Chiangmai On The Road : ตามหาลมหายใจที่หายไป EP.2
หลังจากที่เราเดินกลับจากเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา เรียบร้อยแล้ว ขอบอกว่าธรรมชาติยังสมบูรณ์อยู่จริงๆ กล้องที่ถ่ายมาสีจะไม่เหมือนกับที่ตาเราเห็น ไม่มีกล้องตัวใดในโลกที่จะให้ภาพที่สวยงามได้เท่ากับตาเราเองอีกแล้ววว อันนี้ผมจำเค้ามาอีกที 55555
แต่ถึงกระนั้น เราก็ยังไม่ยอมแพ้ ไปถามพี่ๆทหารว่ามีจุดชมวิวที่อื่นอีกมั๊ย เค้าบอกต้องเข้าไปในศูนย์กรมอุตุ เราก็เดินเข้าไป ก็จะมีที่ขายของ2ข้างทาง แล้วหมอกจัดมากกกกกกตรงนี้
แต่ทหารไม่ให้เราเข้าไปด้านในได้ เราจึงอดดเข้าไป คนที่เข้าไปได้จะต้องจองที่พักด้านในเท่านั้น
ก็โอเครเข้าใจได้ ไม่ยื้อให้เสียเวลา เดินทางลงไปที่กิ่วแม่ปานดีกว่า เพื่อจะไปเดินป่าอีกสักรอบ
ช่วงระหว่างยอดดอยกับกิ่วแม่ปานห่างกันประมาณ5กิโลเมตร เป็น5กิโลที่ แม่งโคตรได้ฟีลลิง
ขับไปสั่นไป ร้องไป 5555 นี่ไม่ใช่หรอสิ่งที่เราต้องการ
เรามาเพื่อสิ่งนี้ ท่องไว้ๆๆ ^^
หลังจากอาบแดดที่กิ่วแม่ปาน คลายหนาวแล้วก็เดินไป เห็นป้ายปิด16.30 ซึ่งตอนเดินไปก็4โมงครึ่งพอดี สรุปอดด ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เช้าเราจะขึ้นมาเดินก็ได้ ทีนี้เราก็เลยเลือกที่จะไปที่นึง ที่ๆไม่ค่อยมีใครสนใจ ผมเห็นตั้งแต่ตอนขึ้นแล้ว กะว่าขาลงจะต้องแวะขึ้นไปดูให้ได้
แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิด จุดนี้ไม่มีใครขึ้นมาเลย มีแค่เรา2คนกับวิวที่แม่งโคตรดี ตอนนั้นประมาณ5โมงเย็น แดดค่อยๆอ่อนลง ผู้คนแทบจะไม่อยู่บนดอยแล้ว ซึ่งเราก็รู้ดีว่าถ้าพระอาทิตย์ตกลงไป หายนะจะมาเยือนเรานั่นเอง แต่ๆๆๆ.......... ความสุขของชีวิต + กับนี่คือสิ่งที่เราต้องการเพื่อจะตามหามันไม่ใช่หรอ!!
เราต้องการมาใช้ลมหายใจของเรา ให้หมดไปกับสิ่งๆนี้ไม่ใช่หรอ มันช่างเป็นลมหายใจที่รู้สึกว่า มันมีค่าขึ้นมาทันทีทันใด
ผมได้แต่บอกตัวเองอย่างนั้น ผมไม่รู้หรอกอะไรที่รอผมอยู่ข้างหน้า แต่ ณ ตอนนี้ วินาทีนี้
ชีวิตมันเป็นของผมจริงๆ ผมเลือกที่จะนั่ง นอนดู พระอาทิตย์ค่อยๆ ตกลงไป มันเป็นความประทับใจ
ภาพมันยังติดตาอยู่จนถึงวันนี้ น้องผมก็ไม่บ่นซักคำ ได้แต่บอกว่า เรานั่งดูพระอาทิตย์ตกที่นี่ก็ได้นะพี่
โดยที่ไม่รู้เลยว่า ช่วงเวลาข้างหน้าต้องเจออะไร
ผมนึกถึงอะไรหลายๆอย่างในช่วงเวลานี้ มันทำให้เรารู้ว่าจริงๆแล้วเราสามารถมีความสุขที่เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเราเอง ต่อให้การเดินทางครั้งนี้ผมไม่ได้มากับน้อง ผมเชื่อว่า ผมก็ยังมีความสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมอยู่ดี ผมไม่ได้พยายามจะปรุงแต่งความรู้สึกของตัวเอง เพียงแต่เราเปิดใจกับทุกๆอย่าง ใช้ชีวิตแบบจริงใจบนพื้นฐานของชีวิตจริง ไม่ต้องเสแสร้ง ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใคร
ผมเองก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่า ชีวิตนี้ผมจะเจอความสุขในรูปแบบนี้ รูปแบบที่เป็นตัวเราเอง
ไม่ต้องไปผูกติดกับใคร ผมว่าชีวิตนี้ผมเกิดมาคุ้มแล้ว ที่รู้ว่าเรามีความสุขไปกับอะไร
ผมเองก็อยากให้เพื่อนๆ ค้นพบความสุขของตัวเองจริงๆ ลองเปิดใจดูนะเพื่อนๆ ทำอะไรก็ได้ที่มีความสุขโดยใช้ใจไปกับสิ่งๆนั้น แล้วจะพบความหมายของสิ่งๆนั้น เหมือนที่ผมก็พบความหมายในแบบของผมในวันนี้
เอาล่ะ ฟ้าเริ่มมืด ก็ได้เวลากลับล่ะ ละสิ่งที่ผมคิดก็เริ่มขึ้น หมอกลงหนาจัด ความเย็นเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
ทางมืดสนิท ไร้ซึ่งแสงไฟ มีเพียงแสงไฟจากรถมอเตอร์ไซค์เพียงเท่านั้น และระยะทางค่อนข้างไกลเป็น10กิโล แต่เราก็พยายามขับขี่อย่างระมัดระวังมากที่สุด ไม่ให้รถเป็นอะไรกลางทาง ด้วยทางที่ทำการซ่อมแซมถนน ทำให้ขับลำบากกว่าเดิมอีก ทั้งฝุ่น ทั้งหมอก ทั้งหลุม ตกหลุมไปหลายรอบมาก
แต่โชคยังดีที่ไม่เป็นอะไร ในที่สุดเราก็เป็นมอไซค์ น่าจะคันสุดท้ายที่ลงเขามา เพราะไม่เห็นมอเตอร์ไซค์ระหว่างทางเลย เห็นแต่รถยนต์ น้องผมช่วยผมโดยเปิดเพลงของbodyslam ปลุกเร้าพวกเราตลอดเวลา ไม่ให้ไฟของพวกเรามันหมด 555555
ในที่สุดเราก็มาถึงที่พักอย่างปลอดภัย อากาศเย็นแบบนี้ ต้องหาอะไรอุ่นๆกินซะหน่อย!!
หมูกระทะของเรา ก็เป็นการเริ่มต้นความอบอุ่นที่ดีเลยทีเดียว แน่นอนว่า เมื่อมีจุดเริ่มต้น.....
ก็ต้องมีจุดสิ้นสุด................... เห้อ สบายตัว จะเห็นว่าหมูกระทะที่นี่กระทะไม่ไหม้เลย นั่ง2ชม.กว่า
น้ำแข็งถังเดียวก็ยังไม่ละลาย อากาศมันเย็นจัด จนกระทะไม่ดำ 555555
อิ่มแล้วก็ เข้านอนนจร้า.....
กลางดึก
ได้ยินเสียงเหมือนอะไรตก ได้ยินเสียงเด็กร้องงง อ่อ เสียงฝนตกนั่นเอง ตกแรงมาก ดีนะที่เต้นท์เรากันฝนได้ดี ตื่นเช้ามา น้องบอกผมยังไม่ได้นอนเลยพี่ เราเลยถามว่าทำไมอ่ะ ตอนแรกมันบอกเต้นท์ข้างๆเสียงดัง เราก็แปลกใจทุกทีมึงนอนที่เสียงดังกว่านี้อีกมึงยังหลับเลย ที่อีสานเขียว เพลงเปิดทั้งคืน มึงหลับตั้งแต่เที่ยงคืน สักพัก มันถามว่า พี่ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้มั๊ย 55555555
กุรุแล้ว ว่าทำไมมึงนอนไม่หลับ 555555 ตอบไปเลย ก็ได้ยินดิวะ มันบอก โถ่ผมนึกว่าได้ยินอยู่คนเดียว5555 แล้วทำไมมึงไม่ถามตูตั้งแต่เมื่อคืนล่ะ แหม่
หลังจากนั้นก็ไปจัดการล้างหน้าแปรงฟัง แล้วก็เก็บของเตรียมลง ตัดสินใจไม่ไปแล้วกิ่วแม่ปาน เพราะฟ้าปิดเนื่องจากฝนตกเมื่อคืน และน้ำมันจะหมดแล้วววววววววววววเว้ยยยย!!
