ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เชียงใหม่.. ดินแดนล้านนาแห่งความสุข กับชีวิตสุด Slow life

เชียงใหม่ ดินแดนสุดชิล


              เมื่อพูดถึง จ.เชียงใหม่  สิ่งแรกที่เราจะนึกถึงคือ ภูเขา วัด และ กาแฟ เป็นอันดับแรก
ถูกแล้วครับ ที่นี่ มีทั้งภูเขา วัด และกาแฟ เยอะจริงๆ  เยอะขนาดที่ว่า เดินไปไม่กี่ก้าวก็ต้องเจอร้านกาแฟ 
เจอวัดที่รายเรียงกัน เยอะอยู่พอสมควร  แต่วัดที่ชาวเชียงใหม่ต่างนับถือและสักการะ หรือเป็นวัดที่อยู่คู่จังหวัดเชียงใหม่มาอย่างยาวนาน คือ วัดพระธาตุดอยสุเทพ   เพราะเชื่อกันว่า เมื่อเข้ามาอยู่ใน จ.เชียงใหม่ เหมือนเราเข้ามาอยู่ในความคุ้มครองของพระธาตุดอยสุเทพซึ่งคอยปกปักรักษา จ.เชียงใหม่มายาวนาน  ทำให้นักท่องเที่ยวหรือคนท้องถิ่นในจ.เชียงใหม่เอง  ต่างมาเคารพบูชา พระธาตุดอยสุเทพเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เป็นจำนวนมาก  



พระธาตุดอยสุเทพ 

            แต่เชียงใหม่ไม่ได้ขึ้นชื่อแค่เรื่อง วัดวาอาราม เรื่องกาแฟ  หรือภูเขาเพียงอย่างเดียว
แต่เสน่ห์ที่เชียงใหม่จริงๆแล้วอยู่ที่ คนท้องถิ่น ที่ยังคงพูดจาภาษาเหนือ อาหารพื้นเมือง และอากาศที่ดีตลอดทั้งปีนั้น เป็นเสน่ห์ที่จะมาใช้เวลาให้หมดไปกับที่นี่จริงๆ  
สิ่งเหล่านี้ ทำให้ผมนั้นหลงใหลไปกับ จ.เชียงใหม่ แบบหัวปักหัวปำ   และอยากจะเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่
เพราะสิ่งดีๆเหล่านี้ที่หาไม่ได้ในเมืองกรุง ทำให้คนหลีกหนีชีวิตที่วุ่นวายจากเมืองกรุง
มาที่นี่กันซะเยอะแยะ มากมาย จนบางทีก็กลัวว่าเสน่ห์เหล่านี้จะจางหายไปตามผู้คนที่มาจากต่างถิ่น  และจากที่ผมเห็นที่นี่ยังคงมี งานศิลปะอยู่ทั่วทั้งเมือง  ซึ่งก็เป็นเสน่ห์ที่ทำให้ผมนั้นหลงรักเข้าไปอีก  เพราะโดยส่วนตัว ผมเองก็ชอบงานศิลปะอยู่แล้ว

ซึ่งแน่นอนว่า เรื่องความชิลที่นี่มีให้คุณอย่างแน่นอน ใช้ชีวิตแบบ สโลไลฟ์  
และวันนี้ผมเองจะมารีวิว  ความชิลหรือสโลวไลฟ์ ที่ผมจัดไปแบบเต็มๆ 8 วัน 7 คืน ที่นี่ จ.เชียงใหม่


เริ่มต้นที่ ขึ้นรถไฟฟ้า bts จาก เอกมัย มาลงที่สถานี อโศก ราคา28 บาท หลังจากนั้นต่อ รถไฟฟ้าใต้ดิน mrt สถานีสุขุมวิท ไปลงที่สถานีหัวลำโพง  ราคา 22 บาท เพื่อขึ้นรถไฟฟรี  กรุงเทพ-เชียงใหม่ 
รอบ 13.45 น.  แค่นี้ก็ชิลในการซึมซับบรรยากาศก่อนที่จะไปถึง จ.เชียงใหม่แล้ว
รอ BTS






