ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ไร่ชมอิน : สุพรรณบุรี CAMPING



บันทึกการเดินทาง

ณ วันที่ 14-15.12.19

จ.สุพรรณบุรี



    ครั้งนี้เราตั้งใจมาสุพรรณบุรี เป็นครั้งแรก  เนื่องจากลานกางเต๊นท์โซนสุพรรณ ค่อนข้างเยอะ  และ 1 ในนั้นที่เราเลือกคือ ไร่ชมอิน ที่ริมเขื่อนกระเสียว  เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ บ้านตาหรั่งกะลังเป็นประเด็น  เรื่องที่พักคูณ 2 เอาล่ะ  เราไปเริ่มเดินทางกันเลย

     โดยเราได้ทำการซื้ออาหารมาจากแม็คโครเรียบร้อยในราคา 8 ร้อยกว่าบาท โดยเมนูที่เราจะทำ ก็จะมี เสต๊ก เป็นแบบ พอร์คชอป เต็มๆ 4 ชิ้น โลกว่าๆ แล้วก็สันคอสไลด์ย่าง เมนูนี้ กินบ่อยมาก โดยเฉพาะสันคอ  หลักๆอาหารก็ประมาณนี้  เมื่อเราซื้อของเสร็จเรียบร้อย เราก็ออกเดินทาง มุ่งหน้ามาทางสุพรรณบุรี

  โดยระยะทางประมาณ 120 KM เท่านั้น  ครั้งนี้เราตั้งใจจะไปกางเต๊นท์กันที่ ไร่ชมอิน  หรือเขื่อนกระเสียวนั่นเอง   โดยครั้งนี้ต่างจากทุกครั้ง คือไม่ได้ซื้อแอลกอฮอล์เข้ามา ตั้งใจว่าจะเลิกกินแอลกอฮอล์





เราใช้เวลาประมาณ 3 ชม. ก็มาถึงที่ไร่ชมอิน ที่นี่ คิดค่าบริการ 100 บาทต่อท่าน และมีไฟฟ้าให้ต่อใช้งานได้  ซึ่งถือว่าสะดวกสบาย แต่เรามาถึงในช่วงบ่าย อากาศยังร้อนมาก  เลยเข้าไปทำการกางฟรายชีท เพื่อหลบร้อน และจัดแจงทำการย่างเสต๊กในมื้อกลางวัน 







โดยที่บรรยากาศนั้นชิวจริง สเต๊กก็รสชาติดี  การตั้งแคมป์คือการใช้ชีวิต OUT DOOR ต้องทำอาหารกินเอง สร้างที่นอนเอง ทำนู่นนี่นั่นด้วยตัวเอง นี่แหละเสน่ห์ของมันเลย




แต่เรายังไม่ได้ทำการกางเต๊นท์เนื่องจากรอให้ แดดอ่อนกว่านี้อีกหน่อย  เวลาผ่านไปประมาณ 5 โมงเย็น ก็เริ่มเข้าสู่ช่วงพระอาทิตย์ตกดิน เราเริ่มทำการกางเต๊นท์ เพื่อจัดแจงที่นอนให้เรียบร้อยก่อนจะค่ำซะก่อน


และสุดท้าย เราก็อดไม่ได้ ที่ครั้งนี้จะไม่มีแอลกอฮอล์ร่วมทริป ผมได้เดินไปซื้อจากทางรีสอร์ท ในขวดละ 80 บาท มานั่งจิบ ดูพระอาทิตย์ตก  ช่างเป็นภาพที่สวยงาม กับภาพตรงหน้า   เป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการพักผ่อนอย่างแรง



พระอาทิตย์สาดแสง เป็นสีส้ม ดวงโตเป็นไข่ดาว ทำให้บรรยากาศโดยรอบ ไม่น่าเบื่อเลย  และแสงสุดท้ายของวันนี้ก็ตกลงไป  แต่แทนที่ด้วยยุงและอากาศที่เริ่มเย็นขึ้น  เอาล่ะ  เราได้เริ่มมานั่งก่อไฟและย่างสันคอหมูสไลด์อีกรอบ  อร่อยมาก


กว่าจะกินกันเสร็จก็ประมาณ 3-4 ทุ่ม เตรียมตัวไปอาบน้ำนอนกันเถอะ  อากาศเย็นมากในคืนนี้
และหวังว่าพรุ่งนี้เช้าจะเป็นวันที่ดีเช่นกัน


