ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2561

ไปชิลที่วังเวียง....กับเมืองที่เป็นดั่ง สวรรค์ที่สูญหายไป EP.3


ซากุระบาร์ แห่งวังเวียง





วันนี้เราตื่นเช้ามากับวิว ที่สดใส หลังจากเมื่อคืนจัดหนักกันไป สุดเหวี่ยงกันไป  ก็ตามสูตรน้องผมไม่ตื่น
5555 ขนาดกลับห้องยังกลับไม่ถูก จะไปตื่นได้ยังไงล่ะ

วิวจากห้องพัก ช่างชิลอะไรเช่นนี้

ผมเลยไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วจะไปเช่ารถมอเตอร์ไซค์ ไปน้ำตกกับน้องอีกคนที่ไม่ได้ไปบาร์เมื่อคืน
คราวนี้ ลงมากินอาหารเช้าแล้วไปเช่ารถ วันละ200บาท ไปเติมน้ำมันอีกนิดหน่อย ขับไปหาเส้นทางไปน้ำตก  ทางธรรมชาติมากๆ ลัดเลาะไปทางหมู่บ้านเข้าไปลึกหลายกิโล ฝนก็เริ่มเทลงมา
แต่ใครจะสนกันล่ะ มาขนาดนี้แล้วเว้ยยย




แวะซื้อเบียร์ร้านค้าข้างทาง แล้วลุยเลย หลงบ้าง จอดถามชาวบ้านบ้าง เจอสาวๆนั่งจกข้าวเหนียวกันอยู่หน้าบ้าน localมากเลยอ่าา  สาวลาวเค้าผิวดีกว่าสาวไทยอีกมั๊งเนี่ย

ขนาดจกข้าวเหนียวยังน่ารักเลย  แต่ดูเหมือนจะอายหนุ่มๆไทยอย่างเราเหมือนกัน 5555555





แต่ถึงกระนั้น เราก็ไปเจอด่านทางเข้าน้ำตกซักที เสียค่าเข้าอีกแล้ว ค่าด่านที่วังเวียงนี่เยอะมากอ่ะ ค่าข้ามสะพาน ค่าเข้าในแต่ละที่ ตีเฉลี่ยไป40บาทต่อที่ มันก็เยอะอยู่นะ เพราะไปหลายที่เหลือเกิน
ไปกัน2คนนี่แหละ มัวแต่รอ คงไม่ได้ไป   ก็โอเครนะ มาถึงจุดที่ต้องจอดมอเตอร์ไซค์ แล้วต้องเดินต่อเข้าป่าไปอีกประมาณ 500เมตร  เราก็เจอน้ำตกที่สูงใหญ่ แต่แอบกลัวน้ำป่าอยู่นะ เพราะเราอยู่กันต้นน้ำเลย น้ำป่ามาเราตายแน่ๆ ฝนก็ยังคงตกไม่หยุดเรย   ดื่มด่ำกับธรรมชาติอยู่สักพักก็ลงไปแช่น้ำตกซักหน่อย จิบเบียร์เย็นๆ ช่างเป็นอะไรที่โคตรชิล  ไม่นานก็มีฝรั่งสาว2คน เปลี่ยนชุด บิกินี่ แล้วลงมาเล่นน้ำตกกัน2คน ทำให้บรรยากาศค่อนข้างเพลินเข้าไปอีก 555 

จากนั้นก็มีชายเกาหลี2คน เดินมาเห็นน้ำตก ก็ร้องดีใจกันใหญ่ เหมือนคนไม่เคยเจอน้ำตก จากนั้นพวกมันก็กระโดดลงน้ำตก โดยที่ไม่เปลี่ยนชุดกันเรยยย โคตรบ้า 555





ระหว่างทางกลับ เจอไก่อะไรไม่รู้ ตัวโคตรใหญ่เรยยยยยย ตกใจ นึกว่าตัวอะไรวิ่งผ่าน 5555








