ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

GALAYUZAWA : JAPAN EP4.


GAL YUZAWA

EP.4

11.02.20


เช้าวันสุดท้าย ที่ญี่ปุ่น เราตื่นกันตั้งแต่ตี 5 เพื่ออาบน้ำ เก็บของ แล้วเช็คเอาท์ เอากระเป๋าไปฝากไว้ที่โรงแรม  แล้วออกไปขึ้นรถไฟใต้ดิน จากสถานี tawaramashi ไป UENO แค่ 2 สถานีก็ถึงละ   แล้วก็เดินต่อไปขึ้น ชินคันเซ็นรอบ  06.33 เพื่อไปให้ถึง GALA YUZAWA ในเวลา 07.59  เพราะ GALA เปิดเวลา 8 โมงพอดี  แปลว่าเราก็จะเป็นกลุ่มแรกๆที่ได้ขึ้นมาบน GALA  ข้อดีคือ คนน้อย  ถ่ายไม่ติดคน




เอาล่ะ ได้เวลาก็ออกจากโรงแรมไปขึ้นชินคันเซ็นกัน  พอถึงสถานี อูเอโนะ เราแวะซื้อ ข้าวหน้าหมูกัน 1 กล่อง 520 เยน  แล้วเอามาอุ่นชั้นใต้ดิน 3 FL   แล้วก็ไปรอขึ้นรถไฟที่ PLA. 19   

เมื่อรถไฟมาถึง เวลา 06.29 เรามีเวลาไม่ถึง 3 นาที ในการขึ้นรถไฟ  เพราะรถไฟญี่ปุ่นออกตรงเวลามาก ชินคันเซ็น จอดเทียบสถานี ไม่เกิน 5 นาที ก็ต้องออกแล้ว  แล้วคราวนี้ผมได้นั่งชินคันเซ็น 3 ชั้น แต่ได้นั่งชั้นล่างสุด ซึ่งไม่เห็นวิวใดๆทั้งสิ้น 



เมื่อขึ้นรถไฟเสร็จ ก็เอาข้าวหน้าหมู กับข้าวปั้นออกมากิน คนญี่ปุ่นกินข้าวกันเวลานี้พอดี  ก็เลยควักมากินด้วยซะเลย ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ก็ถึงสถานี GALA YUZAWA ถึงเวลาเป๊ะมาก   


แต่ที่สำคัญคือ หิมะตก  คือ นี่คือการเห็นหิมะตกจริงๆครั้งแรกในชีวิต เจอหิมะก็ว่าดีใจแล้ว เจอหิมะกะลังตกนี่เป็นอะไรที่เหมือนฝันชิบหาย  มองออกไปนอกรถไฟ  เห็นเมืองขาวโพลนไปด้วยหิมะ แล้วหิมะก็ตกหนักมาก  ถือว่าการมาครั้งนี้โคตรแจ๊คพอร์ต


เมื่อเรามาถึงก็เดินเข้าสถานี แล้วเดินขึ้นไป จากนั้นใครมีพาส  ก็เข้าช่องส่วนลดได้เลย  มีภาษาไทยบอกด้วยที่นี่ มีสตาฟคนไทยด้วย  ดีมากเรยครับ  น่ารักมาก  แต่วันนี้เราซื้อแค่ตั๋วกอนโดลา  ไม่ได้ซื้อถาดเลื่อน หรือตั๋วลิฟท์มาด้วย  แหะๆ  คือกะขึ้นไปเดินเล่น ว่างั้นเถอะ เพราะมีเวลาน้อยมาก ถ้าจะซื้อสกีมาเล่นเวลาไม่พอแน่นอน   เมื่อซื้อตั๋วในราคา 1,800 เยนแล้ว เราก็ไปขึ้น กอนโดลากัน




