มีเวลา 24 ชั่วโมง ไปล่องแก่งลำน้ำเข็ก จ.พิษณุโลก กันเถอะ

บันทึกการเดินทาง ณ วันที่ 29.09.19

ล่องแก่ง ลำน้ำเข็ก จ.พิษณุโลก

สวัสดีๆๆ เพื่อนๆที่เข้ามาอ่าน วันนี้จะมาเล่าเรื่องการเดินทางอีกครั้งนึง โดยมีระยะเวลาแค่ 24 ชม.

แต่สามารถใช้เวลาทั้ง 24 ชม. ได้อย่างคุ้มค่ามากมาย  เอาล่ะ ก่อนอื่น ขอไปสรุปค่าใชจ่ายคร่าวๆกันก่อน

:: ค่าใช้จ่าย ::

- ค่ารถ กทม - พิษณุโลก จุดจอดทรัพไพรวัล  400 บาท 

- ค่าล่องแก่ง  550 บาท

- ค่า ถ่ายรูป หาร 6   ตกคนละ  120 บาท

- ค่า ห้องพัก 300 หาร 4  ตกคนละ 75 บาท

- อาหารเช้า  50  บาท

- ค่ารถ ตลาดทรัพไพรวัล- บขส พิษณุโลก  40 บาท

- ค่ารถ พิษณุโลก - กทม  288 บาท

- ค่าอาหารกลางวัน 40 บาท

- ค่าอาหารเพิ่มจากคูปอง 10 บาท

- ค่าตั๋วรถเมล์ กลับดอนเมือง 20 บาท 

- ค่า อาหารเย็น 100 บาท

รวมค่าใช้จ่าย 1693 บาท

โดยเราเริ่มจากการเดินทาง เย็นวันเสาร์ ไปขึ้นรถที่หมอชิต เราได้จองตั๋วไว้กับบริษัท พิษณุโลกยานยนต์

เวลา 4 ทุ่ม ไปลงจุดจอดทรัพไพรวัล ถ้าซื้อหน้าเคาร์เตอร์ จะถูกกว่านี้ ราคาประมาณ 338 บาท แต่เนื่องจากจองออนไลน์ ราคาเลยโดดไป เป็น 400 บาท  โดยมีเพื่อนสมาชิก ร่วมเดินทาง 4 คน รวมเราด้วย 

พอเรารวม เจอกันที่หมอชิตได้ครบทั้ง 4 คนก็ถึงเวลาเดินทาง เราได้ขึ้นชานชาลาที่ 48  เราก็เดินไปรอ พูดคุยกันนั่งรอไปเรื่อยๆ ตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันนาน  พอรถเข้าเทียบชานชาลา  ก็ขึ้นรถไปนั่งรอเวลารถออก  แต่ต้องบอกว่า ไม่ดีเลย ได้กลิ่นห้องน้ำออกมาทั่วรถเลย ไม่มีการแก้ไขจากพนักงาน

ได้ยินกิตติศัพท์บริษัทนี้มานาน เออมาเจอกับตัวรู้เลย รถไม่ค่อยสะอาด เบาะค่อนข้างเล็ก เมื่อเทียบกับรถ ป.1 บริษัทอื่น  เอาเป็นว่าผมจบแค่นี้ดีกว่า ได้เวลาพักผ่อนแล้ว

เวลาผ่านไป จนล่วงเลยเข้าสู่เวลา ตี 4 รถก็ได้มาจอด ณ จุดจอดทรัพไพรวัลย์  พวกเรา 4 คน ก็เคว้งกันอีกครั้งดีที่แถวนั้นยังพอมีเซเว่นให้แสงสว่างอยู่บ้าง เราไปนั่งรอกันหน้าบ้านใครก็ไม่รู้  

เราเลือกที่จะติดต่อ พี่ๆบริษัท เฮ๊วทัวร์ ที่เราติดต่อจองล่องแก่งไว้ ตอนนั้น แต่ก็แอบเกรงใจแกอยู่ เพราะนั้นคือเวลานอนแก  แต่ทำไงได้ เราต้องทำอะไรซักอย่าง ดีกว่านั่งอยู่เฉยๆจนเช้า

