเดียว แล้วก็วันที่ไปสนามบิน ไม่จองโรงแรมนะ นอนสนนามบินจนถึงเช้า

คือทริปแม่งโคตรลุยเลยเว้ยยย  คือถ้าใครมาเที่ยวกับผมก็จะต้องรับในสภาพอึด ถึก ทนแบบนี้ให้ได้  ครั้งนึงในชีวิต ไม่ว่าคุณจะคุณหนูมาจากไหน มาเจอทริปผมเข้าไป ก็เรียกได้ว่าสะบักสะบอมกันเลยทีเดียว




แล้ววันเดินทางก็มาถึง หลังจากแสกนนิ้วออกจากการทำงาน ด้วยชุดที่โคตรพร้อมอยู่แล้ว ก็เดินออกไปรอรถเมล์ อย่างชิล เพื่อไปรังสิต ไปเจอเพื่อนที่ตรงนั้นก่อน แล้วก็วกกลับมาสนามบิน จะทำแบบนั้นเพื่ออะไรวะ 55555  แต่สิ่งที่เลวร้ายคือ วันนี้เค้าไม่ขายแอลกอฮอล์จร้า   เซ็งมากตอนนั้น









เมื่อเรามาถึงสนามบิน ไฟล์ทของเราคือ 5 ทุ่มกว่า ไปนั่งกินข้าวกันในสนามบินกันก่อนจะเข้าเกต เราขึ้นเครื่องของไลออน แอร์  เราก็นั่งชิลกันเรยจร้า พอได้เวลาขึ้นเครื่อง กลับประกาศว่า เครื่องดีเลย์ไปอีก 2 ชม. แปลว่าเราจะได้ขึ้นเครื่องประมาณ เกือบตี 2  แต่เค้ามีเบอร์เกอร์ที่แจกให้ระหว่างรอนะ เป็นเบอร์เกอร์คิง แล้วก็น้ำ 1 แก้ว พอึงเวลา เราก็ขึ้นเครื่องมุ่งตรงสุราษ





คือผมไม่เดือดร้อนอยู่แล้วเพราะว่า ยังไงคืนนี้เราตั้งใจนอนสนามบินอยู่แล้ว 555+ พอมาถึงสนามบินสุราษ เกือบตี 3 เราก็หาที่หลับที่นอน จริงๆ รปภ ไม่ให้นอนในสนามบินนะ แต่เราขอเค้า เพราะจะเช้าแล้ว เค้าก็เลยให้ อิอิ  เราก็เลยเดินหาที่เหมาะๆในการนอน




เราก็มาได้ที่ในร้าน แบล็คแคนยอนนี่แหละ จัดที่นอนแล้วก็นอนมันตรงร้านนี่แหละ  พอซักตี 5 เริ่มมีพนักงานมาสนามบินเยอะขึ้น เราก็ตื่นไปล้างหน้าแปรงฟัน  แต่เราหรอ สระผมด้วยในซิ้งล้างหน้านั่นแหละ เอาทุกวิถีทาง  เมื่อเตรียมตัวเสร็จ พนักงานก็เข้ามาเปิดร้าน แบล็คแคนยอน ตอน 6 โมงเช้า

เราก็ต้องหอบของพะรุงพะรังออกจากตรงนั้น  แต่ก็เป็นที่แห่งความทรงจำจริงๆ  จากนั้นก็ออกไปหาอะไรกิน ข้างสนามบิน เป็นโจ๊ก กาแฟ อะไรก็ว่าไป  แล้วก็ไปซื้อตั๋ว ไปสมุยบริษัท พันทิป ในราคาคนละ 350 มั๊ง จำราคาไม่ได้เท่าไหร่  หลังจากนั้นก็รอรถทัวร์มารับไปท่าเรือ