หลังจากดื่มด่ำกับน้ำตกประมาณ2ชม. เราก็ออกมาหลบฝนที่กะลังจะตกหนักกันด้านนอก ที่เป็นร้านค้าพอฝนหยุดเราก็ตัดสินใจกลับบบ แต่ทางกลับนี่ต้องบอกเรยว่า  เละ เละ ลื่น ฝนที่เหมือนจะหยุดไปแล้วก็กลับมาตกอีกครั้ง ฝนก็ยังคงตกอย่างต่อเนื่อง แต่เราไม่หวั่น ขับลุยฝนแม่งไปเลย เก็บกล้องไว้ใต้เบาะแล้วก็ลุยยย ซักพักโครมมม 555





ลื่นจร้าาาาา  แต่ดีที่รถไม่เป็นไร คนก็ไม่เปนไร แต่ชุดโคตรเปื้อน กลับไปถึงที่พักไปรับน้องที่มันยังเมาอยู่ ไปกินข้าวแล้วก็ไปกันต่อที่บลูลากูน 3 แน่นอน เสียค่าเข้าอีกเช่นเคย ไกลกว่าบลูลากูน1  น้ำก็ฟ้าดี แต่ความสูง ที่โดด สูงกว่าบลูลากูน1เยอะมาก ดูแล้วเสียววว ผมไม่อยากโดด เพราะกลัวเปียกเพราะเราต้องไปขึ้นผาเงินต่อในวันนี้  ที่นี่ด้านหลังเป็นภูเขาหิน ซึ่งใหญ่และเป็นธรรมชาติมากๆ  ธรรมชาติที่นี่ยังคงสมบูรณ์และสวยงามจริงๆ  จากนั้นก็มีกลุ่มฝรั่ง มาโดดน้ำกัน ตีลังกากันอย่างเท่ มันทำให้ผมคิดนะว่า อะไรที่เรามีต่างจากฝรั่งพวกนี้ ทำไมเค้าถึงกล้าทำอะไรแบบนี้ ทั้งๆที่ร่างกายเราก็มีทุกอย่างเหมือนกัน


หรือจริงๆแล้ว เราไม่เคยรู้ว่าเรามีพลังงานที่มันซ่อนอยุ่ภายในจิตใจของเรา  เพียงแต่เราต้องหาทางปลดปล่อยมันออกมา ผมว่าจริงๆแล้วทุกคนมีความกลัวว  ถ้าไม่มีความกลัว ความกล้าจะไม่เกิด จากนั้นก็ได้เวลาไปขึ้นผาเงินกันนน   วันนี้เราออกมาบ่าย3 กว่าจะเตรียมของซื้อน้ำ จ่ายค่าผ่านประตู 4โมงครึ่ง ได้เริ่มเดินขึ้น ซื้อน้ำสปอนเซอไปแค่กระป๋องเดียวเท่านั้น แล้วก็ลุย



ทางเดินค่อนข้างเป็นป่าดิบ แสงแดดส่องถึงบ้างไม่ถึงบ้าง ทางเดินชัดเจน แต่ไม่กว้างนัก เป็นทางเดินขึ้นตลอดเส้นทาง ไม่มีทางราบบ จากทางที่มีอิฐบ็อกขั้นบันได ก็เป็นดิน และเป็นหินที่เราต้องระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากทางชันและลื่น หินลํกษณะเป็นหินตัด ห้ามล้มเด็ดขาด ขาหักหัวแตกแน่นอน จนเดินขึ้นมาได้ครึ่งทาง  น้องผมในกลุ่มบอกว่าเดินต่อไม่ไหว เราเลยให้นั่งพักก่อนว่าจะไปต่อหรือจะลง

สรุปน้องผมตัดสินใจลง แต่ผม2คนก็ยังคงต้องไปต่อ แต่เวลาก็เริ่มเข้าใกล้พลบค่ำทุกที ตลอดเส้นทางไม่เจอใครเดินสวนลงมาเลย จนเวลา5โมงครึ่ง เดินขึ้นมาถึงทางแยก ไปcold water กับ ขึ้นยอดผาเงิน
เห็นฝรั่ง2คนเดินมาจากทางยอดผา เรยถามว่าประมาณกี่นาทีกว่าจะถึงยอด เค้าบอกอีกครึ่งชั่วโมง เราก็แบบ เอาไงดีวะ ใกล้มืดแล้วด้วยยย เค้าเลยแนะนำให้ไปทางcold water ซึ่งใช้เวลาแค่ไม่ถึง10นาที



