ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

นอนสนามบิน จนไข้แแตก แล้วแบกสัมภาระไปแหลมกระทิง !!


เอาล่ะครับ ทริปนี้เราไปกันไกลถึง ภูเก็ต ได้ตั๋วโปรมาในราคา ไป-กลับ แค่ 500 บาท
ใช้จ่าย ทั้งทริป ไม่ถึง 2 พัน บาท ราคานี้ คือรวมตั๋วบิน ทุกๆอย่าง ตั้งแต่ก้าวขาออกจากบ้าน
จนกระทั้ง ล้มตัวนอนที่บ้าน ก็ยังไม่ถึง 2 พัน อะไรกันวะเนี่ยยย บ้าไปแล้วว

แต่มาดูความโหดของทริปนี้กันหน่อย  ว่าจะโหดเหมือนราคาหรือเปล่า

บันทึกการเดินทาง ณ วันที่ 11-13.01.19


เอาล่ะเริ่มต้น เรานั่งรถเมล์ไปรังสิตก่อนในราคา 12 บาท
เพื่อไปต่อรถเมล์จากรังสิตมาดอนเมือง อีก 8 บาท จริงๆโคตรอ้อมเรยนะ แต่ไม่อยากเสียค่าแท๊กซี่
อิอิ  เพราะเรายังมีเวลาอีกเยอะ พอมาถึงก็เช็คไฟล์ทบินของเรา
จากนั้นไปแวะกินข้าวในสนามบิน แต่มันจะมีที่ลับอยู่
ข้าวในสนามบินจานละ 40บาท 35 บาท ก็มี แต่คนไม่ค่อยรู้เยอะกันนัก
เพราะส่วนใหญ่ เค้าทำไว้ให้ลูกเรือมากิน แอร์โฮสเตส นักบิน จะได้กินของถูกๆ
เราก็อาศัยจังหวะตรงนี้แหละ อิอิ
ไว้วันหลังจะบอกพิกัดว่าอยู่ตรงไหน ไม่ได้ถ่ายรูปมา บอกไปเด่วจะงง





กินข้าวเสร็จ ก็เข้าเช็คอิน ไม่โหลดกระเป๋า ผ่านเครื่องแสกนมาได้ ก็เข้ามาซื้อเบียร์ในเซเว่นด้านใน
ราคาแพงกว่าประมาณ 5 บาท แต่ชิลสัส ยังไงก็เชียยสสสล่ะกันครับงานนี้ เดินทางคนเดียวชิลๆ
อย่าไปคิดมาก





1 กระป๋องมานั่งจิบ อย่างรวดเร็ว ไม่นานก็หมด แต่จะต่ออีกกระป๋อง มันจะกรึ่มไปมั๊ย
เพราะเราต้องไปเช่ารถกันในคืนนี้อีก ไหนจะต้องนอนสนามบินอีก เอาล่ะ
ใกล้เวลาแล้ว ไปที่เกต รอขึ้นเครื่องกันดีกว่า




ไม่ใช่ผู้สนับสนุนผมนะ แต่ก็ใช้บริการตลอด  จะได้มีโปรดีๆแบบนี้ออกมาเรื่อยๆ
ก็ช่วยโฆษณาให้ละกัน


เอาล่ะได้เวลาขึ้นเครื่องละ ไปขึ้นเครื่องกันดีกว่า ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.
ก็มาถึง จ. ภูเก็ต อิอิ จากนั้นเราก็ติดต่อไปที่ร้าน พรรถเช่า ซึ่งเคยเป็นลูกค้ากันอยู่แล้ว
พี่ครับๆ ผมมาถึงแล้วว  อ้าว น้องจองรถไว้หรอ พี่ปล่อยรถไปหมดละ แป๊ปนะๆ

เอาแล้วไง ซวยตั้งแต่มาถึงเรยย แล้วยังไงต่อละเนี่ย สักพัก พี่แกก็โทรมาแล้วบอกว่า
พี่มารับแล้ว เราก็ไปแบบงงๆ ว่าสรุปแล้วยังไงกันแน่