รถมารับประมาณ 8โมงกว่า แล้วก็มุ่งไปที่ท่าเรือ นานเหมือนกันนำ น่าจะ 2 ชม.ได้  หลังจากที่เราขึ้นมาบนรถกันได้แล้ว ก็จะมีพนักงานมาขายตั๋วขากลับให้เรา  เป็นตั๋วกลับจากพะงันในราคา คนละ 500 บาท มาถึงสนามบินเลย เราก็เลยซื้อเอาไว้  จะได้หมดห่วงเรื่องตั๋วกลับ  







พอถึงท่าเรือ ให้เราเอาตั๋วไปแลก เป็นบัตรขึ้นเรือเฟอรี จะมีตู้เสียบบัตรผ่านประตูอยู่ตรงท่าเรือ  ท่าเรือที่เราขึ้นคือ ท่าเรือดอนสัก มุ่งไปยังท่าหน้าบ้าน ของเกาะสมุย  เรือที่เราขึ้นเป็นของ ซีทราน เฟอรี  ใหญ่มากจร้า เรือเฟอรี  ยิ่งข้างบนเรือวิวดีสุดๆ  











ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. ก็มาถึงยังเกาะสมุย หลังจากมาถึง เราก็เดินไปซื้อตั๋วไป เกาะพะงัน ในวันพรุ่งนี้ไว้เลย ตกคนละ 200 บาท  ขึ้นเรือประมาณ 9โมงกว่า    เอาล่ะ พอได้ตั๋วก็ไปหาร้านนั่งกินข้าวดีกว่า 

จริงๆมีน้องอีกคนมาถึงเกาะสมุยได้ 2-3 วันแล้ว และหวังว่าวันนี้้เราคงจะได้เจอ  แต่ก่อนอื่นหาร้านเช่ารถก่อนดีกว่า  เราเช่ารถ PCX ในราคาแค่ 300 บาทเท่านั้น ถูกมาก อีกคันก็เป็น คลิ๊ก 125  ราคา 250 บาท เมื่อได้รถแล้ว ก็ไปเช็คอินที่พักกัน และวันนี้เป็นวันสำคัญทางศาสนา ไม่ขายแอลกอฮอลอีกแล้วจร้า

แต่มาถึงนี่จะไม่กินก็กะไรอยู่  ไปแอบแวะซื้อ ตามร้านขายของชำ ใส่กระเป๋ามา 4 ขวดใหญ่ ก่อนเข้าที่พัก  เมื่อมาถึงที่พัก ที่เราจองไว้เตียงละ 100 บาท เก็บกระเป๋าเสร็จ ก็ได้เวลา ออกไปน้ำตกกัน เอาเบียร์ไปด้วย เราไปกันที่น้ำตกหน้าเมือง   แล้วก็เอาเบียร์เข้าไปกินกันเรยจร้า  





กินไม่ทัน 5 นาที ขวดแรกหมด ขวดที่2 ก็ตามมา  เห็นน้องๆมันโดดน้ำน่าสนุก อยากลองบ้าง พอขึ้นไปยืน โอ้แม่เจ้า  สูงจังวะ คนข้างล่างก็บิ๊วกุจิง เอ้า โดดก็โดด  พอโดดปุ๊ปจุกปั๊บเรยจร้า  เล่นกันอยู่ซักพักใหญ่ ก็ออกไปที่อื่นต่อ นั่นก็คือ หินตาหินยาย  ไปดูซิว่ามันเป็นยังไง







พอมาถึง รู้สึกว่าอากาศ ลม และวิวดีมาก เหมาะแก่การมาเที่ยวช่วงเย็นๆ  ตามหาหินตากับหินยาย  หินตาหาไม่ยาก แต่หนยาย หายากหน่อย 5555  หินตานี่ตั้งตระหง่านกันเรยทีเดียว  ไอ้เรากินเบียร์มาก็รุสึกปวดฉี่  พอเดินออกไปห้องน้ำ คนละ 20 บาท ขอบายจร้า   กลับมาที่โขดหินตาหินยาย หาที่หลบมุม แล้วก็จัดเรย 