เพราะคาดว่าไม่น่าจะมีใครอยู่ด้านบนยอดอีกแล้ววว จะเป็นอันตรายป่าวๆ เพราะงูจะเริ่มออกตอนกลางคืน จจึงตัดสินใจไปอีกทาง ถึงแม้จะเป็นแค่จุดชมวิว จุดพัก ก็สวยงามไม่แพ้ด้านบนเลย เราเลยคิดว่าครั้งหน้ามาอีกเราจะมาซ่อมที่นี่อย่างแน่นอน วิวทิวทัศน์โคตรดี ธรรมชาติสุดๆ ผมแนะนำให้มาหน้าฝน เพราะป่าจะเขียวมาก บวกกลิ่นไอฝน แถมแดดไม่ร้อน

หลังจากชมวิวเสร็จก็เดินลงมา ระหว่างเดินลงทางลื่นมาก เกือบล้มหลายครั้งมาก ล้มไปงานเข้าแน่นอน
เดินไปซักพัก ก็มีฝรั่งสวนมา เราก็ฮะ  นี่ยังจะขึ้นไปอีกหรอ ทางแทบจะมองไม่เห็นละ ฝนก็กะลังจะตก เค้าถามเราว่าอีกไกลมั๊ย เราบอกประมาณ10นาทีจะถึงทางแยก เราเลยแนะนำให้เค้าไปทางเดียวกับเรา
แต่จริงๆไม่ควรไปบอกว่าเค้าควรจะไปทางไหนนะ ต้องให้เค้าตัดสินใจเองงงง เราคงเป็นห่วงเค้ามากไป 55555 เราใช้เวลาประมาณ40นาที ก็เดินลงมาถึงด้านล่าง ก็มีน้องที่ลงมาก่อนนั่งคอยอยู่  ก็แวนซ์กลับไปแวะกินข้าวแถวๆที่พัก  หลังจากนั้นไม่นาน ฝนก็โหมตกลงมากระหน่ำ  เรานึกถึงฝรั่งที่เพิ่งเดินสวนขึ้นไปเลย ว่ามันจะเป็นยังไง มืดก็มืด ฝนตก น้ำป่า ทางลื่น โอ้โห แต่มานึกดูอีกที เราก็อยากลองเจออะไรแบบนี้ดูบ้าง คงเป็นประสบการณ์ที่ดีไม่น้อยยย 


หลังจากนั่งกินข้าว พี่มั่นก็เดินมาหาพวกเรา  ที่ร้านข้าว แกไปหลวงพระบางมาแล้วกลับมาวังเวียง แกบอกจะไปพายคายัค พรุ่งนี้ จากนั้นเราก็นัดกันไปกินร้านนมฟังดนตรีสดชิลๆ ตอนดึกๆ เราก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเดินไปตามร้านที่แกบอก ก็เป็นดนตรีสด ร้านน่านั่ง มีน้ำและอาหารขาย เบียร์นอกเยอะแยะ แต่วันนี้ขอสั่งเป็นเมนูนม  พักบ้างแอลกอฮอล์ นั่งฟังดนตรีสดไป คนที่นี่เล่นเพลงไทยนะครับ
แต่เป็นคนลาวแต่ร้องเพลงไทย แต่มีเพลงนึง ที่เป็นเพลงลาว พอดนตรีขึ้นเท่านั้น!! ผมรุสึกว่ามันเพราะมาก เพราะตั้งแต่ดนตรี introขึ้นมาเลย  ผมเลยตั้งใจฟัง  สรุปคือเพราะมาก  กลับมาคืนนั้น ผมเปิดยูทูปฟังทันที  เพลงแทง ของต่าย ศิลปิน สปป.ลาว  ลองไปหาฟังกันดูได้นะ