15.12.19






เช้านี้พระอาทิตย์ขึ้นทางด้านหลังเรา ซึ่งเป็นภูเขา ทำให้เราไม่ได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นในวันนี้  หลังจากอาบน้ำแต่งตัว เราก็เริ่มมาเตรียมตัวทำอาหารเช้า ซึ่งมื้อนี้ก็เป็นอะไรง่ายๆ นั่นคือสุกี้น้ำ นั่นเอง  หลังจากเรากินเสร็จ เก็บของ ล้างจาน เราก็ได้เวลาเก็บเต๊นท์  เตรียมตัวเดินทางไปเที่ยวกันต่อ  โดยเราออกจากรีสอร์ทประมาณ 10 โมง  โดยที่เที่ยวแรกที่เราแวะคือ บริเวณเขื่อนกระเสียว



ต้องบอกว่าวันนี้อากาศ ค่อนข้างร้อน  เราเดินมาเที่ยวกันบริเวณ สันเขื่อนที่ทำจากดิน  หรือที่เรียกกันว่าเขื่อนดิน  ซึ่งมีไม่กี่ที่ในประเทศไทย  เราใช้เวลาที่นี่ไม่นานมากนัก แต่ช่วงเย็นน่าจะชิลกว่านี้เยอะ




หลังจากนั้นเราก็ไปเที่ยวกันต่อที่ วัดพระพุทธปุษยคีรี  ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 20 กว่ากิโล เมื่อไปถึง ที่จอดรถกลางแดดแบบไม่มีอะไรบังแม้แต่น้อย ต้นไม้ซักต้นก็หายากมาก 












แต่งานสร้างก็อลังการมาก เพราะแกะสลักจากหน้าผา เป็นภูเขาหินปูน ยิ่งใหญ่ดี และ unseen thailand  เราเดินเที่ยวกันได้ไม่นานมาก ประมาณ 1 ชม. เราก็ออกเดินทางกันต่อ
โดยเราไปที่ นาเฮียใช้ต่อ ไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด 












ก็คือเป็นเหมือนพิพิทธภัณฑ์ชาวนา ลูกชาวนา และวิธีการปลูกข้าวต่างๆ  ก็เพลินดีนะ มีจำหน่ายเมลดพันธุ์ข้าว ต่างๆอีกด้วย คือถ้าใครอยากศึกษาวิธีการปลูกข้าวอย่างจริงจังก็ควรมาที่นี่ เพราะมีความรู้ให้เราได้ศึกษาค้นคว้ามากมาย 














จากนั้นเราไปกันต่อ เราไปกันที่ พิพิทธภัณฑ์อนุรักษ์ควายไทย แน่นอนว่ามาที่นี่ก็จะเป็นเรื่องของควายล้วนๆ มีควายอยู่ที่นี่มากมายและมีการแสดงจากควายจริงๆเอามาโชว์กันให้ดูด้วย ผมได้ขี่บนหลังควายครั้งแรกก็ที่นี่ นี่แหละ














แต่ที่นี่คนไทยเสียค่าเข้าชม คนละ 30 บาท ผมว่าควรเสียนะ เพราะเค้าจะได้เอาไปซื้ออาหาร ค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่งั้นก็จะไม่มีที่นี่ให้เราได้ดูกัน และอยากชวนคนไทยไปเที่ยวกันเยอะๆ 
เพราะถ้าเราไม่อุดหนุนคนไทยกันเอง ต่อไปก็จะไม่มีเรื่องราวอะไรแบบนี้ให้เราได้ดูอีกต่อไปก็ได้













เอาล่ะ วันนี้ผมก็ใช้เวลาพอสมควร ออกจากพิพิธภัณฑ์ ก็ประมาณ 5 โมงกว่าแล้ววว เราก็มุ่งหน้ากลับกรุงเทพ โดยที่เรามาถึง กทม. ประมาณ 2 ทุ่มซึ่งถือว่าไม่ดึกมาก   และทริปนี้ก็จบลง

ก็ถือว่าเป็น 2 วันที่ได้ออกมาเห็นโลกกว้างมากขึ้น  ก็ดีกว่าอยู่ห้องเฉยๆ ไม่ได้สร้างแรงบันดาลใจให้เรา
ออกมาศึกษาวิถีชีวิต ผู้คนและสิ่งต่างๆอีกมากมาย  โลกใบนี้ก็ยังมีเรื่องราวที่น่่าค้นหาอีกไม่น้อยเลย

Popular Posts

Facebook