พอไปคุยที่ร้านแก ก็สรุปเค้าไปเอารถรุ่นคลิ๊ก ที่ตกลงกันไว้ แต่ไปเอาร้านอื่นมาให้
ซึ่งเป็นรถเก่า พี่แกเรยรถให้ 1 ร้อย จาก 7 ร้อย  เราก็โอเคร พอขับยังไม่ถึงไหน
ทำไมรถส่ายๆ อ้าวยางแบนนี่หว่า ซวยอีกละ ควักโทสัพโทรหาพี่แก
แกบอกให้เอามาเปลี่ยนๆ  พอมาถึง แกก็เอารถแสมช ที่แกใช้ขับซื้อกับข้าวมาให้
แล้วบอกว่าเหลือแต่คันนี้แล้ว ลองขับดู พอเราขับดูก็เออว่ะ ใช้ได้ๆ

พี่แกลดให้ เหลือ วันละ 200 บาท เป็น 400 บาท เพราะเช่า 2 วัน
พอได้รถแล้ว ก็ได้เวลาไปนอน ขับกลับเข้าสนามบิน เอารถไปจอด
แล้วก็เดินเข้าไปนอน ในอาคารอินเตอร์  และนี่คือที่นอนฟรีในค่ำคืนนี้



แอร์เย็นฉ่ำเรยย แต่ไฟสว่างแล้วก็หนวกหูนิดหน่อย  แต่ก็นอนไม่ค่อยหลับหรอก
ก็แหงล่ะ ใครมันจะไปหลับได้ฟระ ไฟจร้าขนาดนั้น แต่ก็นอนจน 6 โมงเช้า ก็ลุกขึ้นไป
เข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัว ก็ต้องแบกกระเป๋าไปด้วยอย่างที่เห็น
ลืมบอกว่า อยู่สนามบินอย่าทิ้งกระเป๋าไว้โดยไม่มีคนเฝ้านะ เพราะจะมี ตำรวจสนามบิน
เอากระเป๋าไปเก็บ  555 เด่วมันจะยุ่งยาก



แล้วก็เปลี่ยนชุดในนี้แหละ ล้างหน้า แปรงฟัน น้ำไม่ต้องอาบ ค่อยไปอาบโรงแรมเอา
อิอิ  ทำธุระเสร็จ เราก็ออกมาหาดไม้ขาว มาดูเครื่องแลนดิ้งกัน เคยมาครั้งนึงแล้ว
แต่ครั้งนั้น take off ไม่สวยเท่ากับ แลนดิ้ง เราก็เรยจะไปดูกันในเช้านี้
ขอบันทึกกิโลเมตร การเดินทางไว้หน่อย




เอาล่ะ เราก็มากันที่เดิมเรย อย่างกับหนังเรืื่องเดิม ยังไงยังงั้น



อย่างที่บอก สัมภาระ ก็ต้องแบกมาด้วย 555 ไม่มีโรงแรมนี่นา




เครื่องแลนดิ้งแล้ววว ลำแรก


ยังเช้ามาก ไม่มีใครเรย แต่ก็เริ่มมีคนจากรีสอร์ทออกมาละ
เราก็เริ่มตั้งขาตั้งเช่นกัน ถ่ายรูปไปเรื่อยๆเรย





มาคนเดียวก็แบบนี้ 555 ต้องหาจังหวะถ่ายดีๆ 
เริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีกับตัวเองแฮะ เหมือนไม่ได้นอนอ่ะ
ไปนั่งพัก แล้วก็คงจะต้องไปป่าตองเรยล่ะกัน






เอาล่ะลาก่อน ขอไปป่าตองก่อนนะ ตอนนี้ก็เป็นเวลา ประมาณ 9 โมงกว่า
เราจะยิงยาวไปป่าตอง ไม่มีการถ่ายรูปอะไรทั้งนั้น เราไปที่พักก่อนเรย
เราจองที่พักไว้ที่ full stop hostel ไปถึงที่พัก ถามก่อนเรยว่า
เช็คอินไดเรยมั๊ย พอเค้าตอบว่าได้เรย โอ้โห ดีใจสัส ตอนนั้น
คือง่วง ปน ปวดหัว มึนหัว ไปหมด

พอเช็คอินได้ จ่ายตัง มัดจำเรียบร้อย ก็ขึ้นไปในห้อง
เจอฝรั่ง 2 คน คนนึงมาจากอิตาลี อีกคนมาจากเนเธอแลนด์

ตอนนั้นไม่สนใจไรล่ะ ขออาบน้ำนอนก่อน
อาบน้ำเสร็จ นอนเรยยย 55 ข้าวก็ไม่ได้กิน

สะดุ้งตื่นมาาตอนบ่ายโมง คิดว่าตัวเองไม่เปนไร
เรยออกไปขับรถเล่นในป่าตองตอนกลางวัน 
แต่ก่อนอื่นขอกินข้าวก่อน ไปกินก๋วยเตี๋ยวอยุ่ตรงใกล้ๆไฟแดง
ราคา 40 บาท เออ ถูกดี


