ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

น่าน นครที่หลบซ่อนในพื้นที่สีเขียว


บันทึกการเดินทาง

ณ วันที่ 01.06.19

จ.น่าน


สวัสดีครับผม พบกันอีกครั้งกับการเดินทาง
ครั้งใหม่ ที่วันนี้เราจะไปจังหวัด
ที่กำลังมาแรง ในเรื่องธรรมชาติสีเขียวมากที่สุด
นั่นคือ จังหวัดน่าน 

เป็นจังหวัดที่มีความเป็นธรรมชาติ ค่อนข้างสมบูรณ์มาก
และอีกหลายๆอย่างที่เราอาจจะต้องไปเรียนรู้้

ณ ที่แห่งนี้

โดยเราเดินทางในเช้าวันเสาร์
ประมาณ 7 โมงเช้า มาถึง น่าน ก็ประมาณซัก 9 โมงเช้า
โดยสายการบิน Air Asia




เมื่อเราเข้าเขต จังหวัดน่าน
เราจะเห็นเป็นพื้นที่ป่าสีเขียวพร้อมกับหมอกเต็มไปหมด
ได้จากบนหน้าต่างบนเครื่องบิน

เมื่อเราเริ่มลงจอด 
รันเวย์ที่นี่ไม่ได้ยาวมากนัก เนื่องจากถูกสร้างอยู่ในหุบเขา
ทำให้การลงจอด ค่อนข้างกระแทกนิดหน่อย
แต่ก็ลงจอดได้อย่างปลอดภัย

ที่สนามบินน่าน เป็นสนามบินเล็กๆ
แต่มีความอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

เมื่อเราเดินมาด้านใน
ก็พบกับความเป็นล้านนา ที่บ่งบอกได้ถึงความเป็นน่าน
ได้ดีทีเดียว 

แต่ตอนนี้เราต้องเดินออกไปหาเช่ารถมอไซค์ 
แต่ที่นี่ไม่มีมอไซค์ให้เช่าที่ตรงสนามบิน
เราเรยขอเบอร์ รถเช่า จากพี่ รปภ

จากนั้นเราก็โทรไปตามนามบัตรที่พี่เค้าให้มา
แล้วพี่เค้าก็เอารถมาให้ เป็นลุงวินนั่นเอง
เอา click 110 มาให้เราเช่าวันละ 200 บาท
เท่านั้น  

เมื่อเราได้รถแล้ว ก็มุ่งหน้าไปเที่ยวกันดีกว่า
โดย จังหวัดน่านเป็นครั้งแรกของผม
ผมเลยมุ่งหน้าเข้าตัวเมือง 
เพื่อที่จะไปแวะ วัดภูมินทร์ เป็นที่แรก






เป็นวัดที่สวยสดงดงาม แสดงควาามเป็นล้านนาได้เป็นอย่างดี
และด้านใน ยังมีภาพวาดบนฝาผนัง
ที่เรารู้จักกันในนาม กระซิบรัก บรรลือโลก

นั่นคือ ปู่ม่านย่าม่าน นั่นเอง
ทำให้ใครหลายคนที่มาที่นี่ ก็จะต้องแวะมาเก็บภาพ
ปู่ม่านย่าม่าน

จากนั้นท้องเริ่มหิว ก็เลยว่าจะไปกินข้าวซอยเจ้าดัง
ข้าวซอยต้นน้ำ แต่วันนี้ก็ดันมาปิดซะนี่





เราเลยเดินไปกินร้านตรงข้าม นั่นคือเฮือนฮอม
สั่งข้าวซอยไก่ และปีกไก่ทอดสมุนไพรมากิน
โอ้โห รสชาติ อร่อยมาก

ใครมาก็แนะนำให้มากินละกัน
เมื่อกินเสร็จ ก็ได้เวลาเดินทาง
โดยเราจะเดินทางไกลไปจากตัวเมือง เป็น 100 กิโล
เพื่อไป สะปัน ไปขับบนถนนที่เค้าว่ากันว่า
สวยที่สุดในประเทศไทย