รุ่งเช้าเราตื่นขึ้นมา พร้อมกับฝนปรอยๆ อาบน้ำ แต่งตัว กินอาหารเช้า เรายังคงพักกันที่เดิมไม่เปลี่ยนเลย4คืนติด เช้านี้เราไปกันที่ วังเวียงธารา รีสอร์ท  คือเข้าไปถ่ายรูปเฉยๆ 5555
ปกติเค้าไม่ค่อยให้คนนอกเข้ามาถ่ายกัน เนื่องจากจะมารบกวนแขกที่เข้ามาพัก ที่รีสอร์ทนี้ แต่เนื่องจากเจ้าของเป็นคนไทยจร้าาา เลยคุยง่ายๆ เข้าใจกันง่าย ก็ขอเค้าดีๆ เค้าก็ให้ ที่นี่คนไทยก็มาถ่ายรูปเยอะมาก  เพราะวิวดี มีทุ่งข้าวเป็นพร็อพ และวิวด้านหลังเป็นภูเขา   หลังจากถ่ายรูปเสร็จ  ก็เดินกลับมาซื้อของฝาก แต่ผมไม่รุจะไปฝากใครก็เรยไม่ได้ซื้อ 5555   จากนั้นก็กลับไปถามที่ tubing ถามราคา แต่น้องผมมันค่อนข้างกลัว เพราะน้ำไหลเชี่ยววว จริงๆแล้ว การtubingที่ดี และชิลที่สุดคือ น้ำน้อยๆ ค่อยๆไหลไปเอื่อยๆ จิบเบียร์ไป นั่งลอยห่วงยางชมวิวไป และแวะฟังเพลงบาร์น้ำที่มีตลอดทาง  แต่นี่เรามาหน้าฝนน้ำสูง ไหลแรง อาจเป็นอันตรายได้ถ้าเล่นคนเดียว หรือไม่มีใครรู้เห็น  ซึ่งเรามาที่นี่ กิจกรรมนี้คือไฮไลท์ของงานเลย แต่กลับไม่ได้เล่น 





แต่ไม่เป็นไรไว้มาอีกครั้ง วันนี้ผมเลยเดินออกไปถ่ายรูป ตามหมู่บ้าน ชุมชนแบบlocalจริงๆ ไปทุ่งนาของใครก็ไม่รุ  ก็เจอคุณตาคุณยายกำลังจะไปนาพอดี ก็ทักเรา เหมือนเราเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไป ตลอดข้างทางมีแต่รอยยิ้มให้ผมอย่างเดียวเลยยย แถมกล้วยให้ผมด้วยก็มี  คนลาวน่ารักจิงๆ

แต่ทุ่งนาที่นี่เขียวชอุ่มดีมาก ตัดกับภูเขาที่อยู่ด้านหลัง ช่างเป็นวิวที่โคตรสวยงาม  ผมเดินไปอยู่กลางทุ่งนา รับรู้และสัมผัส สูดอากาศความเป็นธรรมชาติ อยู่เพียงผู้เดียว ในวันสุดท้ายในวังเวียง
หลังจากเดินเล่น ถ่ายรูปอยู่นานพอสมควร ก็กลับที่พัก ตอนอยู่ที่พักผมก็มีดวลโต๊ะบอลกับเจ้าของที่พักซะหน่อย เค้าต่อให้เราเล่น2คนตัวเค้าคนเดียว สรุปผมสู้ไม่ได้ ไปตามน้องอีกคนมาช่วย คราวนี้ไม่เหลือ 5555 3ต่อ1 ถ้าไม่ชนะก็บ้าไปแล้ววว