ต่อ MRT ไปหัวลำโพง


รถไฟฟรี 15 ชม. ชิลๆ











               ในระหว่างที่รถไฟแล่นไป เราจะได้ใช้เวลาไปกับชีวิตบนรถไฟ  และวิถีชีวิตใน จังหวัดต่างๆที่รถไฟนั้นแล่นผ่าน

แต่ชิลสุดคือการได้กินข้าวกับวิวที่กำลังเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ  ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ทำให้อาหารอร่อยขึ้นมาได้อย่างมาก  เงินอาจจะซื้อความสุขได้นะครับ แต่ถ้าใครที่ไม่ได้มีเงินมากพอ
คุณก็สามารถใช้ชีวิตที่มีความสุขแบบง่ายๆ ด้วยตัวคุณเองได้     อาจจะไม่ใช่อาหารบนตึกระฟ้าที่หมุนชมวิวโดยรอบแบบ 360 องศา  แต่นี่แหละ!! วิวธรรมชาติที่มันก็มีความสุขในแบบฉบับของเรา






วิวเคลื่อนที่

เมื่อท้องอิ่มแล้ว ก็ถึงเวลาพักผ่อนในรถไฟฟรี  ซึ่งต้องบอกตรงนี้เลยว่า
เป็นการนอนแบบ หลับไม่เต็มตา 5555+  แต่มันก็สนุกดีนะ กลางคืนอากาศจะเย็นมาก ต้องหาเสื้อกันหนาวมาห่มเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย  ของฟรี  มันก็ไม่ได้แย่นะ แต่มันก็ไม่ได้ถึงกับสบาย
จากนั้น ตี4 ก็ถึงเชียงใหม่ โดยสวัสดิภาพ  ขอย้ำว่าตรงเป๊ะ!!

ไม่น่าเชื่อ  อาจจะบังเอิญแค่วันนี้ 555+  รึป่าว

เมื่อลงรถไฟเสร็จก็ทำธุระส่วนตัวและ นั่งรถแดงไป อาเขต เพื่อไปเช่ารถกับ  biky
รถใหม่เอี่ยม

เริ่มต้นเช่า ไม่วางมัดจำวันละ 300 บาท   รถอย่างใหม่!!
จากนั้นเราก็เริ่มต้นใช้ชีวิตในเชียงใหม่ โดยการไปเริ่มกินข้าวเช้า ชื่อดัง ย่านใจกลางเชียงใหม่++

ร้านอาหารเช้า จ.เชียงใหม่

วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร



เมื่อกินอาหารเช้าเสร็จ เราก็เริ่มด้วยการเข้ามาไหว้พระ ในวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ซึ่งสวยและใหญ่มากๆ
ดูเก่าแก่และมีมนต์ขลังมากๆ  ว่ากันว่าที่นี่เป็นพระอารามหลวง ที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ 1928-1945 ซึ่งถ้านับดู ก็ประมาณ 6 ร้อยกว่า ซึ่งเป็นโบราณสถานที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่




วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร
 จากนั้นเราก็มาทำบุญต่อด้วยวัดที่2 นั่นคือวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก เป็นวัดที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่และแผ่นดินล้านนา เป็นที่ประดิษฐาน(พระพุทธสิหิงค์)  ซึ่งเป็นพระพุทธรูป ศิลปะเชียงแสน ว่ากันว่าสร้างขึ้นในปี พ.ศ 1888 ซึ่งมีอายุหลายร้อยปีมาแล้ว

จากนั้นเราก็เลือกที่จะไปพักผ่อน ใช้ชีวิต slow life ที่สวนสาธารณะหนองบวกหาด  สวนสาธารณะใจกลางเมืองเชียงใหม่  ต้องบอกเลยว่าที่นี่เย็นสบาย  เหมาะแก่การพักผ่อนอย่างแท้จริง

