ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ความรู้สึกเมื่อเราไปตั้งแคมป์ แก่งกระจาน CAMPING


บันทึกการเดินทาง

ณ วันที่  01-02 .12.18

แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี


สวัสดีอีกครั้ง ครั้งนี้เรามาตั้งแคมป์ กันที่จังหวัดเพชรบุรี
และจุดหมายปลายทางของเรานั่นคือ
อุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

ใช้เวลาเดินทางประมาณ ไม่ถึง 3 ชม.
แต่ด้วยเส้นทางที่ต้องผ่านทาง พระราม 2 
ทำให้กินเวลาไปไดดีทีเดียว

ก่อนที่จะถึงอุทยาน เราได้แวะตลาดน้ำ
ใกล้ๆกับอุทยาน ที่อยู่ในจังหวัดเพชรบุรีเช่นกัน

นั่นคือ ตลาดน้ำกลางป่า
ตอนแรกคิดว่าจะเป็นตลาดน้ำธรรมดา
แต่พอเข้ามาจริงๆ 
โอ้โห เป็นตลาดน้ำ กลางป่าจริงๆแฮะ
คือร่มรื่นมาก เหมาะแก่การมาเดินเที่ยวสุดๆ









ถ้าใครผ่านมาแถวนี้ 
ขอให้อย่าพลาด กับสถานที่แห่งนี้กันเลยทีเดียว

รู้สึกจะเสียค่าจอด ประมาณ 20 บาท
ด้านในก็จะมีของขายทั้งบนบกและบนเรือ
แต่ที่พีคสุดคือ มีแพให้เรานั่งกินข้าว
สามารถเอาขาจุ่มน้ำได้ 















สร้างบรรยากาศในการกินข้าวได้ดีทีเดียว
เมื่อผมไปถึง ก็สั่งก๊วยจั๊บน้ำข้นซักถ้วย
จากแม่ค้าในเรือมา  อืม รสชาติอร่อย
บรรยากาศให้เต็ม  10 ไปเลย












จากนั้นเดินเล่นกันอีกซักพัก
ก็ขับรถออกมาด้านนอก 
ก็มาแวะเที่ยวที่วัดยางใน 
เป็นวัดที่สร้างหลวงพ่อโตได้ใหญ่มาก
เห็นได้ชัดจากด้านนอกเลยล่ะ

และวัดก็ยังเป็นทางผ่านที่จะไปแก่งกระจาน
และอยู่ติดถนนอีกต่างหาก
ถ้าใครไป ยังไงลองเข้าแวะไปเที่ยวและไปทำบุญได้ครับผม




หลังจากนั้นก็ได้เวลาไปตั้งแคมป์ของเรากันดีกว่า
ค่าตั้งแคมป์แก่งกระจาน คนละ 100 บาท
มีป้ายบอกชัดเจน แพงไปหน่อย
แต่วิวก็ดีอยู่ และมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติมากมาย











โดยรวมถือว่าคุ้มค่าครับผม

เมื่อมาถึง ก็เลือกทำเลกางเต๊นท์ 
ส่วนใหญ่คนจะเลือกกางริมน้ำ 
แต่โชคดีที่เต๊นท์เราเต๊นท์เล็ก เลยไปขอแทรกเขาได้เหมือนกัน
เมื่อกางเต๊นท์เสร็จ ก็ได้เวลาทำกับข้าว

แต่ก่อนจะทำกับข้าว ได้ขอเก็บบรรยากาศ
พระอาทิตย์ตก ของวันนี้ก่อนละกันนะ










จากนั้นเราก็มาย่างเสต็กบนเตาที่ทำเอง
คือ เตานี้ก็ไปกับเรามาหลายที่มาก 
ไม่ใช่ไม่มีเงินซื้อนะ แต่การดัดแปลงมันก็สนุกดี

พอตกค่ำ ก็ขับรถออกไปด้านนอก
เพื่อไปงานวัด หรืองานประจำปี ของจังหวัดเพชรบุรี
แถมในงานมีรำวงซะด้วย




ก็เลยไปหาเดินเล่นยามค่ำคืนซะหน่อย
เปลี่ยนบรรยากาศ

เมื่อเดินจนหนำใจ ก็ได้เวลากลับแคมป์ของเรา
และไปอาบน้ำ นอน 
เพื่อจะได้พบวันใหม่ในวันพรุ่งนี้

