บาร์ลับ ณ เขาหลัก จ.พังงา
บันทึกการเดินทาง ณ วันที่ 10-12.08.19
ออกเดินทาง สู่จังหวัด ภูเก็ต
แต่เดี๋ยวก่อน จุดหมายเราไม่ใช่ภูเก็ต
แต่เป็น พังงวย 555+ พังงา ไอ้บ้าเอ๊ย...
จริงๆ วันนี้เราควรจะอยู่ลาวใต้แล้ว
แต่ป่วย ไปเดินป่าท่าจะไม่ดี
ยอมโยนเงินค่าจองทิ้งทะเลไป
และขอให้มันเป็นครั้งสุดท้าย
เอาล่ะ เรามาเริ่มทริปเรากันต่อดีกว่า
ออกเดินทางกันแต่เช้าเลยครับผม
ประมาณ 6 โมงเช้า เพื่อที่จะไปสนามบิน
วันนี้คนเยอะเป็นพิเศษ ก็แน่ล่ะ
มันเทศกาล นี่หว่า
ผม มาซื้อตั๋วเดินทาง รอบ 7โมง 50
แต่ผมมาถึง สนามบินเกือบ 7 โมงละ
5555+ ชิลเกิ๊น
เกือบไม่ได้โหลดกระเป๋าซะแล้ว
ก็ซื้อตั๋วหน้าเคาเตอร์มาในราคา 525 บาท
จากนั้น ก็ไปโหลดกระเป๋า
แล้วก็เข้าเกต เรทนิดหน่อย
แต่ถึงตรงเวลานะ
โดยวันนี้เราบินกับแอร์เอเชีย
บินคุ้ม คุณภาพครบ สโลแกนก็มา
ผู้สนับสนุนหลักของเรา
เอาล่ะเมื่อมาถึงสนามบิน รับกระเป๋า
ก็เดินออกมาโทรหาพี่พร
เพื่อให้ พี่เค้ามารับเราไปเช่ารถ
ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ที่เราใช้บริการแก
และเป็นครั้งที่ 4 ที่เรามาลง
สนามบิน ภูเก็ต
มาบ่อยเกิ๊น
และครั้งนี้ก็เหมือนเดิม มาเช่าคลิ๊ก วันละ 300 บาท
มัดจำ 1000 บาท ที่เปลี่ยน คือร้านแก
ย้ายไปอยู่ด้านหลัง
และในวันที่เรามา คือ พายุเข้า ฝนตกบ้างนิดหน่อย
นั่งคุยกับพี่พร ซักพักก็ได้เวลาแยกย้าย
แกตกใจนิดหน่อย ที่เราจะไปพังงา
คนเดียว เราบอกว่าจะไปเขาหลัก
เพราะครั้งที่แล้วไปตะกั่วป่า
ก็ผ่านเขาหลัก ไปเฉยๆ ไม่ได้แวะเที่ยว
ว่าเขาหลักนั้นมีอะไรบ้าง
หลังจากคุยเสร็จก็ได้เวลาออกเดินทาง
และผมก็ได้มาแวะเซเว่น เพื่อซื้อถุงดำมาคลุม
กระเป๋าเดินทางผมอีกที มันใช้ได้นะ
ดีด้วย เคยใช้ที่น่าน 1 ครั้ง
น้ำไม่เข้าเลยซักนิดเดียว
หลังจากแวะซื้อถุงดำ เนื่องจากป่วย
เพราะอาหารเป็นพิษ ก็เดินไปกินโจ๊กข้างๆเซเว่น
ในราคา 50 บาท แต่เหตุมันเกิด
หลังจากกินโจ๊ก คือ พอผมเดินกลับมาที่รถ
เอากุญแจ จะไขเพื่อเปิดที่บังกุญแจ
นึกภาพออกมั๊ย เวลาล็อคคอเสร็จ
มันจะมีให้เราเอาที่บังมาล็อคซ้ำอีกที
ไอ้ตรงนี้แหละที่มันเปิดไม่ออก
ตูดกุญแจ ก็กลัวมันจะบิ่น ก็ไม่กล้าฝืนแรงๆ
หมดหนทาง ดีที่ยังออกจากร้านไม่ไกล
นึกในใจ ว่ารถไม่ดีหรอเนี่ย
ซักพัก แฟนพี่พร แกออกมาดูให้ เรายื่นกุญแจให้
แกก็เอาไปไข แล้วซักพักแกก็เอากุญแจมาดู