เก็บของเสร็จก็หอบ ที่รองนอน2อัน ถุงนอน2อัน หมอน2ใบ กระเป๋า3ใบ ถ้าไม่บอกว่าเอาขึ้นรถอะไรนี่ นึกว่าจะเอาไปใส่ฟอร์จูนเนอร์ แต่ที่จริงคือ มอไซค์เก่าๆ ขับไปคนก็มองไปด้วยความสมเพช ว่ามึงจะไปรอดกันมั๊ยเนี่ย เอาของไปคืนอุทยานเสร็จ ก็ทิ้งดิ่ง ลงด้านล่างเลย
ใช้เวลาแค่30นาทีเท่านั้น ถึงตีนดอยเลย แต่ปัญหาของผมตอนนี้คือ หูผมอื้อ ไม่ได้ยินไป1ข้าง
ทำยังไงก็ไม่หาย ตบบ้องหูก็แล้ว กลืนน้ำลายก็แล้ว เหมือนยังปรับสภาพไม่ได้
ไม่สนใจ ไปต่อ.....
เราเลือกที่จะมาที่ผาช่อ ต้องบอกก่อนว่าทางที่มานั้น มันส์มาก เข้ามาจากถนนใหญ่ประมาณ20กว่ากิโล
เป็นทางเล็กๆ ถ้ามากับคนแปลกหน้านี่นึกว่าพากุมาฆ่าป่ะเนี่ย คือมันเปลี่ยวมากกกกก
ยิ่งเข้ามาลึกก็คิดว่า มันใช่ทางมาป่าววะเนี่ย พยายามเชื่อป้ายอย่างเดียว
7กิโลสุดท้าย เราจะผ่านด่านเจ้าหน้าที่มา แต่วันนี้อุทยานปล่อยเข้าฟรี 31 ธ.ค 60
แต่ทางเข้าโอ้โห ป่าล้วนๆ เข้าป่าจริงๆตลอด7กิโล ถ้าไม่เห็นด่านข้างหน้าทางเข้า คงจะเลี้ยวรถกลับละล่ะ ในที่สุดเราก็มาถึง
ที่นี่เกิดจากการกัดเซาะโดยธรรมชาติล้วนๆ ระยะเวลาหลายล้านปี จึงเกิดเป็นทรัพยากร ในทุกวันนี้ให้เราได้ชมกันอยู่ทุกวันนี้ เรามีหน้าที่แค่ไม่ไปทำลายมันก็พอ ที่ีนี่ก็ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเชียงใหม่อีกแห่งนึงเหมือนกัน
เดินไปชมธรรมชาติไป ก็ได้เวลากลับ ในช่วงกลับนี่แหละ เราไปเห็นป้าย ไปเชียงใหม่ แต่เป็นคนละทางกับที่เรามา รออะไรล่ะครับ ลุยเดะ!!
โห่วววว ทางแม่งดีมาก ลาดยาดตลอดเลย แต่ที่ดีกว่านั้นคือ ขับไปเรื่อยๆจะเริ่มเหมือนเป็นหมู่บ้านๆ
แต่ไอ้หมู่บ้านนี้ ปลุกลำไยกันแทบทุกบ้านเลย บางบ้านปลูกเป็นสวน ไม่รอช้า ขับดูลาดลาว ว่าต้นไหนที่กิ่งมันยื่นออกมานอกรั้วก็จัดการเด็ดซะ ชิมรสชาติลำไยแบบlocal ซะหน่อย
ขับไปน้องผมก็เลือกไป ต้นนี้เล็กไป ขับไปอีก ต้นนี้ยังไม่สุกเลย ขับไปอีกต้นนี้แหละๆพี่ !!! เดี๋ยวๆ พี่ เค้ามองเราอยู่ 55555 ขับไปอีกซักหน่อย ต้นนี้เยอะเรย แต่เอื้อมไม่ถึง 5555 ขับไปเรื่อยๆ เจอถนนใหญ่
555555555555555 อดแดกไปดิมึง !!
ไม่ถึง ชม. ก็ถึงตัวเมืองเชียงใหม่ วันนี้เราพักกันที่ marktel ข้างล่างเป็นร้านกาแฟ หอมกรุ่นนน
ข้างบนเป็นที่พัก
เจอป้ายนี้ รู้เลย เจ้าของแม่งต้องชอบเดินทางเหมือนกันแน่นอน!!!
แปลแบบตรงตัว ถ้าคุณไม่รู้จะไปไหน คุณก็แค่ ออกไป!!!
ผมก็คิดแบบนี้ เวลาเดินทาง....