02.12.18



แน่นอน ว่าตื่นเช้ามา
ก็มาเสพบรรยากาศยามเช้า ที่สดชื่น
หลังจากนั้น ก็ไปล้างหน้าแปรงฟัน
แล้วก็มาทำกับข้าว เป็น สไตล์ breafast







เมื่อกินอาหารเช้าพร้อมวิวงามๆเรียบร้อยแล้ว
ก็ได้เวลาเก็บเต๊นท์ เพื่อออกเดินทางไปท่องเที่ยวกันต่อ

โดยใช้เวลาเก็บเต๊นท์ไม่นานมาก 
จากนั้นก็ไปเที่ยวสะพานแขวนซึ่งเป็นสัญลักณ์
ของหนังเรื่อง สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารักเลยแหละครับผม

สะพานพี่โชนนั่นเอง
แล้วก็ไปถ่ายคู่กับป้ายอุทยาน โดยมีข้างหลังเป็นวิวธรรมชาติ
ที่มันโคตรดี










ตอนนี้เราต้องออกเดินทางกันต่อ หน้าอุทยานจะมีรูปปั้น
เสือดำ ซึ่งเป็นรูปปั้นที่ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่
ไปเลยก็ว่าได้ เนื่องจากคดีเสือดำ นั้นโด่งดังมากจริงๆ


เมื่อเราขับรถออกจากพื้นที่ตั้งแคมป์
เราก็ขับรถขึ้นไปบริเวณสันเขื่อนแก่งกระจาน
ซึ่งบอกเลยว่า บรรยากาศโคตรดี







มีท้องฟ้าสดใส ภูเขาเขียวๆ และน้ำในเขื่อน
เป็นแบล็คกราวน์  ยังไงซักครั้งนึงควรมาให้ได้

เมื่อเราเที่ยวเขื่อนเสร็จ เราไปเที่ยวกันต่อที่
โครงการช่างหัวมัน
ที่นี่ให้ตั้งแคมป์ได้เหมือนกัน คนละ 100 บาท
แต่ถ้าจะมาท่องเที่ยว ก็ไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
















และสามารถลงทะเบียน เพื่อขึ้นรถชมสวนทั้งหมด
ในโครงการได้อีกด้วย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ใครบอกว่าของฟรีไม่มมีในโลก

แต่นมที่นี่สดจริงไรจริง
โดยที่โครงการช่างหัวมัน เป็นโครงการในพระราชดำริ
ของ ร.9 ที่มีการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ครบวงจร
คือสามารถทำการเกษตร เพื่อดำรงชีพได้
โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นเลย
เป็นโครงการในฝันที่ผมอยากจะทำในอนาคตอีกเช่นกัน













และวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะท่องเที่ยวกันในจังหวัดนี้
ขากลับเราได้แวะถ้ำเขาหลวงเป็นที่สุดท้าย

โดยไปจอดรถไว้ภายในวัด แล้วเดินไปขึ้น เหมือนรถ4 ล้อเล็ก
ค่าบัตร ประมาณ 40 บาท ต่อคน

เมื่อเราขึ้นมาด้านบนเรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินขึ้นบันได
ในระหว่างทางก็มีลิงเยอะแยะข้างทาง
แต่ไม่ทำร้ายคนนะ




และเมื่อเดินไปถึงปากถ้ำ
ก็จะเป็นบันไดลงไปในนถ้ำ
ไม่มืด และข้างในสวยมาก 
แนะนำให้ไป และถ้าไปถูกช่วงเวลา จะมีแสงที่ลอดถ้ำเข้ามา
ส่องเป็นลำแสงเข้ามาในถ้ำ
เพราะตอนที่ผมไป ก็ได้เห็นแสงลอดเข้ามาในถ้ำเหมือนกัน








โดยรวมด้านในค่อนข้างใหญ่ และสวยงาม
แต่นักท่องเที่ยวดันน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นต่างชาติ
ซะมากกว่า  จึงถือได้ว่า
ที่นี่เป็นสถานที่ UNSEEN ของจังหวัดนี้อีก 1 ที่

ก็จบไปแล้วนะครับ สำหรับการเดินทางของผม
 2 วัน 1 คืน กับค่าใช้จ่าย ไม่กี่บาท
แต่ก็สามารถได้ประสบการณ์ ที่คุ้มค่าได้

ดีกว่าปล่อยให้เวลาผ่านไป โดยที่ไม่ได้อะไรเลย
และครั้งหน้าผมจะพาไปไหน
ก็สามารถติดตามได้ผ่าน บทความของผมเลยนะครับ

Popular Posts

Facebook