แกก็ถามเราว่า นี่เอากุญแจใครมาไข
ไม่ใช่กุญแจร้านพี่นี่ เท่านั้นแหละ เราสังเกตุดูอีกที
เชี่ย !! กุญแจรถผมเอง กุญแจรถผม ที่จอดไว้สนามบิน
5555+ คือ รุ่นเดียวกัน คลิกเหมือนกัน
เรยไม่ทันได้สังเกตุ และไม่เอะใจเลย
หน้าแตกมาก 5555 พี่แกก็หัวเราะก๊ากเลยล่ะ
เออ คิดดูดิ เอากุญแจผิดดอกมากไข
แล้วมันจะไปออกได้ไงเล่า โคตรโง่เลย 555+
ตอนนั้นแอบเสียเซลฟ์นิดหน่อย
แต่ ชีวิตต้องไปต่อ ก็เริ่มออกเดินทาง
สู่จังหวัดพังงา ผ่านสะพานสารสิน
ไปทางตะกั่วป่า
ก็เป็นเส้นทางที่คุ้นเคย
ขับไปเรื่อยๆ จอดแวะริมทะเลดูคลื่นบ้างนิดหน่อย
ซักประมาณบ่าย ก็ถึงเขาหลัก วนหาที่พัก
อยู่นาน ตัดสินใจ เอาที่ๆถูกที่สุดในบุ๊คกิ้งนี่แหละ
เขาหลัก มาย โฮม
เป็นโฮสเทล เปิดอยู่หน้าอนุสรณ์ เรือตำรวจที่สึนามิพัดมา
แต่ไม่มีใครอยู่ ทำไงดีล่ะ ก็เลยหาเบอร์แถวๆนั้น
โทรไปดู ปรากฏว่าเจ้าของพาลูกค้าไปเล่นเซิร์ฟที่
เดียวกันกับที่ผมจะไป ก็เลยเอากระเป๋าไปเก็บไว้ข้างใน
แล้วก็ขับมอไซค์ไปเล่นเซิร์ฟที่บาร์ จร้า
อยู่ห่างจากที่พักประมาณ 10 กิโล
แล้วต้องเข้าไปจากถนนใหญ่อีก ประมาณ 2-3 กิโล
ก็ถึงแล้วจร้า ที่นี่มีชื่อว่า เมมโมรี บีชบาร์
เป็นที่รู้กันดีว่า หาดนี้ เค้ามาเล่นเซิร์ฟกัน
ก็จะมีครูคอยสอนเล่นเซิร์ฟ ราคา 1000 บาท
แต่ถ้าเช่าแค่บอร์ด 200 บาท ต่อ ชม.
ผมมาถึงก็สำรวจรอบๆ แล้วก็เดินไปสั่งน้ำมะนาว
มากิน เออ อร่อยจริง น้ำมะนาวอร่อยมาก
ราคา 80 บาท เบียร์ขวดเล็กตกขวดละ 70บาท
กินเสร็จก็ได้เวลาไปเช่าบอร์ดแล้วก็ลงทะเล
แต่วันนี้ อากาศไม่เป็นใจ พายุเข้า
คลื่น ไม่ค่อยก่อตัว แต่ก็ยังมีความพยายาม
ไปเล่นกันจนได้
ต้องบอกว่า เซิร์ฟ เป็นกีฬาที่เหนื่อยมาก
ต้องออกกำลังก่อนมาเล่นก็จะดีมาก
หาดที่นี่เงียบมาก คือเหมือนหาดส่วนตัวเลยล่ะ
ที่นี่เหมาะจะอยู่ จนถึงเย็นเลยล่ะครับผม
เพื่อดูพระอาทิตย์ตก ณ หาดแห่งนี้
แล้วบาร์แห่งนี้ก็ชิลมากๆด้วย
และมีบาร์แค่ที่เดียว ที่ตั้งอยู่หาดนี้
ที่หลบซ่อนตัวอยู่กลางป่า
แต่วันนี้ไม่มีพระอาทิตย์แฮะ
ก็ได้เวลากลับไปเขาหลัก เพื่อเข้าที่พัก
ก็กลับมาทั้งตัวเปียกๆแบบนั้นแหละ
นึกอยากกิน ชายสี่ หมี่เกี๊ยว
ก็เลยแวะกิน บะหมี่ น้ำร้อนๆ อีก 40 บาท
แล้วเจ้าของที่พักก็โทรมาว่าเราอยู่ไหนแล้ว
เค้าชวนกินหมูกระทะ แต่ไม่ทันแล้ว เรากินบะหมี่ไปแล้ว
กินเสร็จ ก็เข้าไปที่พัก
โดยเจ้าของยังเด็กอยู่เลย อายุ 22