สวนสาธารณะหนองบวกหาด
 หลังจากพักผ่อน หย่อนใจ นอนหลับได้ซักงีบ 2 ชม.  555+   ก็รู้สึก!! อยากชิมกาแฟของเชียงใหม่ขึ้นมา
เลยมุ่งหน้าไปที่ร้านกาแฟสุดอาร์ต ของเชียงใหม่ ซึ่งเจ้าของก็อาร์ตสมชื่อ และร้านก็ตกแต่งได้แนวสุดๆ
คนเชียงใหม่นี่ เค้าทั้งชิล ทั้งติสท์ ทั้งมีไอเดียเจ๋งๆ มากมาย
ร้าน Artisan cafe

Artisan cafe

โกโก้เย็น
 โกโก้เย็นที่นี่ แก้วละ 80 บาท แต่!! เป็นโกโก้ที่เด็ดที่สุด  ตั้งแต่เคยกินมา
ยังติดใจอยู่เลย  ไว้ไปเที่ยวใหม่ ต้องไปกินอีกแน่นอน +++

จากนั้น เราก็ออกไปกินก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขทัย แซ่บจริง 50 บาท แล้วแวะเข้าที่พักตอนบ่าย3
ชื่อที่พักคือ JAO hostel   เป็นโฮสเทลที่น่ารักและเป็นกันเองมาก  ข้างล่างเป็นบาร์ ตอนกลางวันขายกาแฟกับอาหารฝรั่ง ตอนกลางคืนเป็นบาร์ที่โคตรรร  ชิล  !!  ข้างบน เป็นที่พัก
คอนเซป ของที่นี่ คือ "เมาก็ขึ้นไปนอน" 55555+

Jao hostel
เห็นจากสภาพร้าน ก็โคตรชิลแล้ว    หลังจากกลับเข้าที่พักได้แป๊ปนึงอาบน้ำให้ชื่นใจ
แล้วก็เตรียมตัวออกไป สักการะ พระธาตุดอยสุเทพ ซึ่งถ้ามาถึงเชียงใหม่แล้วไม่มาวัดพระธาตุก็เหมือนมาไม่ถึง
อากาศก็โคตรเย็น  ทางขึ้นดอยก็สวย  สนุกจริงๆกับทริปนี้  บรรยากาศรอบๆอบอวลไปด้วย กลิ่นไส้อั่ว
เอ้ย ไม่ใช่  นักท่องเที่ยว ที่ต่างมีความศรัทธาเหมือนกัน
เหนื่อยเหมือนกันแฮะ
ถึงแล้วว วัดพระธาตุดอยสุเทพ
ต้องบอกเลยว่า งดงามจริงๆ  เจดีย์เป็นสีทองอร่ามสวยงามจริงๆ โดยวัดพระธาตุมีเรื่องราวเล่าว่า ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ที่นี่ ซึ่งก่อนหาพื้นที่ประดิษสถาณ  ได้ทำการเสี่ยงทายโดยให้ช้างมงคลเป็นผู้เสี่ยงทาย  ปรากฏว่า ช้างมงคลได้เดินมาถึงยอดดอยสุเทพแล้วก็ร้อง3ครั้ง พร้อมกับทำประทักษิณ3รอบแล้วล้มลง  จากนั้นจึงได้ทำการขุดหลุมและประดิษฐาณพระบรมสารีริกธาตุลงไป  ซึ่งณ ปัจจุบันเป็นวัดที่มีความสำคัญมากกับจังหวัดเชียงใหม่ ทางขึ้นเป็นบันไดนาค7ชั้น เปรียบเสมือนขึ้นสู่สวงสวรรค์ หลังจากสักการะเสร็จ

ก็ตัดสินใจขึ้นยอดดอยไปอีกเพื่อที่จะไปให้ถึงขุ่นช่างเฆี่ยน ซึ่งตอนนั้นเกือบ6โมงเย็น
ต้องบอกเลยว่าเมื่อขึ้นไปถึงดอยปุย และขึ้นไปอีกนิดหน่อย!! ก็ตัดสินใจลงดีกว่า
เนื่องจากทางแคบและไหล่ทางเป็นเหว และฟ้าก็เริ่มมืด อากาศเย็นจัดจนมือแข็ง
จึงตัดใจ รักษาชีวิตตัวเองก่อนดีกว่า  วันและเวลาอาจไม่พร้อมให้เราทำตามฝัน!!