กินเสร็จก็เรยหา ไปขับรถเลาะ แต่แดดนี่ร้อนแรงมาก
จากนั้นเราก็ขับรถไปที่หาดป่าตอง แล้วก็เดินลงไปสำรวจ






แดดร้อนจัดเรยตอนนั้น เหมือนมีอาการว่าจะเป็นไข้ 
ก็เรยกลับที่พักดีกว่า ขอกลับไปนอนอีกสักรอบ

แล้วเดี๋ยวตอนเย็นไปแหลมกระทิงกันน 

แล้วก็สะดุ้งตื่นอีกรอบ คราวนี้ เกือบ 5 โมงละ แม่เจ้า ไม่ทันแล้วๆๆๆ
รีบโดดจจากเตียง คว้ากล้อง แล้วไปเรยยย
เพราะอยู่ห่างออกไปอีก 30 กว่ากิโลเมตร
แล้วต้องเดินต่อเข้าไปอีกเป็นกิโล 

พอมาได้ครึ่งทาง รู้ตัวว่าไม่ทันแน่ เรยแวะเข้าร้านอาหาร ที่วิวอย่างดี
พอที่จะดูพระอาทิตย์ตกได้ สั่งนมเย็นไป 1 แก้ว
แล้วดูวิวสิค้าบบบบผมม




บรรยากาศ โคตรดี มันเป็นช่วงเวลา ที่โคตรชิลเลยว่ะ แบบนี้
พระอาทิตย์ตก แต่ละวันสวยไม่เหมือนกันจริงๆ 







และวันนี้ก็เป็นอีกวันนึง ที่แม่งโคตรมีความหมายกับชีวิต 
สร้างความทรงจำที่ดีให้กับตัวเอง ได้อีก 1 วัน


จากนั้นเราก็ขับกลับป่าตองกัน ก็ผ่านที่นี่ด้วย ชื่อว่าหาดกะรน ชิลๆไปค้าบคืนนี้
ก่อนอื่นไปหาข้าวกินในเมืองกันก่อน ไปซื้อข้าวข้าหมูกิน 50 บาท อร่อยมาก
ที่ซื้อ เพราะคนซื้อเยอะ เรยคิดว่าน่าจะอร่อย แต่ไม่ได้ถ่ายรูปนะตอนนั้น
เหมือนจะป่วย ไม่มีรมณ์ถ่ายจร้า



กินข้าวเส็ดแล้วก็ได้เวลา เดินเที่ยวยามราตรีตามสไตล์ แน่นอนว่ามาถึงภูเก็ต ก็ต้องมาซอยโลกี
หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ ซอยบางลา  อารมณ์เหมือน วอกกิ้งพัทยา  อารมณ์ก็จะประมาณนั้น
แต่มาได้ไม่นาน ฝนก็ดันตกลงมา ทำให้คนต้องเข้าไปหลบฝนก่อนสักพักก่อนจะกลับมา
คึกคักเหมือนเดิม  ซื้อเบียร์เซเว่นเดินจิบ ซักกระป๋อง  แต่เหมือนจะป่วยจร้า
ไม่ไหว เดินเข้าร้านขายยา ซื้อยาพารามาแผงนึง 5555 นี่อาจจะเป็นครั้งแรก
ที่มาเที่ยวแล้วรู้สึกว่าตัวเองป่วย














เอาเป็นว่า คืนนี้ลากันไปด้วยการ แดกยาพารา 2 เม็ดแล้วไปนอนซะ อีหนู 555
แต่ใครจะรู้ว่าคืนนี้ แม่งเป็นคินที่เลวร้ายที่สุด แม่งเอ๊ยยยยยย 555+

ก่อนจะนอนผมได้เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ แล้วกำลังจะออกมานอน
ก็ได้ยินเสียงคำรามจากด้านนอก คือดังมาก  555

พอเดินออกมาก็เห็นฝรั้งชาวอิตาลี นั่งส่ายหัว แล้วก็สวมเสื้อแล้วเดินออกไป
เราก็ยังไม่ได้คิดไร เพราะปวดหัวจัด กินยาแล้วก็เรยนอน

พอนอนไปสักแป๊ป เสียงนรกมาละ เสียงกรน โคตรของโคตรดัง
ของเตียงบน จะหลับก็ไม่หลับ เพราะมันดังมากจริงๆ

