วังน้ำเขียว กับบรรยากาศ CAMPING 2 วัน 1 คืน ~ One-life

บันทึกการเดินทาง

ณ วันที่ 2-3.11.19

วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

ชีวิตก็เหมือนการเดินทาง คำนี้ยังใช้ได้จริง ลองนึกย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว เรากำลังทำอะไรอยู่นะ แล้ว 10 ปีนี้ เรามาไกลแค่ไหน อย่างน้อยมันย่อมมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ถึงยังไง วันสุดท้ายของการเดินทาง ก็ย่อมมีกันทุกคน เพราะฉะนั้น ทำทุกวันให้มีความสุขและเจ๋งสุดๆ นั่นแหละที่สำคัญ

วันนี้เราจะไปตั้งแคมป์กันที่ อ.วังน้ำเขียว ที่ๆได้ชื่อว่าสวิตเซอแลนด์แดนอีสาน จะเป็นอย่างนั้นรึเปล่าต้องรอดู

โดยวันนี้เราเริ่มเดินทางกันที่ 8.00 น. เพราะหวังว่าจะไปให้ถึงวังน้ำเขียว ประมาณเที่ยง แต่ปรากฏว่าปาเข้าไปบ่าย3 ถึงวังน้ำเขียว แน่นอนเพราะแวะบ่อย จอดบ่อย ทำให้เวลามันคลาดเคล่อนไปเยอะ

โดยระหว่างทาง รถมีปัญหาเสียงดังเข้ามาในห้องโดยสาร ทำให้เราต้องเสียเวลาจอดให้ช่างดูอาการซะหน่อย เป็นช่างที่รู้จักอยู่แถวๆบ้าน ชื่อช่างหม้อ ช่างบอกว่าอาการไม่น่าเป็นห่วง และปลอดภัยแน่นอน ให้ขับต่อไปเถอะ เราก็อุ่นใจ เลยเลิกกังวลและลืมเรื่องนี้ไปเลย

เมื่อเรามาถึงวังน้ำเขียว เช่นเดิม วันนี้เรายังไม่มีแพลนว่าจะกางเต๊นท์กันที่ไหน โดยเรามองไว้ 2 จุด คือ ผาเก็บตะวัน และอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง แต่ก่อนอื่น ขอแวะร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดัง ของวังน้ำเขียวหน่อย ชื่อว่าร้านเป่าปาก ร้านนี้เปนร้านดั้งเดิมของวังน้ำเขียวมานาน ถ้าใครเคยได้ลองมากิน จะรู้รสชาติดี

เพราะสมุนไพรที่นี่ใช้สมุนไพรจีน 27 ชนิด น้ำซุปหอมสมุนไพรมาก และออกแนวปนเผ็ดร้อนนิดๆ ถ้าใครชอบแนวเผ็ดร้อน สามารถขอน้ำจิ้มที่เป็นสมุนไพรสูตรเด็ดเพิ่มได้ เอาล่ะ ถึงเวลากิน

แน่นอนว่าหมูตุ๋นที่นี่ ถือเป็นจุดขาย แนะนำว่าถ้าใครมากินควรสั่ง รับรองว่าอร่อยถูกปากแน่นอน รับประกัน

จากนั้น เมื่อเรากินกันเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาไปหาที่กางเต๊นท์กันแล้ว โดยเราไปกันที่ผาเก็บตะวัน ซึ่งปากทางไม่ได้อยู่ไกลจากร้านเป่าปากเลย แต่พอไปถึง คนกางเต๊นท์กันเยอะมาก แล้วทำเลไม่ค่อยดี เสียงดังไปหน่อย วัยรุ่นเยอะ เราเลยเปลี่ยนที่ดีกว่า

ไปหากางแถวเขาแผงม้า ซึ่งอยู่ห่างไปไกลพอสมควร เพื่อที่จะเข้าาไปกางที่อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง แต่ปรากฏว่า จับจีพีเอสไปผิดจุด ไปอ่างเก็บน้ำที่ไหนไม่รู้ แต่ที่รู้คือดีมากก

เพราะไม่มีใครมากางเต๊นท์เลย แล้วมีห้องน้ำ และไฟส่องสว่าง เพียงแต่ต้องเอาบัตรประชาชน มาลงทะเบียนก่อนแค่นั้นเอง ไม่เสียค่าใช้จ่าย แถมวิวยังโคตรดีอีกต่างหาก กว่าเราจะมาถึงก็ประมาณ 5 โมงละ เรารีบกางเต๊นท์ ก่อไฟ ทำกับข้าวกันอย่างรวดเร็ว