ตอนนี้ปัญหาหลักของผมคือ หู ที่ไม่ได้ยิน1ข้าง ยังไม่หายทำยังไงก็ไม่หาย หาอ่านในพันทิปเค้าบอกให้ทำการเคลียหู โดยการบีบจมูกแล้วสั่งน้ำมูก ผมก็ลองทำเลย ตอนนั้นเครียดมากก ถ้าเปนแบบนี้คงเที่ยวไม่สนุกแน่อน เลยลองทำตามดู พอสั่งปุ๊ป แม่งดังป๊อก!! หายเลย ชัดเจน ได้ยินชัดเจนเรย
โคตรดีใจอ่ะ!! แต่เจ็บอยู่นะ ตอนที่มันดังป๊อก มันเหมือนมีอะไรบางอย่างกระเด็นออกมาเรย
รู้สึกแบบนั้นจริงๆ ไปอาบน้ำมานอนชาจแบตโทสัพแป๊ปนึง เย็นก็ออกไปกินข้าวหน้าตลาดโต้รุ่งเชียงใหม่ กินเสร็จ เราก็ตั้งใจไปถนนคนเดิน เพื่อที่จะไปหาผู้หญิงคนนึง เธอชื่อน้องโฮป
คนเชียงใหม่จะรู้จักเทอดี ผมเคยเจอเค้าเมื่อปีที่แล้ว ครั้งนี้เราตั้งใจมาเพื่อหาเทอโดยเฉพาะ
กินข้าวเสร็จก็ไปถนนคนเดินกันเลย คนที่ว่าเยอะแล้ว วันนี้มันเยอะเป็นทวีคูณ ขนาดเดินถนนคนเดินขนาดนี้ ไอ้น้องเจ้ากรรม ก็หันมาบอกผมว่า พี่ ผมปวดท้องอีกแล้ว เอากะมันดิ มันเข้าห้องน้ำแทบจะทุกสถานที่ ในเชียงใหม่จริงๆ วัดอย่างเดียวชั่วโมงนั้น แล้วเข้าไปวัดที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่เรย 5555
เค้าตั้งใจมาสวดมนต์ข้ามปีกัน แต่มึงเข้ามาเพื่อ ขรี้ เนี่ยนะ เอากะมันดิ!!
พอเสร็จกิจ ของมันแล้ว ต่อไปก็กิจของผม คือไปหาน้องโฮป แต่ วันนี้น้องโฮปไม่มา
เห้ออออ อุตส่ามาหาเรยนะ ผิดหวังนิดหน่อย ไอ้น้องเจ้ากรรม พูดให้กำลังใจ น้องเค้าคงไปเคาท์ดาวน์กับแฟนมั๊งพี่ 55555 เดี๋ยวตีปากแตก ไอ้น้องเวร
ไปครับ ไปดูเค้าลอยโคมกันที่ประตูท่าแพกัน
ผมบอกเลยว่า ถ้าใครได้อยู่ในงาน บรรยากาศมันอบอุ่นมาก ไม่รู้สิ บอกไม่ถูก ผมอาจจะคิดเองคนเดียวก็ได้ สำหรับผม จังหวัดเชียงใหม่ ก็อบอุ่นสำหรับผมอยู่แล้ว ยิ่งเข้ามาทำกิจกรรมร่วมกันในงานเทศกาล มันค่อนข้างรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก เห้อ.....คิดถึงจัง
แต่ไม่ใช่ทุกคนนะครับ ที่จะมีความสุขกันในวันปีใหม่ ทำให้ผมนึกถึงปีที่แล้วเลยที่ผมไปเคาท์ดาวน์ที่หัวหิน เอาไว้ผมจะเอาไว้เล่าบทความหน้านะครับ เรื่องเคาท์ดาวน์ที่หัวหิน
ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร เพราะผมเองก็พูดและบรรยายไม่ออก ตอนนั้นผมเองแค่อยากเก็บภาพมาเล่าให้พวกคุณดูว่า เพียงไม่กี่เมตรออกมา ก็มีบางคนที่เค้าไม่ได้มีความสุขไปกับเทศกาลเหมือนพวกเรา
ชีวิตเขาไม่ได้ดี หรือเลือกได้เหมือนพวกเรา มันทำให้ผมรู้สึกหดหู่ไปชั่วขณะ ผมไม่ได้ขอให้พวกคุณเห็นใจเขานะครับ แต่ผมแค่อยากให้คุณนึกสักนิดว่า ตอนนี้คุณกำลังสนุก มีความสุข ให้นึกถึงพ่อแม่ของคุณ นอนหรือยัง ท่านอยู่กับใคร ทำอะไรอยู่ ถามถึงความเป็นไปของท่านสักนิด ก่อนที่พวกเราจะออกมาสนุกกัน ภาพนี้น่าจะเล่าอะไรบางอย่าง สะกิดใจอะไรบางอย่างได้นะครับ