กระนั้นพี่แกรับสาย แล้วบอกว่า นี่น้องมาถึงละหรอ  แกก็เลยขับรถออกมารับ แต่เหมือนว่าแกจะเพิ่งตื่นตอนเราโทรไปนี่แหละ 555+  ไม่นานประมาณ 10 นาที แกก็ออกมารับเรา แล้วพาเราไปพัก ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง ตกห้องละ 300 บาท อยู่กัน 4 คน เป็นห้องพัดลม พออยู่ได้ มีห้องน้ำไว้ใช้อาบน้ำได้

เราเผลอหลับกันไป ตื่นมาอีกทีประมาณ 7 โมงเช้า  ได้อาบน้ำแต่งตัว เพราะพวกพี่เขาจะมารับเรา ตอน 8โมงครึ่ง ทำอะไรกันเสร็จตอน 8 โมง ก็เดินออกไปหาร้านข้าวกิน แถวๆที่พัก เป็นร้านอาหาร 

ตอนแรกก็คิดว่าน่าจะแพง แต่พอถามราคาไปมา อาหารจานเดียวก็ตก จานละ 40 บาท

เราสั่งข้าวกระเพราไข่ดาวเหมือนกันหมด เพื่อความรวดเร็วในการกิน ก่อนที่พี่เขาจะมารับเรา

ป้าแกก็น่ารักดีมากก  แนะนำ ชวนคุย นู่นี่นั่น ร้านกาแฟจ่าทวี ชื่อร้านแก

พอกินข้าวเสร็จ พี่แกก็เข้ามารับเราพอดี และมีคนที่จะล่องเรือลำเดียวกับเราอีก 2 คน ก็เลยมีคนหารค่าถ่ายรูปเพิ่ม ส่วนค่าล่อง ตายตัวที่คนละ 550 บาท  จากนั้น พอพี่เขาไปรับ อีก2 คน ก็พาเราไปยังจุดเริ่มล่องแก่ง แต่ข่าวร้าย คือ พี่เขาบอกว่าวันนี้น้ำน้อย  เราก็ อะไรว๊า อุตส่าเลื่อนจากเดือนที่แล้ว ที่น้ำน้อย

มาเจอน้ำน้อยอีกละ แต่มาแล้วยังไงก็ต้องเล่นละล่ะ

พอมาถึง ก็ใส่อุปกรณ์ พร้อมกับพี่เค้าจะแนะนำ วิธีการเล่น รอฟังเค้าอย่างเดียว ไม่ยาก แถมสนุกด้วย

พี่สต้าฟ 2 คน คุยกันสนุกดี แต่มีบางจังหวะ แอบอันตรายอยู่ อย่าประมาท มีจังหวะนึง เรือกระแทกกับหินแรงมาก แต่ดีที่พี่เขาบอกให้ระวังทัน ก็เลยปลอดภัย นอกนั้นก็สนุกสนานมาก

พอสอนเสร็จ ก็จะให้ขึ้นเรือ แล้วก็เริ่มล่องกันไป โดยลำของเราพาย 4 นั่งกลาง 2 คน อยากพายก็สลับกันพาย ไม่ยากอย่างที่คิด พายไปเรื่อยๆ ก็จะเจอแก่งต่างๆมากมาย 10 กว่าแก่งได้ ใช้เวลาทั้งหมด ประมาณ 2 ชม. บางจุด เรือติด ไปต่อไม่ได้ พี่แกก็ต้องลงไปยกเรือ เออ ก็สนุกไปอีกแบบ

พี่แกบอกว่าฝนไม่ตกมา 2 อาทิตย์แล้ว  น้ำก็ลดลงเรื่อยๆ ถ้ายังไม่มีต่อไปอีก น่าจะเล่นไม่ได้กันละ

นั่งชมธรรมชาติ 2 ข้างทางไปเรื่อยๆ ทำให้เราหวนนึกถึงครั้งที่ วังเวียง ที่ไปพายคายัค ชมธรรมชาติ 2 ฝั่งข้างทาง มันโคตร ธรรมชาติเรยว่ะ   โคตรเจ๋ง  อยากไปแบบนั้นอีก

พอเราล่องผ่านจุดที่สำคัญ ก็จะมีตากล้องคอยถ่ายรูปให้เรา ประมาณ 3-4 จุดเรยนะ คือคุ้มมากกับราคานี้  พอล่องเสร็จ เป็นระยะทาง 8 กิโลเมตร ขึ้นฝั่งมา ก็มีน้ำอัดลม และขนมรอเราอยู่ น้ำเปล่ามีให้ในเรือใครหิวน้ำกินได้ตลอด ส่วน รูป พี่เค้าอัดใส่แผ่นซีดีให้ พร้อมกับส่งในไลน์ให้ด้วย  คือขึ้นฝั่งมาก็ได้รูปเลย 

ไม่ต้องรอ  เราล่องกันเสร็จประมาณ 11.30 ใช้เวลาล่องประมาณ 2 ชม.