ต้องบอกว่าระหว่างทาง อเมซิ่งมาก สวยงาม ที่หิมะเกาะอยู่บนยอดต้นไม้ ดูรวมๆก็โคตรสวยงาม   พอออกจากกอนโดลา ก็ยังมีอาคารพักอยู่ด้านใน จะอุ่นๆ มีอาหารขาย มีอุปกรณ์ขาย มีห้องน้ำ มีโต๊ะอีกเพียบ 









แต่ที่สำคัญคือ หิมะที่กำลังตก มันชวนเย้ายวนให้เราออกไปเล่นเอามากๆ   พอผมออกไปเล่น ได้สัมผัสหิมะที่กำลังตก คือมันดีมาก  เกร็ดหิมะ มีรูปร่างอย่างที่เราเห็นในสติ๊กเกอร์นั้นจริงๆ  ของจริงมันเป็นแผ่นๆแบบนั้นจริงๆ  คือ โคตรดี  



แต่สิ่งที่ไม่รู้คือ เอามือเปล่าไปจับหิมะ  อันนี้คือไม่รู้จริงๆ  เพราะจับไปแล้วก็ค้างไว้อย่างงั้น นานมาก  ทำให้หิมะกัดมือ กัดจนมือแข็งและแดงไปหมด  คือเอาเข้ากระเป๋าเสือก็ไม่หาย ต้องกลับเข้าไปในอาคารใหม่ เพื่อให้เลือดมาอุ่น  ถึงได้ขยับมือได้ 







ลองดูจากภาพเอาล่ะกัน ว่าบรรยากาศบนกาล่า นั้นสนุกกันขนาดไหน  แล้วที่สำคัญวันนี้คือวันชาติของญี่ปุ่น ทำให้คนหลั่งใหลกันมาเล่นสกีกันในวันนี้  มีทั้งเด็ก มีทั้งคนแก่  อยากเล่นเลยอ่ะ  แต่ติดตรงที่เราไม่มีเวลาพอจริงๆ ต้องเอาไว้โอกาสหน้า  




เราใช้ชีวิตกันอยู่ในนั้น เข้าๆ ออกๆ กันอยู่นาน 2-3 ชม. ก็เลยตัดสินใจกลับดีกว่า ไปเดินเล่นแถวโตเกียว เพราะไม่อยากรีบไปขึ้นเครื่อง  จากนั้นก็ลงไปเปลี่ยนรอบชินคันเซ็น จากบ่ายโมงครึ่ง เป็น 11 โมงครึ่ง 





เมื่อเรากลับลงมาข้างล่าง ก็มาเปลี่ยนรอบไปขึ้นชินคันเซ็น แล้วก็ขึ้นได้เลย ไม่ต้องเปลี่ยนตั๋ว เพราะคนขึ้นน้อยในรอบเวลานี้ 



ใช้เวลาอีก 1 ชม. ก็ถึงโตเกียว แล้วต่อไปยัง รถไฟใต้ดินสถานีเดิม เพื่อเดินไปร้านราเมง  แต่ปรากฏว่าร้านที่เราเลือกไว้ดันปิด เพราะเป็นวันชาติ  ทำให้เราต้องเปลี่ยนร้าน ไปแถวอาซากุสะแทน 






เดินไป20นาที  ก็ถึง  เป็นร้านราเมง เจ้าดังย่านอาซากุสะ ราคาชามละ 750 เยน ถือว่าแพงเอาเรื่องอยู่แต่ก็วันสุดท้ายแล้ว กินก่อนกลับ  แล้วสั่งเบียร์ไปอีก 1 ขวด 400 เยน ถือว่าแพง  เพราะเบียร์ที่ประเทศไทย ตกขวดละ 45 บาท  แต่ก็ช่างกินที่ไทยก็คงไม่ได้ฟิวส์นี้ ก็เลยสั่งๆ กินๆไป ทริปนี้กินกระจุยกระจาย






