ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันพุธที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2567

ชีวิตติดลบ ที่ฮอกไกโด EP.2

 



DAY 2 

เช้านี้อุณหภูมิ ก็ต่ำเหมือนเดิม
วันนี้มีแพลนไป Hill of Buddha
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เรากินราเมน คัพ
ที่ซื้อมาเมื่อคืน ก่อนออกจากห้องเลย 
จะได้ไม่เสียเวลาแวะกิน


เลยเดินไปขึ้นรถไฟที่ ซูซูกิโนะ ซึ่งก็ประมาณ 700 เมตรอยู่นะ
แล้วก็ซื้อตั๋วไป MAKOMANAI คือสุดสถานีเลย ราคา 290 เยน


แล้วก็มาขึ้นรถไฟ ไปสุดสายสีเขียว




ลงสถานี makomanai เรียบร้อย
ออกจากสถานีก็จะเจอ สถานีรถบัสต่อ
รอบนี้เราต้องเข้าไปรอในห้องรอรถบัส Local
เพราะจะเป็นรถที่วิ่งออกนอกเมือง 




สาย 108 นะถ้าจำไม่ผิด คือเราก็ไม่แน่ใจเลยเข้าไปถาม
เจ้าหน้าที่ ที่อยู่ที่สถานี
เขาบอกว่าให้มารอที่ห้อง แล้วจะมีรถบัสเข้ามาตามช่อง
แล้วก็ขึ้นได้เลย ลงตรงไหน เราก็จ่ายตังค์ตามระยะทาง


และนี่ก็คือห้องนั่งรอ รถบัส


เมื่อรถมาถึง เราก็โดดขึ้นรถบัสเกือบไม่ทันแหนะ
เพราะที่ญี่ปุ่นเขาจะไม่รอ ถ้าเข้ามาเทียบชานชาลา
ให้รีบเดินไปขึ้นเลย ถ้าไม่งั้นตกรถแน่นอน



บรรยากาศระหว่างทางขึ้นเขา สวยมาก
เริ่มเห็นหิมะหนักขึ้นเรื่อยๆ




และในที่สุด รถก็เขามาจอดข้างในเลย
สภาพตอนนี้ ขาวโพลนไปด้วยหิมะ และหิมะกำลังโปรยเลย ตอนนี้



เดินออกมาข้างหน้า ก็จะเจอกับรูปปั้นหินโมอาย


หลังจากนั้นก็บรรเลง ถ่ายรูป เก็บบรรยากาศกลับบ้าน
















แบบนี้ สวยมากเมื่อถ่ายติดกับหิมะ 
เราถ่ายรูปอยู่จุดนี้นานมากๆ ประมาณ 1-2 ชม. ได้
หนาวแต่ก็อดทน เพราะอยากเก็ความรู้สึก เก็บบรรยากาศให้ได้เยอะที่สุด
เท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ก็นั่นแหละ 

เริ่มหนาวไม่ไหวแล้ว


เข้ามาหลบในคาเฟ่ก่อนแข็งตาย


บริเวณด้านหน้าคาเฟ่ที่หิมะขาวโพลน










ซื้อกาแฟ มานั่งจิบ ราคา 400 เยน 
ขนม ครอฟเฟิล 150 เยน



นั่งหลบหนาวในคาเฟ่ จนบ่าย 2 
ก็ออกไปถ่ายรูป Buddha  ซึ่งวิวด้านหลังมีหิมะโปรยลงมา
คือ สวยมากๆๆๆๆ







คนไทยก็มานิยมจุดเทียนกัน


ตอนนี้บ่าย 3 กว่าแล้ว ออกไปรอรถกันดีกว่า
พอไปถึงจุดที่เค้ามาส่งเรา  ไม่มีรถกลับ
เอาแล้ว ไม่มีรถจอดซักคันเลย 

พอถามคนแถวนั้น เค้าบอกว่าต้องออกมายืนรอข้างนอก
ก็โอเคร เราก็เดินออกมา


แต่ในขณะที่เรากำลังเดินออกมา เชี่ยย !!
รถมาแล้ว แล้วเรายังอยู่ข้างในอยู่เลย 
พยายามวิ่งไปให้ทัน ระยะทางประมาณ 150 เมตร
แต่ไม่ทัน รถไม่รอ รถไปเลย 555
ไร้ความปราณีมาก พอมาถึง ก็ไม่รู้จะทำอะไรนอกจากถ่ายรูปเล่น



