แคมป์ปิ้ง ที่ระยอง ดูพระอาทิตย์ที่เขาแหลมหญ้า
บันทึกการเดินทาง
ณ วันที่ 18-19.05.19
เขาแหลมหญ้า จ.ระยอง
สวัสดีๆๆ วันนี้ได้เวลาตั้งแคมป์อีกแล้ว
โดยสถานที่ตั้งแคมป์ในวันนี้ ไม่ใกล้และไม่ไกลจาก กรุงเทพ
นั่นคือ เขาแหลมหญ้า จ.ระยอง
ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้านั่นเอง
ต้องบอกก่อนเลย ว่าถ้าใครมาที่นี่
แล้วมีเวลา ให้ข้ามไปเกาะเสม็ดอีกซักวันจะดีมาก
ไหนๆก็มาแล้วก็ควรไปให้ถึงเกาะเสม็ดซักครั้ง
แต่สำหรับผมในวันนี้
ตั้งใจมาตั้งแคมป์ที่เขาแหลมหญ้า แค่นั้น
เพราะมีเวลาแค่ 2 วันเท่านั้นเอง น่าเสียดาย
เอาล่ะได้เวลาก็ออกเดินทางกันเลย
ใช้เวลาไม่นานมาก ประมาณ 3 ชม.
ระยะทางประมาณ 200 กม.
เมื่อมาถึง ในเขตอุทยานก็ให้เข้าไปลงทะเบียน
และเสียค่าใช้จ่าย กับเจ้าหน้าที่ได้เลย
ค่าเข้า ค่ารถ ค่ากางเต๊นท์ รวมๆ ประมาณ คนละ
ไม่เกิน 100 บาท ถือว่าถูกตามสไตล์แคมป์ปิ้ง
จากนั้นเราก็ขับรถไปยังจุดกางเต๊นท์
บริเวณ ริมทะเล
ซึ่งต้องบอกเลยว่าบรรยากาศดีมากอ่ะ
แล้วยังมีทางเดินศึกษาธรรมชาติอีกด้วย ประมาณ 600 เมตร
เหมาะกับการเดินไปดูพระอาทิตย์ตกมากๆ
วันนี้ผมคิดไว้แล้วว่า กางเต๊นท์ไว้ก่อน
แล้ว ค่อยเดินไปดูพระอาทิตย์ตกในตอนเย็น
ที่นี่จะมีลิงค่อนข้างเยอะ เพราะด้านหลังจะเป็นเขา
ใครที่มาก็ควรเก็บของกินให้มิดชิด
ไม่งั้นก็จะกลายไปเป็นอาหารลิงได้
พอตกเย็น เราก็เดินไปดูพระอาทิตย์ตก เรียบกับทะเลไป
ต้องบอกว่าอากาศ ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
ไม่ร้อนเพราะลมทะเลโกรก ตลอดเวลา
แต่กลางคืน ยุงค่อนข้างเยอะเอาซักหน่อย
เมื่อเราเดินมาถึง จุดชมวิว คือมันสวยมากก
เหมาะสุดๆ ที่จะมาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่
ว่าไปคล้ายๆกับ แหลมกระทิง จังหวัดภูเก็ตเลยล่ะ
จากนั้นเราก็ใช้เวลาทั้งหมดดื่มด่ำ กับบรรยากาศตรงหน้า
แล้วก็ถ่ายรูปเล่นๆไป พอได้ใช้ชีวิต
จากนั้นเมื่อพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว
ก็ได้เวลากลับไปทำอาหาร
เพราะเสน่ห์ของการแคมป์ปิ้ง คือการทำอาหารนี่แหละ
จะกินได้หรือกินไม่ได้ก็ต้องกิน 5555
เมนูของเราในวันนี้ คือหมูกระทะเลยจร้า
แต่ลืมไปรึเปล่าว่านี่มันริมทะเล
แล้วเตาเราใช้เป็นเตาแบบปิ้งย่าง
ด้วยความที่ขาดประสบการณ์ ก็เลยทำให้หมูกระทะครั้งนี้
ค่อนข้างทุลักทุเล เพราะไฟไม่ร้อน
ไม่ใช่สิ ไฟน่ะร้อน แต่ที่ไม่ร้อนคือกระทะ
เพราะลมทะเลค่อนข้างแรง
พอเราใช้เตาแบบเปิดทำให้ลมพัดความร้อนออกไปหมด
ก่อนที่ความร้อนจะขึ้นมาถึงตัวกระทะ
แหม่ ความรู้ ล้วนๆ
ก็เลย ปรับแผนใหม่ เอากระทะออก
แล้วเอาหมูมาย่างบนเตาแทน คราวนี้ได้กินละ
กว่าจะได้กิน ก็ทุลักทุเลเอามากๆ
เมื่อกินเสร็จ ก็ได้เวลาเก็บของไปล้าง
แล้วก็ไปอาบน้ำ เตรียมตัวเข้านอน
วันนี้ฟ้าครึ้มๆ เหมือนฝนจะตก แต่ก็คงไม่ตกหรอก