มันจะสวยขนาดไหนกันนะ

เมื่อผมขับออกจากตัวเมืองไป
รถที่วิ่งคือน้อยมาก


และเมื่อวิ่งขึ้นเขา จะมีทางให้เลือกว่าจะไปซ้ายหรือขวา
ตอนนั้นผมเลือกขวา เพื่อที่จะไปทาง 1081
จากนั้น ค่อยวนกลับมาอีกทาง
เป็นวงกลม



ใช้เวลาประมาณ เกือบ 5 ชม . ก็ถึงสะปัน
ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ บ่าย 3-4 โมง

ผมหาที่กางเต๊นท์ก่อนเป็นอันดับแรก
แล้วก็ไปเจอลานกางเต๊นท์ ที่วิวค่อนข้างดี
แต่ค่ากางคนละ 300 ผมว่ามันแพงไป
เลยไม่เอา



ไปหาที่ถูกกว่านี้ หาแล้วหารอด ก็ไม่มี
ก็เลย ขับหาไปเรื่อยๆ 
แล้วก็ไปเจอพื้นที่ น่ากางเต๊นท์มาก 
ก็เลย หาเบอร์โทรแถวนั้น ปรากฏว่าโทรไป
ติดเจ้าของพื้นที่ เค้าบอกให้ ลงไปกางเต๊นท์ที่กระท่อม
ได้เลย ไม่คิดเงิน แล้วมีห้องน้ำให้ด้วย





ตอนนั้นเราดีใจมาก ที่มีคนใจดี
กางเต๊นท์เสร็จ ก็เลยออกไปซื้อขนม ซื้อของมา
พอมาถึง เห็นเจ้าของขับรถมาเปิดไฟให้

แล้วก็ได้คุยกัน คือพี่เจ้าของเนี่ย เค้าเปิด
รีสอร์ท ถ้าตอนนี้ ผมว่ามีคนรู้จักกันเยอะแล้วแน่ๆ
ชื่อ สะปัน riva camp 

คือพี่เค้าก็เป็นสายท่องเที่ยวเหมือนกัน
แล้วไปมาเยอะแล้ว ก็กลับมาเปิดรีสอร์ท ที่บ้าน
มันใช่เรยอ่ะ 

แล้วจู่ๆ พี่เค้าก็เข้าไปปัดกวาด ห้องให้
แล้วบอกเราว่าให้ย้ายเข้าไปนอนในห้องเถอะ
คือใจดีมาก แถมให้นอนฟรี อยู่ฟรี
คือ ไม่รู้จะตอบแทนพี่เค้ายังไงเลย



ตอนกลับ ก็เลยเขียนข้อความ
ขอบคุณพี่เค้าไว้ คือพี่เค้าน่ารักมาก
ถ้าเป็นไปได้ ใครที่ไปสะปัน ผมแนะนำให้ไปที่นี่
เพราะพี่เค้าใจดีและเป็นกันเองสุดๆ

สะปัน RIVA CAMP


ตอนนี้เค้าปรับโฉมใหม่ สวยงาม และน่ารักสุดๆ
ลองเข้าไปดูใน กู้กิ้ลได้เรย


ตอนกลางคืนนี่ ฟินสุดๆ ฝนตกก็ตกไป ส่วนเราก็จิบเบียร์เย็นๆไป
พอเริ่มเมา ก็ไปอาบน้ำนอน ฟังเสียงฝน
ในห้องไม่มีพัดลม แต่มีมุ้งไว้กันสัตว์กันแมลง


02.06.19




เช้าวันใหม่ สดใสมาก  ตื่นมานี่หมอกหนามาก ที่บริเวณหมู่บ้าน
แถมมีน้องควาย ออกมากินหญ้าที่บริเวณนั้น
และมีวิวด้านหลังเป็นภูเขา 
ยิ่งทำให้บรรยากาศแม่งน่าหลงใหลสุดๆ

แล้วเราก็ออกไปถ่ายรูป ในหมู่บ้าน
คือเงียบสงงบและฟินมาก

จากนั้นก็เข้ามาเก็บของ แล้วก็ออกไปกินก๋วยเตี๋ยวในหมู่บ้านนั่นแหละ
รสชาติ อร่อยมาก แถมราคาก็ถูกอีก