จากนั้น เราก็เดินกลับไปที่รถของเรา ทันใดนั้นเอง ก็มีผู้หญิงคนนึง เดินเข้ามาบอกผมว่า เค้าเงินไม่พอค่ารถที่จะกลับกรุงเทพเค้าขาด80บาท คือในมือเค้าก็ถือสัมภาระเหมือนจะกลับจริงๆ เรายังงงๆกันอยู่ เค้าก็บอกว่าไม่เปนไรค่ะ ขอโทษด้วยที่รบกวน เค้าก็เดินไปหาคนอื่นช่วย คือ ตอนนั้นเรางงว่า เค้ากะลังจะหลอกเรา หรือ เค้าเดือดร้อนจริงๆ จริงๆนะ ถ้าเค้าเดือดร้อนจริง ผมยินดีช่วยเค้าเลยล่ะ แต่มันแยกไม่ออกจริงๆว่าเค้าหลอกเราหรือเปล่า มันมองได้หลายแง่มาก แต่ช่างเถอะ เค้าเดินไปแล้ว
หลังจากนั้นเราก็กะไปเคาทดาวน์กันที่ แถวๆกาดสวนแก้ว เห็นน้องมันหาทางอินเตอร์เน็ตอ่ะนะว่าที่นี่มีจัดงานยิ่งใหญ่ พอไปถึง ก็อย่างที่เห็น คนบางตามาก เหมือนวันปกติเลย คนซื้อเบียร์มานั่งจิบกันตามข้างถนน ก็ชิลไปอีกแบบ ผมเรยถามน้องว่าจะเอายังไง น้องผมบอกกลับไปที่เดิมเหอะพี่ ไปนั่งชิวริมคูเมืองกันดีกว่า
จากนั้นพวกเราก็เดินหาแหล่ง ที่ใกล้7 ที่สุด ก็คือหน้าเซเว่นเรย ซื้อเบียร์ซื้อน้ำแข็งพร้อม ก็ลุยเรย
แต่ๆๆ !! อีกฝั่งคลอง คือร้านขายพลุ โอ้โห งานงอกเรย แดกไปหลบพลุไป 555
ก็เพลินไปอีกแบบ พลุใหญ่ก็มี พลุเล็กก็มี แต่มีพลุใหญ่ลูกนึงมันไม่ขึ้นฟ้าเลยหลังคาไปนิดเดียวแล้วก็ ตู้ม กลายเป็นโกโก้ครั๊น 555 หลบกันอย่างกะหลบระเบิด ซักพักก็มีโคมลอยมาตกอยู่ตรงหลังคาร้านข้าว
เจ้าของต้องวิ่งเอาน้ำมาดับ เอาน้ำมาสาด ฝรั่งก็เชียร์ให้กำลังใจอย่างสนุกสนาน บางทีอยู่ดีก็มีโคมลอยวิ่งอยู่ตามถนน แล้วฝรั่งก็วิ่งตามกลางถนนนั่นเรย นี่มันประเทศอะไรกันวะเนี่ย 555555
แล้วก็มีแก๊งพี่จีนเดินลงมาจากรถตู้ ขนอาวุธมาเพียบ แล้วก็จุดกันไม่ได้เกรงใจกุที่นั่งอยู่ข้างๆเรย
นึกว่าคงจุดแป๊ปเดียว โอ้โห ล่อจุดเป็นชั่วโมง ก็โอเครนะ กุไม่ต้องซื้อพลุ แต่ก็ได้ดูพลุเหมือนกัน5555
พอเที่ยงคืนปั๊ป สงครามกลางเมืองก็เริ่มขึ้นทันที จร้า นี่กุอยู่ซีเรียนี่เอง!!
อย่างที่เห็น 5555 ลอยกันอย่างเมามันส์ ไม่ดูทางลมเรยยยย ยังไม่เซียนเหมือนคนไทยก็แบบนี้แหละ
ขนาดคนไทยยังไฟไหม้บ้านเรย นับอะไรกะชาวต่างชาติ 55555 ต่างชาติเค้าลอยโคมไม่เปนกันนะ บางคนจนไฟจะไหม้โคมละยังไม่ปล่อยเลย 5555 บางคนก็ปล่อยทั้งๆที่มันยังไม่ร้อน ก็สนุกสนานกันไป
ส่วนเรา ก็เมาอีกตามเคย ปัดโถ่วววว 555
กลับห้องนอนดีกว่า สวัสดีปีใหม่ 2018 กันด้วยนะทุกๆคน