แต่อากาศค่อนข้างร้อนถ้าปิดเต๊นท์
เลยเปิดหน้าเต๊นท์ไว้เรยจร้า ลมทะเลเข้าเต็มๆ
แต่ยุงก็ดันเข้ามากัดซะได้ เห้อ 555
ดีที่อยู่รอดจนถึงเช้า ไม่ได้โดนยุงหามไปแดก
19.05.19
ตื่นเช้ามา พระอาทิตย์ไม่ได้ขึ้นทางทะเลจร้า
แต่ขึ้นทาง ด้านหลังของเรา
ทำให้เรามองไม่เห็นพระอาทิย์ในเช้าวันนี้จร้า
จากนั้นแพลนของเราในวันนี้ คือ เก็บเต๊นท์แล้ว
ไปขึ้นเรือ ที่ศรีราชาให้ทันในรอบเที่ยง
เพื่อไปเกาะสีชัง เอาจริง ผมอยู่บางแสนมา 4 ปี
แต่ก็ไม่เคยได้ไปซักที ด้วยความที่มันอยู่ใกล้ ทำให้เราไม่มีโอกาส
ได้ไปซักที แต่คราวนี้แหละ เราจะไม่พลาด
โดยเรามาทันจร้า มาขึ้นเรือรอบเที่ยง ใช้เวลาเดินเรือ 40 นาที
ค่าใช้จ่าย 50 บาท ต่อคน ต่อเที่ยว
เมื่อข้ามมาฝั่งเกาะสีชังได้ เราก็ใช้บริการชุมชนต่อเรยจร้า
โดยเราเช่ารถ 3 ล้อ ไปเที่ยวตามโปรแกรมจร้า
ราคา 150 บาทจร้า คุ้มมาก ไปประมาณ 4 ที่
ตอนแรกเราคิดว่า ทำไมถูกจัง เพราะเช่ามอไซค์เอง
ก็ 200 บาทไปแล้ว แต่ที่จริงคือเค้าใช้วิธีไปส่งเราเสร็จ
เค้าก็ไปหาลูกค้าคนอื่นต่อ แล้วเมื่อเราเที่ยววเสร็จ
ก็ให้ใช้วิธี โทรตามพี่เค้าเอา
ผมว่าก็แฟร์ทั้ง 2 ฝ่ายนะ
โดยที่แรกที่พี่เค้า เอามาปล่อยไว้คือ ศาลเจ้าพ่อเสือ
เมื่อเรา เที่ยวเสร็จก็ให้โทรตามพี่เค้าเอา
ที่แรกเราก็เดินขึ้นไปสำรวจด้านบน
ถือว่าชิวอยู่นะ บรรยากาศดีเลยล่ะ
จากนั้น พอได้เวลา ก็โทรตามพี่เค้ามารับไปที่ต่อไป
นั่นคือสะพานวชิราวุธ ก็เป็นจุดชมวิว ที่เห็น
วิวของเกาะสีชังได้อย่างสวยงาม
แต่ก็ใช้เวลาไม่นาาน เราก็ต้องไปที่ต่อไป
โดยที่ต่อไป เราจะไปสถานที่สุดฮิตอย่างสะพานอัษฏางค์
โดยที่นี่เคยเป็นที่พักตากอากาศ ของรัชกาลที่ 5
บรรยากาศ โดยรวม ก็จะย้อนยุคหน่อยๆ
บ้านเรือนทุกอย่างยังคงเป็นไม้อยู่ในสภาพเดิม
แต่โชคร้ายนิดหน่อยที่วันนี้สะพาน นั้นอยู่ในช่วงซ่อมแซม
ไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปด้านในได้
เราก็ได้แต่ถ่ายรูปด้านนอกเอา
แล้วก็เลยไปที่ต่อไป ที่สุดท้าย นั่นก็คือ หาดถ้ำเขาพัง
เพื่อไปกินข้าวริมหาด ริมทะเล
แล้วค่อยกลับฝั่ง
โดยสั่งข้าวผัดมา 1 จาน นั่งกินเสร็จถ่ายรูปต่อนิดหน่อย
แล้วก็ได้เวลาเดินทางกลับ โดยบรรยากาศที่หาดนี้
มีอุกกรณ์ให้เช่าเพียบ เหมาะสำหรับมาเล่นน้ำ
และทำกิจกรรมาทางน้ำ
เมื่อเรากลับ มาถึงฝั่ง ก็เกือบๆ5 โมงเย็น
จากนั้นเราไปต่อ ไปที่สะพานปลา อ่างศิลา
ไปดูพระอาทิตย์ตกที่นั่น แล้วก็ไปแวะเดิน
ตลาดปลาด้วย ที่นี่เป็นตลาดปลาที่ขาย
อาหารทะเลสดๆเรยนะ หลากหลายสุดๆ
ทั้งปลา ปู กุ้ง หอย เอาขึ้นเรือปุ๊ป ก็มาที่นี่ปั๊ป
แต่ที่เด็ด คือ ช่วงเวลาพระอาทิตย์ตก
ที่นี่แหละเด็ดสุดๆ คือมันจะกลมเป็นไข่แดงเรยล่ะ
ถ้าไม่เชื่อ ก็ต้องลองมาเที่ยวดูครับผม
สำหรับผมใน 2 วันนี้ ก็ถือเป็นการใช้ชีวิต
ที่คุ้มค่ามากๆ และไม่เสียดายเงินหรือเวลาในชีวิตเรยด้วยซ้ำ