และที่เที่ยวต่อไปที่เราจะไปก็คือ
สะจุก สะเกี้ยง เปียงซ้อ
ที่เราไป นั่นคือ สะจุก สะเกี้ยง เป็นพื้นที่ในพระราชดำริ
ในการปลูกพืช คือระหว่างทางที่ไป
แม่งอย่างสวย และเงียบสงบสุดๆอ่ะ








แต่รถเครื่องแทบไหม้ ขึ้นเขาเกือบไม่ไหว
จากนั้น ก็ไปถ่ายรูป เสร็จก็วิ่งกลับมาทางบ่อเกลือ
แวะเที่ยวบ่อเกลือ และซื้อเกลือกลับมา







แล้วก็วิ่งกลับอีกเส้นทาง 
ทางเส้นนี้มีความสวยงามมาก
เราจะเจอกับถนนที่สูงที่สุดในไทย นั่นคือ 1715




ในที่สุดเราก็มาถึง ถนนลอยฟ้า หรือว่า
ถนนที่สวยที่สุดในประเทศไทย

คือมันสวยมาก ซ้ายก็เขา ขวาก็เขา
เป็นทาง 2 เลนอยู่บนเขาสูง
แนะนำว่าซักครั้งในชีวิตที่ควรมา

หลังจากเราลงเขามา ก็มาแวะร้านกาแฟชื่อดัง
กาแฟบ้านไทลื้อนั่นเอง
ที่นี่กาแฟถูกมาก แถมมีที่พักผ่อนเป็นซุ้มไว้ให้พักผ่อน
มีทุ่งนาและน้องควาย อย่างเป็นธรรมชาติ








จากนั้น เราคิดว่าเราต้องกลับตัวเมืองแล้ว
เพราะเริ่มเย็นมากละ อีกประมาณ 50 กม.
ก็จะถึงตัวเมือง

โดยเราได้จองโรงแรมไว้ 1 คืน 
ที่พักดีมาก คืนละ 700 บาท ชื่อ ศรีนวล ลอดจ์






เราเข้าไปเชคอิน อาบน้ำแล้วก็ชาร์จแบตโทรศัพ
แล้วก็ออกไป ถนนคนเดิน ที่น่าน 
ที่นี่น่ารักมาก คือตอนกลางคืน หน้าวัดภูมินทร์
จะมีขันโตกมาวาง และมีการแสดงของชาวพื้นเมือง
น่ารักมาก  สามารถซื้ออาหารแล้วก็มานั่งกิน
บนขันโตกได้เลย  เป็นเอกลักษณ์สุดๆ

ใครมาแนะนำให้มาเที่ยวจุดนี้ด้วย
แล้วเราก็ได้ไปกินบัวลอยของป้านิ่ม
ซึ่งต้องขับเข้าไปในตรอกซอกซอย ซึ่ง
เป็นบ้านป้านิ่มนี่เอง

ซึ่งเป็นบัวลอยที่ขายมายาวนาน 20-30 ปี
แนะนำว่าห้ามพลาดสำหรับใครที่มา จังหวัดน่าน

แต่ในบริเวณวัด จะไม่มีการขายสุรา
หรือห้ามนำสุรามานั่งดื่มนั่นเอง บริเวณถนนคนเดิน

03.06.19

เช้าวันสุดท้าย ก่อนจะกลับ กทม.
เราไป วัดพระธาตุเขาน้อย ซึ่งเป็นจุดที่ทุกคนต้องมา
เรามาถึงบริเวณด้านบน  ในช่วงเช้า
ทำให้ยังไม่มีคนมากนัก








ก็ได้เห็นความสวยงาม ของพระธาตุแห่งนี้
และเมื่อมองลงไปด้านล่าง ก็เห็นเมืองน่านทั้งเมือง
เป็นจุดชมวิวที่ดีอีกจุดนึง



จากนั้นเราก็ไปกันต่อ ที่วัดพระธาตุแช่แห้ง
ซึ่งวัดนี้ก็ค่อนข้างใหญ่ และมีความสำคัญกับ จ.นี้เป็นอย่างมาก
โดยห้ามถ่ายภาพด้านในอุโบสถ
เมื่อเราเดินเที่ยวกันซักพัก
ก็ได้เวลาไป ถ่ายรูปกับแลนด์มาร์คสำคัญ ของจ.น่าน
นั่นคือซุ้มลีลาวดี ซึ่งแค่เห็นก็รู้ได้เลยวว่า คือ จังหวัดน่าน