หลังจากนั้นก็ไปแวะเดินตลาดกลางคืนสมุยกันนิดหน่อย นั่งกินไรไปเรื่อยฝนตกจร้า  หาที่หลบจ้าละหวั่น พอฝนหยุด ก็ออกมาหาบาร์ คือใครมาสมุยอย่างน้อย มึงควรจะต้องได้นั่งดริ๊งกันให้เมากันไปข้าง  แต่พอมาถึงหน้าหาด มีแต่น้ำผลไม้จร้า  ไม่มีแอลกอฮอล์แม้แต่น้อย เห้อออ 5555  แต่ก็ช่างเถอะ มาเดินเล่นดูพระจันทร์ก็ได้วะ  





ดูจากร้านแล้วไม่ต้องบอกเลยว่า ถ้าไม่ติดว่าวันนี้เป็นวันสำคัญ แถวนี้แม่งจะครึกครื้นแค่ไหน
เอาล่ะ คืนนี้ก็คงจะสุดแค่นี้แหละ กลับไปพักผ่อน แล้วพรุ่งนี้ไปลุยกันที่ ฟูลมูน ปาร์ตี้ เกาะพะงันกันดีกว่า


29.07.18

เช้าวันนี้เรารีบ อาบน้ำเก็บของ เตรียมตัวไปท่าเรือ ก่อนไปท่าเรือ ก็ไปแวะวัดพระใหญ่ ที่ใครมาเกาะสมุยก็ต้องมาที่นี่ เมื่อขึ้นมากราบไหว้พระบนนี้  เจอมิติใหม่ของฝรั่ง  เอาหัวไปอยู่ในระฆังจร้า เออ ก็แปลกดี บ้านเค้าคงไม่มีสินะ  












ลงมาด้านล่างก็มาแวะซื้อโรตีกินกัน  เป็นะรรมเนียมที่คุ้้นเคย  หลังจากนั้นเราก็ไปหาร้านนั่งกินข้าวกัน ตกคนละ 50 บาท แล้วก็ไปคืนรถที่ท่าเรือ  แล้วก็เดินออกมารอที่ท่าเรือ  ฝรั่งเยอะมาก  เหมือนทุกคนรู้ว่าวันนี้มีฟูลมูนปาร์ตี้  ก็แห่กันไปเยอะมาก   แต่เรือออกช้า ก็เรยไปหาเดินถ่ายรูปเล่นกันที่หาด 






เรทจากเวลานัดไว้ เกือบ ชม. พอขึ้นเรือได้ เป็นโซนห้องแอร์ ก็หลับสิค้าบ 5555
เค้าเรียกว่าพักเอาแรง แต่วันนีคือวันปลดปล่อย กินเบยร์ได้แล้วจร้า วันนี้  ใช้เวลาประมาณ ชม.กว่า ก็มาถึง ท่าเรือที่เกาะพะงัน   ส่วนใหญ่มีรถมารับกันทั้งนั้นเลย แต่เรา เราเลือกที่จะเดินไปหารถมอไซค์เช่าก่อน  เราไม่มีที่พัก แต่เราก็วางแผนคร่าวๆมาบ้างแล้ว ว่าจะเอาไงกับชีวิต   




พอเดินหารถมอไซค์  สิ่งที่เจอเรยคือ มัดจำ 1 หมื่น เชี่ยยยยย  นี่คือร้านแรกนะ   พอถามร้านถัดไป มัดจำ 5000 บ้าง 8000 บ้าง  คือ พอเห็นว่าเป็นคนไทย ก็เรยต้องมีมัดจำ ซึ่งในเนตก็บอกไว้แบบนี้เหมือนกัน
เราเลย คิดว่ามันต้องมีซักร้านที่ไม่มีมัดจำสิวะ  เราเลือที่จะเดินลึกเข้าไปในเมือง