หลังจากที่เรากินของว่างกันเสร็จ พี่เค้าจะพาเราไปอาบน้ำ รีสอร์ทนึง ชื่อ rain forest ห้องน้ำดี พออาบเสร็จ พี่เค้าก็พาเรามาส่งที่ตลาด จุดรอรถอีก คือบริการดีมาก รับส่ง ทั้งวัน  บริษัทนี้ ชื่อ เฮ๊วทัวร์นะ 

แค่พิมพ์ ในgoogle ก็ขึ้นมาละ  ไว้ใจได้ 100 เปอร์เซ็นต์

เมื่อเราร่ำลากับพวกพี่ๆเค้าเสร็จ ก็มานั่งรอจุดรอรถ  รอไม่นาานมาก ประมาาณ ครึ่ง ชม. ก็มีรถทัวร์ สาย ชาติตระการ-พิษณุโลกมา  โบกสิครับ ราคา 40 บาท แต่ต้องยืน เพราะคนเต็ม เรายืนได้เพราะไม่ไกลลมาก แค่ 40 กิโลเมตร  เรามานั่งรอรถ ประมาณ บ่ายโมงนิดๆ

เมื่อถึง บขส.พิษณุโลก เราก็ไปทำการซื้อตั๋ว บริษัทวินทัวร์ ไป กทม. เวลา 15.15  ก็ต้องรอ อีก เป็น ชม.

เลย ไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวกันก่อน  จากนั้นก็มานั่งรอ ไม่นานรถก็เข้ามารับตามเวลา ที่นั่ง ดีกว่าบริษัทตอนขามามากๆ กลิ่นห้องน้ำถูกฉีดดับกลิ่นตลอด คือเอาใจใส่ว่าง่ายๆเถอะ โดยรวมถือว่าคุ้มราคา

แถมยังมีคูปองอาหารให้อีก ตอนพักรถที่ นครสวรรค์  คือดีมาก  เราไปจอดพัก นครสวรรค์ ประมาณ 17.30 ให้เวลา 15 นาที  เราก็ลงเอาคูปองไปกินข้าว แต่เพิ่มเงิน 10 บาท ก็โอเคนะ

จากนั้้นก็ ขึ้นรถกลับ มุ่งหน้าสู่ กทม.   โดยถึงรังสิต กทม. ประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง หลังจากนั้นต่อรถเมล์สาย 510 หน้าเมเจอร์ ไปลงสนามบินดอนเมือง เพื่อกลับบ้าน แต่ในระหว่างที่ขึ้นรถเมล์สายนี้อยู่ 

อยู่ดีๆ ก็มี ผู้ชาย 2 คนเดินมาบอกคนขับว่า มีคนล้วงกระเป๋าผม ให้ปิดประตูรถให้หน่อย แล้วก็เดินหาคนที่ล้วงกระเป๋า เพราะเขาจำหน้าได้  แต่ไม่เจอ  ผู้โดยสารบนรถเลยถามว่าใส่เสื้อสีอะไร เขาบอกสีขาว  ผู้โดยสารบอก เขาลงไปแล้ว ลงไปก่อนหน้าที่จะถึงป้ายนี้  พี่2คนนั้นก็เลย เดินลงไป

และผมก็ถึงดอนเมืองประมาณ เกือบ4 ทุ่ม เท่ากับ 24 ชม. พอดิบพอดีเป๊ะ กับการเดินทาง

ก่อนกลับห้องแวะกิน ก๊วยจั๊บและโรตี ร้านประจำ ก่อนกลับห้อง เป็นอันจบทริปโดยสมบูรณ์แบบ 24 ชม.

----------------------------------------

มีเวลา แค่ 24 ชม. ก็ใช้มันอย่างคุ้มค่า

อย่างกับคำคมในหนังเรื่อง  In Time 

" เวลา 1 วัน ทำอะไรได้เยอะนะ "

แล้วเจอกันซักที่บนโลกใบนี้ครับผม