ตื่นเช้ามากับกาแฟอันหอมกรุ่นนนน ที่นี่ก็เป็นโฮสเทลที่ดีอีกที่นึงเลยนะ marktel ใครชอบก็มาลองพักดูนะ เพื่อนเพียบ เช็คเอาท์แล้วก็ตกลงกันว่าจะไปหาข้าวกินที่หลังมอ ไปหาแบบโลคอลซะหน่อย
เข้าซอยไปเรยจร้าาา สรุปหลง5555 กะว่าร้านไหนคนเยอะจะเข้าร้านนั้น เพราะคิดว่าร้านดีๆมักจะซ่อนอยู่ข้างในเสมอ หาที่ๆเด็กเชียงใหม่ชอบไปกินกัน แต่สรุปคือ กุหลง มั๋วซั่วไปหมด วนเข้าหน้าวัดออกหลังวัดก็มี 555 เอากะมันดิ หลงไปหลงมา กลับมาออกปากซอยเหมือนเดิม
สรุปหาข้าวกินริมถนนเหมือนเดิม แต่นี่ก็ทำให้เราเจอร้านผัดไทยที่อร่อยที่สุดตั้งแต่กินมา
เด็กเชียงใหม่น่าจะรู้จักกันดี ผมจำชื่อร้านไม่ได้ ถ่ายมาแต่รูป
ผมสั่ง ผัดไท ขี้เมา โห อร่อยอ่ะ!! เส้นเหนียวนุ่มมาก อร่อยจริงๆนะอยู่หลังมอเชียงใหม่ ที่นี่เมนูผัดไท มีเป็นร้อย ผัดไทอะไรมีหมดแหละ สั่งไปเถอะ ถือว่าคุ้มมาก !! หลังจากนั้นก็ขับมอไซค์ไปด้วยความชิว อีกเกือบๆ60กิโล เพื่อไปที่ น้ำพุร้อน สันกำแพง ต้องบอกเลยว่าถังน้ำมันรถคันนี้มันเริ่มทำพิษอีกแล้ว
เชียงใหม่ปั๊มน้ำมัน แม่งตั้งห่างกันไปไหนวะ 555 ขับไปก็ลุ้นไป จนไปเจอไฟแดง อปภร.อยู่ตรงนั้นพอดีเลยถามว่า พี่ ข้างหน้ามีปั๊มน้ำมันมั๊ย คำตอบ คือ มีน้อง มีข้างหน้านี้เอง
กุก็ขับไปสิบกว่าโล พระเจ้าาาา แล้วคือปั๊มอยู่ตรงทางเข้าน้ำพุร้อนเรยครับ 555555
เอากะมันดิ แม่งงงง ความจริงกุมาถึงแล้วไม่ต้องมีปั๊มก็ได้ป่าววะ 555
หลังจากนั้นก็แช่น้ำร้อน เอาตีนแหย่ๆไป เชี่ย อย่างร้อน เอาวะกัดฟันจุ่มลงไปปทั้งขา อดทนสักหน่อย
เริ่มไม่ค่อยร้อน แต่อย่าเสือกขยับเลยนะ ไม่งั้นล่ะ ร้อนชิบหายเรย
น้องผมคนจริงลองทุกอย่าง เอาตีนแหย่ปุ๊ป ร้องเป็นหมาเรย 5555 โอ๊ยยย มึงจะรอดมั๊ยนี่
จุ่มไปจุ่มมารู้สึกไม่ร้อนละ แต่เหงื่อไหลย้อย เอาขาขึ้น อืม เอามีดมาหั่นกินได้เรย สุกพอดี5555
แม่งแดงไปไหน อย่างกะโดนน้ำร้อนลวก ตอนนั้นก็เริ่มเย็นมากแล้วว ตอนแรกจะไปแม่กำปองต่อ
แต่คิดไปคิดมากว่าจะกลับก็น่าจะมืด กฎของการเดินทางคือเราจะไม่เดินทางเวลากลางคืน นอกตัวเมือง
เพราะรถขับกันไว เปลี่ยว เสี่ยงอันตรายมากกว่าในเมือง ถ้าจะเที่ยวให้เที่ยวอยู่ในตัวเมือง นั่นคือสิ่งที่ผมทำมาตลอด
กลับมาถึงก็เก็บของอาบน้ำ แล้วไปกินข้าวต้มย้งกัน พอไปถึง เอิ่มม คือ นี่ต่อแถวซื้อบัตรเดี่ยวไมโครโฟนป่ะเนี่ย ทำไมแถวมันยาวจังวะ
ก็ออกไปจะไปกิน แกงกะหรี่ ชื่อดัง ที่เคยกิน ปรากฏว่าเจ๊งไปแล้วจร้าาาาาาาา
ลงเอยที่ บะหมีชามโต เจ้าเก่าหลังมอเหมือนเดิม
อร่อยๆ !! ขับๆไปจะซื้อเบียร์ไปกินที่พัก เจอโรตี เห็นคนมุงเยอะเรย หลังมอ เป็นผู้หญิงขาย
ไอ้เราก็คิดว่าต้องมีอะไรดีซักอย่าง ราคาก็แพงกว่าที่อื่น ถ้าไม่เด็ดคงไม่มีคนกินแน่นอน