ก็ยังเจอ ต้องมัดจำ 3000 อยู่ดี นี่ขนาดเดินมาลึกแล้วนะ  เราเดินหามอไซค์กันเกือบ ชม.   พอดีเจอคนไทยใจดี เห็นเราหารถแบบไม่ต้องวางมัดจำ เค้าเรยแนะนำเบอร์โทรให้ ตอนนั้นดีใจมาก  พอโทรไป พี่เค้าบอกรถเหลือคันเดียว เราก็เรยคันเดียวก็เอา  แต่ต้องไปเอารถด้วยตัวเอง  

จากนั้นก็ต้องหารถอีกคันแถวนี้ให้ได้  เพื่อขับไปเอารถคันนั้น  เดินไปจนไกลมากแล้ว  จนจะวนกลับมาที่ท่าเรือเหมือนเดิมแล้ว เหมือนจะเป็นร้านสุดท้าย ถ้าหลุดร้านนี้ไป ก็จะเป็นทางไปท่าเรือละ  พอเดินไปเราก็เข้าเรื่องเลยว่า ที่นี่ต้องมัดจำรถมั๊ยครับ แล้วเรื่องราวมันก็เกิดขึ้น

เจ้าของบอกว่า น้องมากี่คน เราก็ร่ายยาวเรย เล่าเรื่องที่อัดอั้น ระบายออกมา ว่าไปที่ไหนก็ไม่เคยเจอ วางมัดจำแพงขนาดนี้  หรือเพราะเห็นเป็นคนไทยก็เรยทำแบบนี้  บลาๆๆ  จนพี่เค้าบอกว่า น้องอยากจะวางมัดจำที่เท่าไหร่ เอาตรงๆเรยไม่ต้องอ้ออมค้อม    กุก็พูดตรงๆเรยว่า  ต้องการไม่วางมัดจำครับพี่ 

อ่ะ งั้นพี่ให้ แต่พอเราดูรถที่เหลือในร้าน มีแค่คันเดียวที่เป็นออโต้ นอกนั้นเเป็นรถมีคลัช ซึ่งไม่ถนัด เราก็เรยบอกว่าเอาคันเดียวก็ได้ครับ  อีกคันผมจองไว้อีกที่ เดี๋ยวจะขับรถจากที่นี่ไปเอา  จากนั้นก็ได้เช่ารถในราคา 300 บาท เพื่อไปเอารถอีกคัน



เรื่องยังไม่จบ ให้เพื่อนรออยู่ที่ร้านคนนึง แล้วก็ซ้อนเราไปคนนึง เพื่อไปเอารถ ระยะทางไกลเหมือนกัน เป็น 10 กิโล แต่หาร้านไม่เจอ ไม่มีแผนที่ มีแค่ตำแหน่งที่เค้าบอกทางโทรศัพท์เท่านั้น   เราเลยไปจอดแวะถามร้านเช่ารถแถวนั้นว่ารู้จัก ร้านนี้ๆๆมั๊ย  เค้าบอกไม่รู้จัก เราก็โอเคร ไม่รู้จักก็ไม่เป็นไร



พอขับไปข้างหน้าอีกหน่อย  เอ๊ะ มันก็ตรงกับตำแหน่งที่ เจ้าของรถบอกแล้วนี่นาทำไมยังไม่เจอ ก็เลยแวะถามแม่ค้าขายกล้วยทอด ปรากฏว่าขับเลยมาแล้ว  เราก็ต้องวนกลับไปอีก โทรหาพี่เค้าแล้วก็ถามหาตำแหน่งให้ละเอียดอีกที คราวนี้ชัดแล้ว  เป็นร้านโทรศัพท์ ที่ให้เช่ารถด้วย แต่ไม่มีรถมาวางหน้าร้าน