พอหลับไปสักพัก ก็ตื่น เพราะมันดังมากจริงๆ เอาหูฟัง มาฟังเพลงก็แล้ว
ก็เอาไม่อยู่ แม่งเอ๊ยยยย เกิดมาไม่เคยเจอใครกรนดังเท่านี้มาก่อน

หลับได้สักพัก ตื่นอีกละ ทำไมมันร้อนๆวะ ไอ้ฝรั่งอิตาลี
เป็นภูมิแพ้ กลับมาก็ปิดแอร์อีก โอยย กุจะได้นอนมั๊ยเนี่ย

แต่ดีที่ ฝรั่งชาวเนเธอแลนด์ลงมาคุยแล้วก็ขอเปิดแอร์ได้ปกติ 
สรุป ไอ้ฝรั่งอีกคนที่นอนกรน เลิกกรนตอน 6 โมงเช้านั่นแหละ
กุถึงจะได้นอน แต่ดีที่วันนี้หายป่วยแร้ววว


เอาล่ะ ตื่นมาอีกที 10 โมง ไปอาบน้ำ เก็บของดีกว่า วันนี้เราต้องเช็คเอาท์แล้ววว





วิวจากภายในห้องก็อย่างที่เห็น ก่อนจะออกจากห้องก็คุยกะฝรั่งเนเธอแลนด์เตียงบน
ก็รู้ว่าเค้าบินมาเที่ยวภูเก็ต 3 อาทิตย์ เที่ยวที่นนี่ที่เดียวไม่ไปไหนเรยย
ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหน่อย ครับผม


ก่อนที่จะฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม แล้วออกไปเที่ยวน้ำตกกระทู้
เช็อเอาท์เอาเงินมัดจำคืน แล้วไปกินข้าวกันก่อน แล้วค่อยไปน้ำตก
ไปร้านเดิม เพิ่มเติมคือ เกาเหลาข้าวเปล่า


กินเสร็จจนอิ่มแล้ว ก็ไปลุยกันเลยที่น้ำตกกระทู้  ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ
พอไปถึง ก็อย่างที่เห็น น้ำแห้งขอด เป็นน้ำตกที่ไม่น่าเรียกว่าน้ำตกเรย
เรียกว่าลำธารจะดีกว่านะเนี่ย  อิอิ






ก็เรยเดินออกมาด้านนอก แล้วข้ามสะพานขึ้นบันไดไปตามชั้นน้ำตก เผื่อว่าข้างบน
น้ำจะเยอะ แต่จนแล้งจนรอด ก็เหมือนเดินเข้าป่าไปฟรีๆ  555




มันเป็นน้ำตกที่น้ำน้อยมากเรยอ่าาาา แต่ก็ได้ฟีลฟังเสียงน้ำไหลเอา
ธรรมชาติ ท่องไว้ๆ จากนั้นเดินลงมานั่งพักอยู่ด้านล่างประมาณ 2 ชม.
แล้วค่อยกลับที่พักไปแวะเอากระเป๋า แล้วไปแหลมกระทิงเรยดีกว่า
ขี้เกียจย้อนกลับมาเอาแล้ว เพราะมันคนละทาง แล้วถ้ามืด ทางป่าตองไปสนามบิน
จะไม่ค่อยมีไฟ เดินทางยากกว่า ยอมลำบากพาสัมภาระไปด้วยดีกว่า



หลังจากรับกระเป๋าเสร็จ ก็เดินทางต่อไปเรื่อยๆจนผ่านหาดกะตะ
ก็เรยจอดแวะพัก ลงไปเดินเล่นริมหาด ชิลมากหาดนี้ รู้สึกว่าจะดีกว่าป่าตองอีกนะเนี่ย
แต่ก็แวะไม่นานหรอก แค่ออกมาเดินเล่น ยืดเส้นยืดสายเฉยๆ
รอเวลาให้ได้สักเกือบๆ 5 โมง ก็จะไปต่อ






พอขับต่อมาเรือยๆ ก็มาแวะจุดชมวิว หาดกะตะกะรน
แต่ไม่ค่อยเห็นอะไรหรอก วิวต้นไม้บังหมด 555