แล้วก็มีลูกค้า อีก 1 คน ชื่ออาม ถ้าจำไม่ผิดนะ
เป็น นศ. ปริญญาเอก มาวิจัยเรื่องสึนามิ ที่นี่
ทั้ง 2 คน ก็ยังเป็นรุ่นน้องเราอยู่ดี
เราคุยกันซักพัก ก็ได้เวลาไปอาบน้ำกัน
โดยที่พัก คืนนี้ เราจ่ายไปคืนละ 230 บาท
โดยปฏิเสธ เรื่องหมูกระทะไป เพราะกระเพาะอาหาร
ยังไม่ค่อยจะดีซักเท่าไหร่ พออาบน้ำเสร็จ
ก็ได้เวลาออกไปสำรวจ ถนนคนเดิน เขาหลัก
หรือตลาดนัดบางเนียง นั่นเอง
ที่นี่ ก็เหมือนที่อื่นๆ เหมือนป่าตอง พัทยา
ไนท์บาร์ซ่า เชียงใหม่ ไม่ต่างกัน
คือจะมีอาหารขายนักท่องเที่ยว
เสื้อผ้า ของฝาก ร้านนั่งชิว
ดูแล้วไม่มีอะไร แล้วก็กินเบียร์ก็ไม่น่าจะได้
ก็เลยกลับดีกว่า คือตอนนี้ต้องระวังเรื่องกินมากเลย
อยากหายไวไวแล้ว
นี่เป็นทริปแรกหรือนี่ ที่ไม่มีแอลกอฮอล์
กลับห้องก็เข้านอน อย่างสบายใจ
แต่รู้สึกว่าฝนจะตกๆหยุดๆ ตลอด
แล้ววันนี้ก็หมดไปอีก 1 วัน
11.08.19
เช้านี้ ผมตื่นมาด้วยเสียงฝนจริงๆ
เมื่อคืน ฝนตกทั้งคืนจริงๆ เนื่องจากพายุเข้า
ตอนแรกตั้งใจว่าจะอยู่ที่นี่ 3 วัน 2 คืน
เพื่อเล่นเซิร์ฟ แต่ดูสภาพอากาศแล้ว
วันนี้ไม่น่าเล่นได้ เช้านี้ผมเลยลงไปนั่ง
ชงไมโลกิน นั่งดูฝนอยู่หน้าที่พัก
ชิลมากเลยอ่ะวันนี้ คิดไปคิดมาตัดสินใจว่า
วันนี้กลับไปภููเก็ตดีกว่า อยู่นี่ก็คงจะไม่มีอะไร
ไปภูเก็ตอาจจะได้เดินเล่นบ้าง
พอขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟัน
น้องเจ้าของก็ขึ้นมาชวนไปกินติ่มซำ
คราวนี้ผม ไม่ปฎิเสธ ไปครับผม
ก็ไปรถน้องนั่นแหละ อยู่ไม่ได้ไกลจากที่พักมากนัก
หลังจากลงรถ ก็สั่งติ่มซำกันอย่างบ้าคลั่ง
แล้วก็คุยกันถึง เรื่องชีวิตความเป็นมา
จะเป็นไปทางผมมากกว่า ที่เล่าชีวิตให้ฟัง
คุยกันนานมาก เกือบ 2 ชม.ได้
พอเราคุยยเรื่องชีวิตให้ฟัง เหมือนจะเหวอไปนิดหน่อย
5555+
เช็คบิล จ่ายไปคนละ 120 บาท
ระหว่างที่นั่งกิน ก็เห็นฝรั่ง 2 คน เดินตากฝน
โคตรชิลไปไหนไม่รู้ ยังนินทากันอยู่เลย
ว่าฝนบ้านเราไม่เหมือนบ้านมึงนะเว้ย
ปรากฏว่ากลับไป เจอฝรั่ง 2 คนนั้น นั่งอยู่
555+ โลกกลมจริง
คราวนี้ก็ได้เวลา ร่ำลากันแล้ว
เช็คเอาท์ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อย
ได้เวลาออกเดินทางซักที
แต่ผมดันลืมคืนกุญแจห้อง 5555
แล้วน้องมันก็ไม่ยอมทวงหรอกนะ แหม่
พอออกไปได้ไม่เท่าไหร่ โอ้โห
ฝนเทลงมาหนักมาก แต่โชคดีมีเสื้อกันฝน
แต่เราต้องขับแบบนี้ไปอีก 100 กิโล เพื่อไป