และนี่แหละคือเสนน่การมาตั้งแคมป์ คือ การได้ทำอาหาร นั่งจิบเบียร์ ดื่มด่ำ ธรรมชาติ เป็นอะไรที่ฟินมาก โดยเมนูของเราในวันนี้ คือ เสต๊กหมู เราซื้อมาในส่วนของโทมาฮอค และ พอร์คชอพ ทำให้ค่ำคืนนี้ฟินไปตามๆกัน แต่ก็ไม่เหงานะ ยังมีเพื่อนมากางเต๊นท์ด้วยอีก 5-6 หลัง หลังจากที่ผมกางเต๊นท์เสร็จแล้ว

บางคนเขาก็ไม่รู้ ว่าที่ตรงนี้สามารถกางเต๊นท์ได้ แต่พอเห็นผมกาง ก็เริ่มมีคนมากางตาม เป็นการตั้งแคมป์ แบบหลังแรก ตอน 5 โมงเย็น เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อจริงๆ แถมห้องน้ำ ห้องอาบน้ำก็ดีแสนดี โดยรวมเอาไป 10 คะแนนเรยจร้า

สำหรับค่ำคืนนี้ก็คงไม่มีอะไรมาก นอกจากกล่าวคำว่า good night

03.11.19

เช้าวันนี้ เราตื่นมารับวิว รับหมอกกันยามเช้า ไม่คิดว่าจะหนาวขนาดนี้ สำหรับวังน้ำเขียว ตื่นมา มีหมอกเต็มพื้นที่ไปหมด นี่แหละสวิสแดนอีสาน เป็นบรรยากาศที่โคตรชอบ

แต่กระนั้น ก็ยังมีฝนตกลงมาบ้างเล็กน้อย แต่วิวตรงหน้าคือ เมฆกำลังเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆอยู่ตรงหน้าเรา มันช่างเป็นวิวที่โคตรดีเหลือเกิน อย่างน้อยเราได้ใช้ชีวิต 2 วันนี้ให้หมดไปอย่างมีคุณค่า นั่นเป็นสิ่งที่มีความหมายมากที่สุดแล้วในตอนนี้

และมื้อเช้าก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เมื่อเรามาตั้งแคมป์แบบนี้ การทำอาหารเช้าก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ มื้อเช้านี้เรามี โอวัลติน และไข่กระทะ เป็นเมนูง่ายๆ แต่โคตรเลิศอ่ะ อากาศเย็นๆ กับไข่กระทะร้อนๆ มันเป็นของคู่กันอยู่แล้ว ในเช้าวันนี้

จนเริ่มสายๆหน่อย เราก็ค่อยๆ เก็บอาณาจักรของเรา ใช้เวลาเก็บจริงๆ ไม่ถึงชั่วโมง ถือว่าค่อนข้างสะดวกเรยทีเดียว

หลังจากเก็บของเสร็จเรียบร้อย เราไปเที่ยวกันต่อที่ BIRDER FARM มันเปน เหมือนกับช็อปที่เอาไว้ขาย ผักออแกนิก จากฟาร์ม นมสด น้ำผลไม้ หรือผลผลิตต่างๆที่ได้จากฟารทำฟาร์ม

เป้นที่นิยมมากของคนกรุงเทพ เพียงเพราะต้องการมาถ่ายรูปเก๋ด้านหน้า แค่นั้นก็ถือว่าเป็นจุดขายที่ดีสำหรับที่นี่ได้แล้ว ส่วนราคาสินค้าไม่ได้แพงจนเกินไป ถือว่าคุ้มค่าที่จะมา

เอาล่ะ ถ้าใครชอบที่เที่ยวเชิงธรรมชาติ ออกแนวฟาร์มหน่อยๆ อากาศดีๆ วิวดีๆ ใกล้กรุงเทพ วังน้ำเขียวก็คงเป็นอะไรที่ตอบโจทย์ เพราะที่นี่อยู่ติดเขาใหญ่ ทำให้มาแค่ 2 วัน สามารถเที่ยวเขาใหญ่ไปในตัวได้ในทริปเดียวกันได้เลย