จนมีหนุ่มต่างชาติชาวออสเตรเลีย มาติดแหง็ก กับเราด้วยอีก 1
พอเดินไปดูเวลาที่ป้ายรถเมล์ คือมาอีกที อีก 1 ชม
แม่เจ้า  แล้วไม่มีห้องรอใดๆ จนเราตัดสินใจ
เดินกลับเข้าไปข้างใน อีกครึ่งกิโล 555
เพื่อไปหลบหนาวหลบหิมะ พอถึงเวลาค่อยเดินออกมาใหม่








รอบนี้ 16.20 เราก็เดินออกมาเลย
รถเมล์จะมาถึง 16.37 ซึ่งต้องตรงเวลาเท่านั้น
มาเกินเวลานี้คือ 17.37 อย่างเดียว
แต่รอบนี้บรรลุผล ไม่น่าเชื่อว่า 16.37 รถบัสวิ่งมาถึงจุดที่เรารอตรงนั้นจริงๆ
ตรงงเวลาสุดๆ



บรรยากาศในเมืองตอนนี้ ถูกถมไปด้วยหิมะ
ซึ่งต่างจากขามาเลย



เรามาถึงสถานี MAKOMANAI
ค่ารถเมล์ 360 เยน เหมือนเดิม
เราต้องนั่งรถไฟไปลง ซูซูกิโนะเหมือนเดิม 290 เยน
แต่บรรยากาศยามเย็นที่นี่ สวยมาก จนอดถ่าย บรรยากาศเก็บไว้ไม่ได้จริงๆ





เมื่อเรามาถึง ซูซูกิโนะ สิ่งแรกที่ทำคือ 
หาข้าวกิน เพราะวันนี้ เรายังไม่ได้กินไรกันเลย






ได้สั่งข้าวหน้ามู ไข่ออนเซน ราคา ประมาณ 900 เยน


ส่วนน้ำ เค้าจะมีน้ำชาวางอยู่ จิบอุ่นๆ คือดีมาก

กินเสร็จก็ได้เวลาเดินย่อย 
ชอบแบรนด์ cocaocat มากเลย น่ารักอ่า
เอาแมวดำมาเป็นพรีเซนเตอร์





จากนั้นก็ไปเดินเล่นย่าน โอโดริ พาร์ค
เค้าจัดไฟไว้ให้เดินเล่นถ่ายรูป กับน้ำแข็ง ก็สวยดีนะ



ใครที่ชอบแสงสี ในสวนแบบนี้คือฟินเลยล่ะ






พวกเราอยากจะแฮงค์เอาท์แบบคนท้องถิ่น
เลยหาร้านนั่งที่คนท้องถิ่นเค้าไปนั่งกินกัน
ก็มาเจอร้านนี้ เป็นร้านขายเบียร์อาหารที่ราคาไม่แพงมาก
เราสั่งเบียร์ 1 แก้วใหญ่ แล้วก็ซอสเสจ เกี๊ยวซ่า แซลม่อนย่าง ไก่ชุบแป้งทอด


ก็จะได้อารมณ์ ญี่ปุ่นมาก เพราะไม่มีภาษาอังกฤษเลย

ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวด้วย มีแต่คนญี่ปุ่น







อาหารอร่อยทุกอย่าง เบ็ดเสร็จมื้อนี้ เกือบ 2000 เยน 
ซึ่งก็ถือว่าไม่แพงเลย


ระหว่าเดินกลับ ก็แวะร้าน Duty free เพื่อเข้าไปดูของปลอดภาษี
เหล้านี่คือโคตรถูก





และแล้ววันนี้ ก็หมดไปอีก 1 วัน 
สนุกและมีความสุขมาก 
ชอบบรรยากาศที่ไม่เร่งรีบ อยากทำอะไรก็ทำ
ตื่นกี่โมงก็ได้ แผนเปลี่ยนได้ตลอด
เป็นการพักผ่อนที่คุ้มค่า  ราตรีสวัสดิ์




  





































































Popular Posts

Facebook