ที่ร้ายกว่านั้นคือ ร้านนี้มันอยู่ตรงข้ามกับ ที่เราแวะจอดถามแล้วเค้าบอกไม่รู้จัก  อะไรวะเนี่ย มึงไม่รุจักได้ไง ร้านอยู่ตรงข้ามกันนะสัส   เราก็เล่าให้เจ้าของเค้าฟัง   กลายเป็นว่า 2 ร้านนี้เค้าไม่ถูกกัน 55555
กุก็ช่างไปถามถูกร้านซะจริงๆ  หลังจากได้รถแล้วก็แวนซ์กลับไปรับอีกคน   แล้วก็มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติเกาะพะงัน  







เราไม่ได้จะนอนกันที่นี่ แต่เราจะฝากของไว้ที่นี่ พอไปถึง มีเจ้าหน้าที่บ้างประปราย แต่ไม่ได้อยู่ประจำ เลยนั่งคุยว่าจะขอฝากของได้มั๊ย เค้าบอกฝากได้ เอาไปวางไว้ด้านหลังครัวเรย แต่ตอนกลางคืนไม่มีคนเฝ้านะ เราก็โอเคร เพราะกะมาเอาของพรุ่งนี้เช้าทีเดียว  เราก็เลยไปเดินป่าในอุทยาน ขึ้นไปบนยอดเขา 
ส่วนอีกคน ก็ขออาบน้ำที่อุทยานนั่นแหละ  



ก็ได้เวลาเดินป่า ขึ้นไปยัง จุดสูงสุด ที่พอจะเห็นวิว เกาะพะงันได้ ถามตัวเองว่า นี่ใช่เวลามาเดินป่ามั๊ย 555  ชีวิตเราอยากทำอะไรก็ทำ  เมื่อขึ้นไปถึง วิวสวยมาก ลมพัดโคตรเย็น แต่อยู่ไม่นาน เราจะไปเล่น slip N Fly กัน เป็นสไลเดอร์ที่สูงที่สุดในไทย  



พอเราเดินออกมา ก็ได้เวลาไปต่อ  พอไปถึงหน้าทางเข้า slip N fly มีคนเล่นน้อยแล้ว เพราะจะหมดเวลาแล้ว  เรามาช้าไป  ฝรั่งส่วนใหญ่ไปเตรียมตัวออกเที่ยวคืนนี้กันหมดละ 

ส่วนเรา มาปรึกษากันว่าเล่นหรือไม่เล่นดี เพราะแพงมาก 800 บาท  จริงๆต้องเล่นทั้งวันถึงจะคุ้ม ก็เลยตัดสินใจว่าไม่เล่น แต่ไปหาร้านนั่งชิล ดูพระอาทิตย์ตกกัน 









เราก็ขับมอไซค์ไปทาง หาดริ้น ซึ่งมีทางบางจังหวะชันมาก แล้วก็มาได้ร้าน ชื่อว่าร้าน มองเล วิวดีจริง สั่งอาหาร สั่งเครื่องดื่ม มาเผาหัวกันก่อน เครื่องดื่มใส่บาคาดี้ รสชาติเข้มข้นมาก   แล้วก็เบียร์อีก 2-3 ขวด ก่อนไปงาน เรานั่งอยุ่ที่นี่ 5โมงเย็น ถึง ทุ่มกว่า เกือบ 2 ทุ่ม ก็ได้เวลาไปลุยที่งานแล้ว


ที่จอดรถเราเลือกที่จะฝากที่จอดรถไว้คืนละ 50 บาท  เพราะเดี๋ยวรถหายจะยุ่ง ยิ่งเมาๆไม่รุจอดไว้ไหนก็เอาอีก  อย่างน้อยมีคนดูก็ยังดีกว่า  

เมื่อเรามาถึงหน้างาน ทางเข้าต้องเสียค่าบัตร เป็นบัตรผ่านประตู 150 บาท จะได้ ริชแบรนด์มาอันนึง  คือ จริงๆ มันมีทางที่ไม่ต้องเสียก็มี ประเด็นอยากได้ริชแบรนด์เป็นที่ระลึก 