รอไปดิ ครึ่งชั่วโมงกว่าจะได้ โรตีไข่ชีส กับโรตีธรรมดา สรุปว่า รสชาติไม่ได้ต่างจากโรตีธรรมดาเร๊ยยย
แถมแพงกว่าอีก แอบเฟลนิดๆ อุตส่าคาดหวัง คืนนี้เราพักกันที่ @25 เราซื้อเบียร์มานั่งกินกันหน้าที่พักเลย
จิบเบียร์ไป คุยเรื่องเกี่ยวกับชีวิตไป โคตรฟิน คำถามที่น้องถามผมคือ ทำไมคนเราถึงไม่เท่าเทียมกัน ทำไมมนุษย์ต้องสร้างกฏเกณบอกว่าสิ่งนั้นผิด สิ่งนั้นถูก ผมเข้าใจที่น้องผมถามนะ แต่คงมีไม่กี่คนหรอกที่จะตอบคำถามมันได้ มันบอกว่าตอนเด็กๆมันคิดว่ามันบ้าา เพราะมันคิดว่า จริงๆแล้วคนเราเกิดมาเพื่ออยู่ตัวคนเดียว พ่อแม่เป็นแค่สิ่งที่ทำให้เรากำเนิดขึ้นมา ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆต่อกัน สิ่งเหล่านี้มนุษย์เป็นคนสร้างมันขึ้นมา ก็ประมาณนี้ คือผมฟังแล้วผมก็เข้าใจนะ
ผมก็พยายามอธิบายให้น้องผมฟัง คือ ถ้าคนเราเข้าใจชีวิต เข้าใจธรรมชาติ โลกนี้แม่งโคตรน่าอยู่อ่ะจริงๆ แต่ถ้าคนที่ไม่เข้าใจ ใช้ชีวิตแบบติดไปกับสังคมต่างๆ ก็จะมองว่ามันโหดร้าย มันแข่งขัน มันไม่มีที่ยืน ทั้งๆที่ไอ้สิ่งพวกนี้ พวกคุณเป็นคนสร้างมาเองจากจิตสำนึก
น้องผมแนะนำ หนังมา1เรื่อง cast away ให้ผมไปดู ผมมาดูแล้วก็ต้องร้องเหี้ย!อย่างที่มันบอกจริงๆ
ผมแนะนำให้ทุกคนไปดูเลยนะ หนังดีมากกก ผมเข้าใจและร้องไห้เลย ตอนที่มันกำลังก่อไฟ
ผมเกริ่นแค่นี้ละกัน แต่หนังดีจริง ลองไปดูๆ
หลังจากเมาได้ที่ ก็ขึ้นมานอน และหมมดไปอีก1คืนสำหรับเชียงใหม่ คร๊อกกกฟี๊
ตื่นเช้ามาก็มาล้างหน้าแบบ open view อย่างเจ๋ง และมีนัดในวันสุดท้ายที่จะต้องทำคือ แดกกก ช.เสต๊ก
น้อยคนนะจะรู้จัก ร้านนี้ คนกทม. ไม่ค่อยรุจักหรอก แต่เด็กเชียงใหม่รู้จักกันเป็นอย่างดี
รีบตื่นแต่เช้า เพื่อไปเอาบัตรคิวที่เซนทรัล กาดสวนแก้ว ขนาดไปตอนห้างเปิด ได้คิวที่11จร้า เห้อออ
เค้าบอกอีก ชั่วโมงครึ่งจะออกมาเรียก
กุไปดูหนังรอดีมั๊ยเนี่ย เซนทรัลที่นี่เค้ารักษาความเป็นล้านนาได้ดีมาก ขนาดรอบฉายหนังยังเป็นกระดาษแปะ โคตรคลาสสิค
2 ชม.ผ่านไป มา10โมงได้กินเที่ยง15 ก็ถือว่ายังดี บางคนรอ3ชั่วโมง พอเข้ามาก็สั่งเสต๊กหมูมาเลย เพราะคิดว่าแม่งเด็ดแน่ๆ แต่พอมองโต๊ะอื่น ทำไมมันสั่งกันแต่จิ้มจุ่มวะ แล้วก็หมึกราดซอสไรสักอย่าง
เราก็เอาบ้าง บอกเค้าว่า เอาเหมือนโต๊ะนู้นครับ ^^
พอกินน้ำจิ้ม โอ้โห อย่างเด็ด !! อร่อยมาก ใครไปแนะนำเรยสำหรับจิ้มจุ่ม ไก่ผัดเม็ดมะม่วงก็อร่อย
จิ้มจุ่มอร่อยจริงๆ อันนี้ยอมรับ น้ำจิ้มเค้าทำได้ถูกปากคนไทยมากอ่ะ
แต่ที่ผิดหวังคือ .................