ได้เวลาอันสมควร เราก็ไปกันเรย ไปแหลมกระทิงกันน
ทางไปก็คือทางเดียวกับแหลมพรหมเทพ แต่พอใกล้ถึงจะะมีป้ายให้ตรงไป
ไม่ต้องเลี้ยวเข้าแหลมพรหมเทพ พอเข้ามาก็จะมาเจอวิวนี้ สวยมากก
ตรงนี้คือสวยมาก แวะข้างทางจอดรถถ่ายรูป
แล้วก็ขับเข้าไปข้างในต่อ  เข้ามาจนสุด ก็จะเห็นมอไซค์จอดกันเยอะๆ
ให้ตรงขึ้นเนินชันๆไปเรย ไปจอดตรงข้างหน้าโรงแรม


พอมาจนสุดจะเจอพี่ รปภ บอกให้เราจอดรถไว้ข้างนอก แล้วเดินเข้าไป
ตอนจอดรถ แบกกระเป๋าไปด้วย เดี๋ยวของหายมันจะไม่คุ้มกัน
พี่เค้าบอกว่า จะไหวหรอ ทางมันลำบากนะน้อง
แหม่ ลำบากกว่านี้ผมก็ผ่านมาแล้วพี่ 555





ระยะทางประมาณ 1 กม. เดินแบบแดดส่องหน้ามาเรื่อยๆนี่แหละ
เดินชิลเหมือนอยู่ในสวนหลังบ้าน ไม่นาน ไม่เกิน 1 ชม.
ก็มาเจอวิวแบบเน้ เอาจริงคือ สวยมาก ไม่มีอะไรมาบดบังเรย
ได้ดูพระอาทิตย์ตกแบบจริงๆอ่ะ โคตรชิล
ยกให้เป็น sunset thailand ที่ดีที่สุดของประเทศอีกที่นึงเรยย





ถ้าใครมาภูเก็ต แนะนำว่าควรมาที่นี่ แนะนำๆ แบบ5 ดาวไปเรยยย
คุ้มมากที่ได้มา  พอพระอาทิตย์ตกดิน เราก็ต้องรีบเดินกลับทันที
เพราะทางจะมืดมาก แล้วจะทำให้เดินยากขึ้นเยอะมาก ถ้าไม่มีแสง
อย่างน้อยให้พ้นช่วงหน้าผาไปก่อนก็ยังดี




เอาล่ะ ตอนนี้ผมกระหายน้ำมาก เสือกทำตกตอนเดินตรงหน้าผา
ต้องหาเซเว่นที่ใกล้ๆที่สุดเข้า ไปซื้อ โค๊กเย็นๆ กับน้ำเปล่า แล้วก็นั่งกิน
ในเซเว่นเรย แอร์เย็นๆ ตากแอร์ให้หายเหนื่อย แล้วค่อยไปต่อ
แผนก็คือ ขับกลับสนามบิน ไม่เข้าตัวเมืองภูเก็ตแล้ว
เพราะตอนนั้นเวลาประมาณ 1 ทุ่ม เราต้องเอารถไปคืนก่อน 4 ทุ่ม


และแล้วเราก็มาถึงสนามบิน แต่ก่อนมาถึง คิดอยู่ว่าจะเติมน้ำมันเพิ่มดีมั๊ย
แต่มันก็กำ้กึ่ง ว่าจะถึงหรือไม่ถึง ไม่เสี่ยงดีกว่า
แวะปั๊มเติมไปอีก 30 ดีกว่าไปหมดกลางทางนี่ซวยเรยย

มาถึงสนามบินประมาณ 3 ทุ่ม ก็ไปหาแวะกินก๋วยเตี๋วก่อนเรย
เพราะไม่ได้กินขข้าวกลางวัน เรยหิวจัด
จัดโรตีไปอีก 2 อัน แล้วก็ ปลาทอด อีก 2 ไม้


ท้องอิ่มแล้วก็ได้เวลาไปคืนรถ  สรุประยะทางที่ขับบนเกาะภูเก็ต คือ 184 KM
ซึ่งถือว่าน้อยนะ ถ้าเทียบกับทริปอื่นๆ คืนรถเสร็จก็ได้เวลาเดินไปเช็คอิน ที่สนามบิน
แล้วก็ไปนั่งรอชิลๆ ขึ้นเครื่อง รอบเที่ยงคืน กว่า
จะไปถึง กทม.ประมาณตี2 ครับผม



เดินทางโดยสวัสดิภาพครับผม  ถึงสนามบินดอนเมืองเป็นที่เรียบร้อย
จบไปอีก 1 ทริปในความทรงจำ แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าครับผม



Popular Posts

Facebook