พอเข้าไปถึง ก็ไปซื้อเบียร์ในเซเว่นข้างในอยู่ดี  จริงๆร้านที่หาดมีเบียร์ขายเยอะมาก วดใหญ่ตกขวดละ 80ถึง100  ในเซเว่นชาตนิดหน่อย ขวดละ 60 แต่ค่าห้องน้ำครั้งละ 20 บาท แน่นอนว่าทะเล เต็มไปด้วยคนที่ยืนเยี่ยว   รวมถึงผมด้วย  

















มาที่นี่ ที่พลาดไม่ได้คือเพ๊นท์สี เราเลือกที่จะซื้อสีมาเพ๊นท์เอง เพราะเรามาหลายคน  คือมันโคตรสนุก โคตรหรรษาเรยว่ะ สีตกชุดละ 50 บาท คือเดินไปซื้อเบียร์ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ  เรียกได้ว่างานนี้คือเทศกาลกินเหล้าที่ใหญ่ทีี่สุดในประเทศไทย  สิ่งที่ต้องระวังเลยคือ ในงานจะเต็มไปด้วยคนเมา 
คนขาดสติ เพราะฉะนั้นสิ่งของมีค่า ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องนำมา แล้วเราจะเที่ยวได้อย่างสบายใจ





บางคนเมาชนิดที่ว่านอนหน้าห้องน้ำ นอนข้างถนน นอนบนทราย กันเลย คือเต็มที่กันจริงๆ  แต่ที่เราเล็งไว้คือ sleep area ที่นี่จะมี โซน SLEEP AREA ไว้  คือให้มานอนตรงนี้ จะมีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าไว้ ทำให้เราปลอดภัยด้วย   เราเล็งไว้ว่ากุจะนอนนี่แหละ ถ้าไม่ไหว  

จากนั้นคืนหรรษาก็เริ่มต้นขึ้น ค่ำคืนนี้ทั้งคืนเป็นของเรา  ทั้งกินเหล้า เต้น โดดเชือกไฟ ลอดรั้วไฟ   ทำแม่งหมดอ่ะ  คือโคตรของโคตรสนุก ไม่ต้องสนใจเหี้ยไรทั้งนั้น มีแค่แดกกับแดกอย่างเดียว  คือหมดไปไม่รุกี่ขวดต่อกี่ขวด รองเท้าหายจากเหตุการณ์คืนนี้ รองเท้าแตะกุหาย จากการถอด ไปโดดเชือกไม่ถึง 5 นาที  กุก็กะเนียน ไปใส่รองเท้าคนอื่น แต่มันรู้ตัวจร้า เป็นฝรั่ง  โดนฝรั่งด่า Hey you what are you doing 
กุก็ sorry ไปตามระเบียบ  





เดินตีนเปล่าทั่วงานเรยกุ  เวลาลล่วงเลยจนถึงตี 4 เริ่มไม่ไหวละ จากร่างกายที่ใช้อย่างหนักตลอดวัน ขอไป sleep area ก่อนละกัน  แล้วก็จำไม่ได้อีกเลย ตื่นมาอีกที ตี5 เห็นฝรั่งขี้เมาแม่งกะลังแกล้งคนที่นอนหลับอยู่ กวนตีนจริงๆ    







จากนั้นก็ลุกขึ้นไปดูแสงแรก  ที่ทะเล โคตรฟิน ส่วนน้องและเพื่อนสภาพก็อย่างที่เห็น นอนแม่งบนโต๊ะเจ้าหน้าที่เรยจร้า  เพลงยังเปิดอยู่จนเวลา7โมงเช้า ยังมีฝรั่งเต้นกันอีกโคตรเยอะ พอเช้าปุ๊ป 7 โมง ร้านทุกร้านต้องปิดเพลง  เลิกประชุม  555+  