เมืองภูเก็ต ขับไปเรื่อยก็หิว
ก็เลยแวะซื้อ ไก่จ๊อห้าดาวมากิน
จากนั้นก็เดินทางต่อ อย่างรวดเร็ว
มาถึงเมืองภูเก็ตแล้ว แต่ยังไม่รุ้เลยว่าจะพักไหนดี
หาที่พักนู่น นี่ นั่นอยู่นาน
เข้าร้านนู้น ออกร้านนี้
ปรากฏว่าพักที่เดิมแหละ ง่ายดี
beehive hostel เมื่อปีที่แล้วก็มาพักที่นี่
ราคา 170 บาท ได้ผ้าเช็ดตัว 1 ผืน
แล้วในห้องไม่มีคนพักเลย มีเราคนเดียว
คุ้มราคามาก เปิดแอร์เย็นฉ่ำไปเรยจร้า
เก็บของ ก็ออกไปเดินเล่น หลาดใหญ่จร้า
หลาดใหญ่ ภูเก็ต อยู่ไม่ไกลจากที่พัก
เดินแป๊ปเดียวก็ถึง มีเฉพาะวันอาทิตย์
เป็นเหมือถนนคนเดินของภูเก็ตแนะนำของกิน
ถูกมาก แต่อย่างที่บอกกะเพาะมีปัญหา
กินไรไม่ได้เลย เลยไปหาโกโก้ อเมซอนกิน
นั่งกินไปดูร้านหนังสือไปอีกซักพัก
ก็เข้าที่พัก เพื่ออาบน้ำนอน
ซื้อฟริงเกิลมากินอีก กระป๋อง
โดยที่มีเราอยู่ในห้องนี้คนเดียว โคตรดี
อาบน้ำเสร็จ ก็มานอนดูหนัง เรื่อง
สึนามิ ภูเก็ต ของฝรั่ง
เนื้อเรื่องพูดถึงเขาหลัก เป็นหลักเลย
แล้ววันนี้ มีข่าวว่า น้ำท่วมพังงาหลายจุด
ดีนะ ที่เราออกมาจากพังงาแล้ว
ไม่งั้น ไม่รู้ว่าจะติดอยู่ในจังหวัดพังงารึเปล่าก็ไม่รุ
เพราะฝนตกที่นั่นทั้งวันจริงๆ แล้วตกแรงมาก
แต่พอมาภูเก็ตกลับไม่มีฝน
มีบ้างนิดหน่อย แล้วคืนนี้ก็ผ่านไปอีกคืน
เป็นคืนที่แสนธรรมดามาก
ไม่ได้ไปเที่ยวไหน เพราะฝนตก
แล้วก็เคยมาหลายรอบแล้ว 555+
รู้งี้ไป เชียงใหม่ดีกว่า
12.08.19
เช้า ที่ต้องตื่นแต่เช้า เพราะว่าวันนี้ ต้องคืนรถ 10 โมง
ตื่นมาประมาณ 6 โมง ออกไปเดินเล่น
ย่านเมืองเก่าภูเก็ต ในยามเช้าที่คนไม่พลุกพล่าน
นี่มันก็เป็นความรู้สึกที่ดีเหมือนกันนะ
เงียบ สงบ เดินคนเดียว
อากาศเย็นๆ คิดอะไรเพลิน มองไปทางไหนก็โล่งตา
เราเดินกันได้ไม่นาน ก็รีบกลับมา
อาบน้ำแต่งตัว เก็บของ เช็คเอาท์
เตรียมตัวไปสนามบิน เราใช้เวลา ประมาณ 40 นาที
ก็ถึงบริเวณหน้าสนามบิน ด้วยความหิว
เลยลองกินร้านข้าวมันไก่ ที่เพิ่งเปิดใหม่
และแวะซื้ออเมซอน ในวันนี้ที่เป็นวันแม่
ทางอเมซอนได้แจกคุ๊กกี้ฟรี ในวันนี้
โดยร้านข้าวมันไก่ที่เพิ่งเปิดใหม่ รสชาติไม่เลวเรยทีเดียว
ราคาก็ไม่ได้แพงมากนัก แค่ 50 บาท
กับทำเลหน้าสนามบิน
หลังจากเรากินอิ่มก็ได้ขับรถไปคืนพี่พร
แต่พี่พร ไม่อยู่ไปหาแม่ที่ต่างจังหวัด
อยู่แต่พี่สาวของพี่พร ทำการรับรถคืน แล้วรับเงินมัดจำ