 หลังจากนั้นก็ ไปอาบน้ำ พักผ่อน กินมื้อเย็น เราแวะไปกินโรตีที่วังเวียง โรตีที่นี่ เค้าบอกไม่เหมือนที่อื่น เราเลยสั่งโรตีเลมอน บวก ช็อกโกแลตไป สิ่งที่ได้คือโรตี โรยผงคนอร์มะนาวและราดซอสช็อคโกแลต ลงตัวสุดๆ อร่อยมากกกก ไปลองกันนะ


 แล้วไปซากุระบาร์กับน้องขี้เมาอีกคนคืนสุดท้าย  แต่คืนนี้ฝนดันตกแรงมาก ทำให้ทุกคนต้องเข้าไปเต้นกันในร้าน  ฝรั่งบางคนก็ออกมาเต้นกันกลางฝน ก็ชิลไปอีกแบบบ อยากทำอะไรก็ทำ เพราะชีวิตมันเป็นของเรา ไม่ใช่ของใคร



และนั่นทำให้ผมรู้จักกับกลุ่มคนไทย ที่เข้ามาเที่ยววังเวียง จากนั้นเค้าก็บอกเราว่าอยากคุยกับสาวเกาหลีรึป่าววว  เราบอกไม่เปนไร แต่พี่เค้าก็เดินเข้าไปคุยกับสาวเกาหลีเรียบร้อยยย 55555
ส่วนใหญ่คนเกาหลี จะระวังตัวเป็นพิเศษเวลาอยุ่ต่างแดน จากที่ผมสังเกตุอ่ะนะ   แต่2สาวนี้ ค่อนข้างเฟรนลี่เลย




หลังจากเต้นกันด้านในจนถึงเที่ยงคืน เราก็นึกได้ว่าวันนี้มีafter party คืนวันศุกร์  แต่พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า เพื่อเดินทางกลับไทย กลัวน้องมันจะไม่ตื่น ก็เลยไม่ไปดีกว่า เดินออกไปกินข้าวเปียก ช่วงระหว่างกินข้าวเปียก ฝนก็เริ่มตกลงมาอีกครั้ง แล้วมันรุนแรงมากกก  แต่นั่นไม่ได้ทำให้after partyจบลง  รถโดยสารที่จอดรออยู่หน้าร้านซากุระบาร์ เป็น10คัน ก็เริ่มทยอยวิ่งไปที่จุดหมาย ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน เห็นแตต่ฝรั่งและเกาหลี โหนรถตากฝนไปกัน คงจะสนุกมากจริงๆ  ถ้าผมมีเวลามากกว่านี้ ผมไม่พลาดแน่นอน 


กินเสร็จก็เข้านอน และเช้าวันถัดไปก็เก็บของสัมภาระ เดินทางกลับไทย  ก่อนกลับเจ้าของก็เดินออกมาส่งเรา แล้วก็ให้เราไปรีวิวหน่อยเพราะเรามาพักหลายวัน เค้าน่าจะจำพวกผมได้แน่นอน  rock backpacker
ใครไปก็อย่าลืมไปแวะพักกันน้า ไม่แพงเลย  บริการดีด้วยย


จากนั้นเราก็กลับเป็นรถทัวร์ ที่ซื้อตั๋วไปถึงหนองคายเลย แล้วก็ไปต่อรถไฟนอนตู้ใหม่เวลา18.00 ข้ามคืน กลับ กทม. ถึงกทม.ก็เช้า วันอาทิตย์ เป็นอันจบทริป

ในระหว่างการเดินทางแน่นอนว่าเจอเรื่องราวต่างๆมากมาย แต่สิ่งนึงที่เราได้เห็นได้สัมผัสจริงๆ ก็คือตัวตนของเราเอง เวลาเราเดินทาง เราจะรู้ตัวเองทันทีว่า เราชอบอะไรไม่ชอบอะไร รู้สึกอย่างไรในแต่ละช่วงเวลา  เหมือนหนังที่ต้องเล่นจนจบ แน่นอนทริปเราก็เหมือนกัน เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ควรเดินต่อไปให้มันจบ เพราะสุดท้ายมันจะกลายเป็นเพียงความทรงจำที่จะอยู่กับเราตลอดไป






















Popular Posts

Facebook