ก็จะเริ่มมีเจ้าหน้าที่เข้ามาทำความสะอาด เก็บขยะเก้บขวด คือมหาศาลแค่ไหนไปดูเอา นี่แค่จุดเดียวนะ ทั่วทั้งหาดมีเป็น 10 จุด สภาพแต่ละคนบ่งบอกว่าเจออะไรมาอย่างหนักหน่วง ที่เห็นบางคนคือนอนหน้าห้องน้ำมีคนหวังดีกลัวหัวจะเปียกน้ำ เอารองเท้าไปรองหัวให้ โคตรฮา  ต่อยกันบ้างก็มี





พอทุกคนเริ่มตื่น ก็ได้เวลา เตรียมตัวกลับอุทยาน  แต่เราจะไปหาเคลมรองเท้าตามถังขยะ  กุเห็นฝรั่งบางคนเดินถือรองเท้าข้างเดียวกลับบ้าง  ถือเป็นคู่บ้าง แต่คนละข้าง ไม่รุของใครเป็นของใครนัก










ส่วนกุหรอ  เห็นรองเท้าวางอยู่คู่นึง เดินเข้าไปกำลังจะสวมละ เงยหน้าไปเห็นพี่คนไทย เหมือนเป็นเจ้าของร้านมั๊ง ก็เรยถามว่ารองเท้าพี่ป่าวครับ  พี่บอกว่า ใช่น้องของพี่เอง แต่ใส่ไปเหอะ  เอาไปเลย
แล้วถามว่ากุเอามั๊ยน่ะหรอ  กุก็ตอบไปว่า ขอบคุณครับ แล้วก็สวม แล้วรีบเดินออกมาเลย  

ไม่อยากซื้อใหม่ มันแพง เสียเงินโดยใช่เหตุ 5555  จากนั้นเราก็ขับรถกลับอุทยาน ไปอาบน้ำ ชาตแบตโทรศัพท์ที่อุทยาน ไม่เสียเงินซักบาท  คนอื่นมาฟูลมูน เสียค่าที่พักคืนละหลายพันบาท  แต่ผมมานี่ฟรีจร้าาา  หลังจากอาบน้ำทำธุระเสร็จแล้วก็ ไปส่งน้องที่ท่าเรือ เพื่อกลับสมุย 



ส่วนเราไปหาไรกินกันก่อน หาก๋วยเตี๋ยวกินแล้วก็เอารถไปคืน ทั้ง2 คัน แล้วก็เดินกลับท่าเรือดอนสัก  ยื่นใบจองให้เขา แล้วเขาจะเปลี่ยนเป็นตั๋วให้  ขากลับนี่คนเยอะมาก เรียกได้ว่าแทบไม่มีที่นั่งเรย แต่ก็ต้องนั่ง 555  เป็นฝรั่งก็นอนอาบแดดกันไป ส่วนเราก็นั่งรับลมรับคลื่นกันไป 







ใช้เวลาประมาณ 3 ชม.ก็มาถึงท่าเรือดอนสัก สุราษ จากนั้นก็ไปขึ้นรถทัวร์ที่มารอรับเราจากท่าเรือ เพื่อไปสนามบิน  สรุปมาถึงสนามบิน 6 โมงเย็นจร้า  ไปนั่งกินข้าว รอเวลา  แล้วก็ไปเช็คอิน เพื่อขึ้นเครื่องกลับสายการบินแอร์เอเชีย รอบ 3 ทุ่ม  กลับถึงดอนเมือง 4 ทุ่ม กลับถึงห้องเที่ยงคืน  เช้ามาไปทำงานต่อเลยครับผม  ใช้เวลาและชีวิตได้โคตรคุ้มค่า




แล้วเจอกันใหม่ ทริปหน้าครับ

Popular Posts

Facebook