กินเสร็จ จนจุก ก็ออกจากร้าน เดินกลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรม แล้วนั่งไปนั่งรถไฟใต้ดิน สายGINZA ไป  G10 แล้วเดินออกจากห้าง เดินอีกนิดหน่อย ก็ถึงสถานีโตเกียวแล้ว   




แต่ตอนที่ มาขึ้นรถไฟใต้ดิน เวลาหมด 72 ชม.  ก็เลยต้องซื้อบัตรเพิ่มอีก 170 เยน  ไปสถานี G 10 แล้วเดินต่อไปสถานีโตเกียว เพื่อไปขึนรถไฟชินคันเซ็น NEX  ไป นาริตะ แอร์พอร์ต  รถไฟไปสนามบินเรายังใช้ JR PASS ได้อยู่ เพราะยังไม่หมดวัน   ถือว่าคุ้มมาก กับพาสนี้ในเวลา 3 วัน  ใช้นั่ง JR ชินคันเซ็น แล้วก็ NEX ครบเลย ทั้ง 3 เจ้า  




จากสถานีโตเกียว ไปขึ้น NEX ค่อนข้างไกลนิดหน่อย  แต่ก็ไปตาามป้าย และดูป้ายที่พื้นควบคู่ไปด้วย จะได้ไม่งง  มีหลงบ้างเล็กน้อย เนื่องจากรีบ  ก็อาศัยถามเจ้าหน้าที่เอา 






เรามาถึงหน้าสถานี  pla. 4 เวลา 16.00  แต่รถไฟออก 16.33   พอรถไฟมาก็เดินขึ้นไปนั่งตามตั๋ว ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงสนามบิน  ก็เดินไปตามป้ายเหมือนเดิม ที่เทอมินอล 2 แล้วก็เข้าไปเช็คอิน โหลดกระเป๋า แล้วเดินออกไปหาซื้อของที่ เซเว่น  ซื้อข้าวหน้าหมูมากินอีกกล่องละ 460 เยน 







รีบกินก่อนจะเข้า ตม. ไปที่เกต แต่เสียดายที่ ตม. ให้สแกนออกเอา ไม่ยอมสแตมป์ให้ อยากให้มีร่องรอยบนพาสปอร์ต  แต่เขาคงไม่เข้าใจ   พอเดินเข้ามาข้างใน ก็เห็นคนไทยแวะซื้อของฝากกันเพียบเลยล่ะครับ   เราต้องขึ้นเครื่องกัน 19.35  แล้วเครื่องออก 20.15  ถึงไทย ตอนตี 1.30 ใช้เวลานั่งบนเครื่องยาวนานถึง 7.10 ชั่วโมง


ผมมาถึงประเทศไทย ตอนประมาณ ตี 1 ครึ่ง รวมรับกระเป๋า ขึ้นแท๊กซี่กลับห้อง อาบน้ำ กว่าจะได้นอน เกือบตี 3 และพรุ่งนี้เช้าทำงานต่อเลยจร้า อึก ถึก ทนจริงๆ 


ก็จบไปแล้วนะสำหรับทริป ญี่ปุ่น  อากาศบ้านเค้านี่ดีสุดๆ พอกลับมาไทย ร้อนทันทีเลย ก็เลยมาสรุปข้อดีข้อเสียของญี่ปุ่น กับไทยมาให้เปรียบเทียบกัน

ข้อดี  ญี่ปุ่น
- อากาศหนาว เหมาะสำหรับคนชอบหนาว
- รถไฟตรงต่อเวลา ระดับวินาที 
- ซื่อสัตย์ ทอนเงินครบทุกเยน
- การคมนาคม สะดวก
- ป้ายบอกตลอดทาง
- ความปลอดภัยสูง

ข้อเสีย
- อาหารแพง ขั้นต่ำ ข้าวปั้น 60 บาท อาหารกล่องเซเว่น 150 บาท
- น้ำ600 ml ขวดละ 30 บาท 






Popular Posts

Facebook