ก็ไม่เป็นไร จึงบิดลงจากดอยด้วยอาการสั่นเนื่องจากอากาศเย็นมาก ผสมกับลมที่เข้าประทะ
ทำให้มือเกิดอาการเกร็งและต้องสลับกันขับกับน้องที่ไปด้วย 555+   ชีวิตหนอ บางทีการเดินทางมันก็ไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ 555 แต่สนุกมากๆ

จากนั้นเราจึงไปกินข้าวซอยที่อร่อยมากๆ นั่นคือ ข้าวซอยนิมมาน  ข้าวซอยบวกกับไส้อั่ว
ต้องบอกเรย  ว่าห้ามพลาด  อร่อยจริงๆ มากี่ทีก็ต้องมากินตลอด  อารมณ์ล้านนามากๆ
ทำให้อาหารอร่อยขึ้นเยอะ  ถ้ามาถูกช่วงจะมีการแสดง ฟ้อนรำ และกลองสะบัดชัย โชว์ฟันดาบ
อะไรแบบนี้ด้วยนะ


ข้าวซอยไส้อั่ว

ข้าวซอยนิมมาน

อารมณ์ล้านนา
เมื่อท้องเริ่มอิ่ม  เราก็มุ่งไปที่ think park เพื่อที่จะ ซื้อของอาร์ตๆได้ที่นี่  แหล่งรวมงานศิลปะเรยล่ะ
งานพี่โน๊ต อุดมก็มีนะ
งานอาร์ต





       แต่ที่เป็นไฮไลท์เลยคือ คอนเสิร์ตกลางสี่แยกไฟแดง ข้างถนน ซึ่ง จะมีจังหวัดไหนที่จะชิลได้เท่านี้อีกมั๊ย   แล้วคนดูก็คือ คนที่เดินอยู่บนฟุตบาตนั่นแหละ  นั่งดูกันเต็ม  นั่งกันตามพื้นบ้าง บันไดบ้าง
ลองคิดนะ  อากาศเย็นๆ  กับเพลงเพราะๆ  จิบอะไรอีกนิดหน่อย ต้องบอกเลยว่าฟินมาก
ชิลจริงๆ สำหรับคอนเสิร์ตกลางสี่แยก
ซึ่งต้องบอกเลยว่าผมไม่พลาดแน่นอน เพราะผมมาที่นี่เพื่อพักผ่อน 555+
นั่งแม่ง!! ข้างทางนี่ล่ะ  มีตัวอย่างควมชิล มาฝาก




หลังจากที่ฟังเพลงชิลๆ อากาศเย็น จิบอะไรเพลินๆ   ก็เริ่มตึงๆ กลับที่พักของเรา แน่นอนว่า
แหล่งรวมของต่างชาติเยอะขนาดนี้ไม่หลับสบายให้มันรู้ไป 555+
บรรยากาศ Jao hostel

แอร์มันเย็น ตาเลยจะหลับ




และผมเอง ก็ทำตามคอนเซป ของที่นี่ครับ 555555 +   " เมาก็ขึ้นไปนอน "
แอร์เย็นๆ เตียงนุ่มๆ  หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์จร้า  หมดไปกับวันแรกในเชียงใหม่


  ++++  +++   ติดตามวันต่อไปของผมกันต่อ ในบทความหน้านะ ^^  +++   ++++++


Popular Posts

Facebook