แล้วก็ไปกินข้าวเช้ากันก่อนที่จะกลับโรงแรม
และเชคเอาท์ และฝากกระเป๋าไว้ก่อน 
แล้วก็ไปนั่งร้านคาเฟ่ อีกซักที่






ก่อนไปคาเฟ่ ก็แวะถ่ายรูปกับศาลหลักเมือง
และวัดสีทองอีกซักวัดก่อนละกัน
มาจะได้ไม่เสียเที่ยว

ชื่อ วัดศรีพันต้น
เป็นวัดสีทองอร่าม ทองจนแสบตา
แล้วก็ไปนั่งเล่นที่ บ้านๆน่านๆ
คาเฟ่สุดชิค  ที่ทำบ้านตัวเองเป็นคาเฟ่
เพื่อให้คนอื่นมาเที่ยวเพื่อให้รู้สึกเหมือนบ้านตัวเอง
เอ๊ะ ยังไง งง 555 เอาเป็นว่า
พอเข้าไปแล้ว จะมีมุมม พักผ่อน มีหนังสือให้อ่านรอบบ้าน 
มีเปลให้นอนด้วย








แล้วก็สามารถขึ้นชั้น 2 ของบ้านได้ด้วย
เป็นสถานที่พักผ่อน หรือมาทำงาน ก็โคตรเหมาะ
เอาล่ะ เรามาถึงช่วงสุดท้ายกันละ

เมื่อได้เวลาประมาณ บ่ายโมง
ก็ไปเก็บกระเป๋า แล้วไปสสนนามบิน เพื่อขึ้นเครื่องประมาณ
บ่าย 4 โมง เพื่อกลับกรุงเทพ







เมื่อมาถึงสนามบิน ก็โทรเรียกลุงเพื่อคืนรถ
ก่อนที่จะเข้าไปโหลดกระเป๋า แล้วก็หอบความทรงจำกลับ กทม.


Related Posts:

  • มิตรภาพบนเกาะพยาม 5 วัน 4 คืน บันทึกการเดินทางวันที่ 24.12.20ต้องบอกก่อนเลยว่า ทริปนี้ เหมือนออกมาคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจริงๆ ออกไปคนเดียว เดินทางคนเดียว ไม่รู้เหมือนกันว่า… Read More
  • ฉลองวันเกิด ที่เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล 4 วัน 3 คืน บันทึกการเดินทาง18-21.12.21เป็นทริปที่ออกเดินทางเช้ามากดูได้จากการบอร์ดดิ้ง ตี 5.50แล้วคิดดูว่าต้องมาสนามบิน เช้าแค่ไหนตื่นตั้งแต่ ตี 3 อ่ะ … Read More
  • Cambodia เมืองที่ Beer ถูกกว่าน้ำ ... กัมพูชา บันทึกความทรงจำ ณ วันที่ 19-23 Oct 2018 สวัสดี  จร้าา วันนี้กลับมาอีกแล้วกับทริปต่างประเทศ เอ๊ะ หรือประเทศเพื่อนบ้านดีล่ะ 555 เอาเป… Read More
  • ครั้งหนึ่งที่ สวนสุบิน .. บันทึกการเดินทาง08-11.07.21พวกเราเริ่มออกเดินทางจาก อ.สนามชัยเขตกันประมาณ บ่าย3 กว่าจะแวะกินข้าว ซื้อของแมคโครกว่าจะถึงสวนสุบินก็ประมาณ 6 โ… Read More
  • สังขละบุรี - ป้อมปี่ 4 วัน 3 คืน  บันทึกการเดินทาง10-13.12.20ทริปนี้ เราจะไปกาญจนบุรีกันรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ แต่รู้ว่าสังขละบุรี รอบนี้ คือรอบที่ 2 แล้วจร้าจาก กทม. ไปยัง อ.… Read More

Popular Posts

Facebook