1000 บาท คืน เป็นอันเสร็จสิ้นทริปนี้
จากนั้นพี่สาวของพี่พร ได้ขับรถไปส่งเรายังสนามบิน
และเข้าไปทำการซื้อตั๋วของแอร์เอเชีย
ในราคาเท่าเดิม ไฟล์ทบินเวลา 11.50
จากนั้นเรา ได้เช็คอิน โหลดกระเป๋า
และเข้าไปยังบริเวณหน้าเกต และแลกรับ แดรีควีน
ด้วยสิทธิ์พิเศษ เซเรเนด ฟรี อีกเช่นเคย
แต่คราวนี้ ผมกลับได้น้ำอัดลมแทน
แต่กินไม่ได้เนื่องจากกระเพาะอาหารยังมีปัญหา
ก็เลยจำใจทิ้งไปก่อน
พอได้เวลา เราก็เดินขึ้นเครื่องบินกลับดอนเมือง
เรามาถึงดอนเมืองเป็นช่วงเวลาบ่าย
รับกระเป๋า แล้วก็เดินไปขี่รถมอไซค์กลับห้อง
มาถึงห้องตอนบ่าย 2
ผมรีบอาบน้ำ แล้วก็จะนอนพักผ่อน
แต่นอนไม่หลับ มันไม่ใช่เวลานอน
ได้แต่คิดว่า เราได้อะไรจากทริปนี้บ้าง
ทริปนี้เราไม่ค่อยได้อะไรเลย เพราะอาการป่วย
ที่ทำให้เป็นอุปสรรคหลายๆอย่างด้วย
แต่อย่างน้อยเราก็ไม่ได้ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ค่า
ได้ไปในที่ๆอยากไป แค่นี้มันก็คุ้มแล้ว
แต่รู้สึกว่าตอนนี้ อยากจะไปไหนซักที่
กับเวลาที่เหลือของวันนี้
นึกได้แบบนั้น ก็ออกไปหาไรกิน แล้วก็นั่งคิด
ว่าเราจะไปไหนได้กับเวลาที่มีอยู่
ตอนนี้ก็เป็นเวลา 5 โมงเย็นแล้ว
ก็ไปตกที่ ถนนข้าวสาร
พอคิดปุ๊ป ก็ไม่มีการกลั่นกรองใดๆ
ไปเลย ตาามใจอยาก
ขึ้นรถเมล์ 166 ไปเลยจร้า
2 ต่อ ก็ถึงอนุสาวรีย์ ต่อสาย 92 ไปอีกต่อเดียวก็ถึง
สี่แยกคอกวัว แล้วก็เดินเล่น
ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อย เดินไปเดินมา
เออ อยากจิบเบียร์ ลองซื้อเบียร์ขวดเล็กมา
ลองจิบๆไปดูว่าอาการ เป็นไงบ้าง
ปรากฏว่าดีขึ้นจร้า ก็เลยนัดเพื่อนว่า
อาทิตย์หน้า มาเที่ยวที่นี่ใหม่
หลังจากอาทิตย์นี้ไม่ได้แตะเลย
แต่อาทิตย์หน้า ขอแบบเมาเละ
เอาแบบ ไม่กลับบ้านกันเลย
หานอนโรงแรมแถวนี้แหละ ขนาดนั้น
ได้ทีเราก็โทรนัดเพื่อนเรยครับผม
เที่ยวคนเดียวก็อิสระดี ไม่ต้องรอใคร
อยากทำไรก็ทำ ชีวิตมันง่ายมาก
อยากกลับ เราก็เดินกลับไปขึ้นรถ ชีวิตง่ายๆ
ขากลับก็เดินไปรอรถสาย 59 ไปลงอนุสาวรีย์
แวะกินเสต็กกะสปาเก็ตตี้ ของ JEFFER
อีก 2 จาน 3 ร้อยกว่าบาท อิ่มไปดิ
ขึ้นรถ ตู้กลับบ้านอีกต่อ ลงรถตู้เดินกลับห้อง
อีก กิโลกว่าๆ ชิวๆ
จบทริปวันนี้ ที่ 4 ทุ่มครึ่ง จร้า
การเดินทางใกล้หรือไกล อย่างน้อย
มันก็มีคุณค่า ต่อความทรงจำ
--------------------------------------------
แล้วเจอกันซักที่ บนโลกใบนี้