เสต๊กนี่แหละจร้าาา!! ไม่มีความอร่อยเรยยย ดูขนมปังสิไม่ปิ้งแถมทาเนยมาอีก แล้วจะกินยังไงล่ะพ่อคู๊น
มีผักแต่ไม่มีน้ำสลัด แล้วจะกินได้ยังไง มันไม่เข้ากันน่ะ แต่ก็นะ เค้ามากินจิ้มจุ่มกัน แต่เราคิดว่าเสต๊กมันน่าจะอร่อยไง 5555 รีบสั่งไปหน่อย น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น รอ สเต๊ก เนอะ
รอ โคตร นาน กว่าจะได้กินนนน นี่คือการรีวิวแบบ จริงใจไม่มีการอวยใดๆทั้งสิ้น แต่หมึกซอสเนี่ยก็หวานไป กินมากก็เลี่ยน ราคาก็ไม่แพงมาก โดยรวมถือว่าโอเครเลย ถ้าไม่รวมเสต๊ก
โอเครนะทุกคน
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะอยู่ที่เชียงใหม่แล้ววววววว ก็เลยมานอนเล่นชั้นดาดฟ้าที่ที่พัก เพื่อพักผ่อนและรอเวลาขึ้นรถ ตอน2ทุ่ม ก็ชิวดีนะสำหรับที่นี่ ที่เชียงใหม่นั่งนอนคิดไป และคิดไว้ว่า อีก5ปีข้างหน้า จะออกเดินทางครั้งใหญ่ แบบnon stop 1ปีเต็ม และ ใช้ชีวิตที่อยากใช้อีก1ปี เป็น2ปีเต็มมมมม
เอาไว้ใกล้ๆ ผมจะเขียนรีวิวแบบละเอียดสำหรับทริปนี้ที่จะเกิดขึ้นในอีก5ปีข้างหน้า ผมเรียกทริปนี้ว่า
ทริปปริญญาชีวิต ต้องใช้เวลาถึง2ปีเต็ม ในการเรียนรู้ ไว้ใกล้ๆผมจะมาเขียนรายละเอียดทั้งหมดนะครับ
โดยการเดินทางของผมจะเริ่มต้นที่เดือน ม.ค. 2023 - ม.ค 2025 เป็นอันจบทริปที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต
ใครอยากร่วมแจมเดินทาง2ปีเต็ม กับผม ติดต่อผมมาได้เรยนะครับ 080-1641009
หลังจากหลับไปสักพักก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับวิวด้านหน้า
นี่เราต้องกลับจริงๆแล้วใช่มั๊ย ขอบคุณชีวิต ขอบคุณหัวใจ ขอบคุณทุกๆสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เรามากันไกลจนถึงวันนี้ ขอบคุณจริงๆ
เย็นมากแล้วเก็บของออกไปเที่ยว วัดศรีสุพรรณ เป็นที่สุดท้าย
วัดศรีสุพรรณ |
คนไทยเข้าชมฟรี ต่างชาติ 50 บาท วัดนี้ สตรีห้ามเข้าในอุโบสถโดยเด็ดขาดนะครับ !!
เป็นความเชื่อว่าจะทำให้ของศักสิทธิ์ ที่อยู่ด้านในเสื่อม เป็นโบสถ์เงินที่สวยมากๆนะ ต้องมาเห็นด้วยตาตัวเอง
มีการแสดงเล็กๆน้อยๆ ไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยยย
ก่อนกลับ เรากลับไปกินผัดไท เจ้าเดิม เป็นการส่งท้าย น้องผมก็ขี้ส่งท้ายที่ร้านนี้เหมือนกัน
โดยนี่คือผัดไทโบราณ หรือผัดไท คลาสสิคที่เรากินกันนั่นแหละ แต่ที่นี่อร่อยมากกก แนะนำให้มาลอง
เมื่อกินเสร็จก็นำรถไปคืน บันทึกได้ 558 กิดลเมตร ที่เราแล่นกันไปบนแผ่นดินเชียงใหม่ ถือว่าเป็นอีกทริปนึงที่สนุกสุดเหวี่ยง และใช้เวลไปอย่างมีค่ามากๆ
558 KM |
เรื่องเหมือนจะจบตรงที่เรามารอรถ เพื่อจะขึ้นกลับ กทม. จน15นาทีสุดท้าย เราเริ่มเอะใจว่าทำไมรถเราถึงไม่มาซักที ทั้งที่เราก็มารอถูกช่อง แล้วช่องนั้นก็เขียนว่า กทม.-เชียงใหม่ เราเริ่มสงสัยเอะใจ เรยไปถามพนักงานแถวนั้น เค้าบอกว่า อ๋อตั๋วพี่ ต้องไปขึ้นขนส่งเก่านะครับ
เท่านั้นแหละ วิ่งดิเอ๋ วิ่งดิ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
แล้วมึงไม่บอกวะ ว่ามีขนส่งอีกที่นึง โอ้โห ประสบการณ์ที่ดีจริงๆ ยันตอนกลับก็ยังมีเรื่องให้ตื่นเต้นตลอด แล้วพบกันใหม่ กับการเดินทางของผมครั้งหน้า
ฝากติดตามบล็อกเล็กๆ บล็อกนี้ด้วยนะครับ แล้วจะรู้ว่า1ชีวิตที่คุณมี มันมีค่าแค่ไหน?