ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

กระบี่ ฉบับ Alone และ Local


บันทึกการเดินทาง

ณ วันที่ 25-26.05.19

จ.กระบี่  รอบ 2








เริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่อีกครั้ง
เสาร์ อาทิตย์นี้ เราจะไปกันที่ จ.กระบี่
โดยนัดเพื่อนไว้ไปไฟล์ทเดียวกัน แต่ไม่ได้ไปด้วยกัน
งงม่ะ  ไม่ต้องงง เด๋วไปดูกัน

เย็นวันศุกร์หลังจากเลิกงาน 
ก็มากินข้าวในสนามบิน และเช็คอิน
เข้าเกตมาเจอเพื่อน ที่จะไปกระบี่เหมือนกัน
แต่เพื่อนจะไป พีพี ส่วนผม ไปอ่าวนาง ไร่เลย์

ในเมื่อปลายทางเราต่างกันก็ไม่เป็นไร
ขอไปแบบอโลนก็ได้  แผนอาจมีเปลี่ยนได้
แต่อย่าเปลี่ยนความตั้งใจของเรา อันแน่วแน่


เมื่อมาถึงสนามบิน นานาชาติกระบี่
ผมและเพื่อน ก็เดินออกมาจากสนามบิน
เพราะหวังจะขึ้น ชัตเติ้ลบัส 90 บาท

แต่เราคงมาดึกเกินไป เวลาตอนนั้นเกือบๆเที่ยงคืนละ
พอเดินออกมา มีคนขับรถตู้
บอกเอาคนละ 200 พอ

เราก็บอกว่าไม่เป็นไรครับ เลยลองดูใน grab
ราคาขึ้น 360-500  โอ้โห แพงชิบหาย

เราเรยตัดสินใจ เดินกลับไปด้านในสนามบิน
ไปตั้งหลักก่อน

ตอนนี้ทั้งสนามบินเหมือนจะเหลือผมกันแค่ 2 คน
ทันใดนั้น คนขับแท็กซี่ เดินเข้ามา บอกว่า
ขอคนละ 50 บาทพอ เพราะจะกลับบ้านแล้ว

เราเลยตัดสินใจไป
พอจ่ายเงินจริงผมให้ไป คนละ 100 ถือว่าเป็นน้ำใจ
ที่เค้า ยอมช่วยเรา อิอิ

เมื่อมาถึง ก็เชคอินเข้าโรงแรม
โรงแรมเดิมกับที่เคยมาพัก ราคาไม่แพง

25.05.19




แต่ผมพักคนละห้องกับเพื่อน
ทำให้เช้านี้ผมตื่นมา แล้วทักไปหาเพื่อนว่าตื่นยัง
เพราะผมต้อง รีบไปวัดถ้ำเสือแต่เช้า













ผมเลยรีบอาบน้ำแต่งตัว ลงมาเช่ารถมอไซค์ 200 บาท
แล้วก็ขับไปวัดถ้ำเสือคนเดียว ตอนนั้นประมาณ 7 โมงเช้า
มาถึงแล้วก็รีบเดินขึ้นวัด โดยเก็บของให้ดี
กันลิงขโมยของในกระเป๋า


















จากนั้นก็เดินขึ้นวัดถ้ำเสือ
ทางขึ้นชันมากขอบอก  ถึงกับหอบเรยล่ะ
คนที่ไม่ออกกำลังมา มีสิทธิ์เป็นลมได้เรย



ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ถึงด้านบน
ก็พอมีนักท่องเที่ยวคนจีนอยู่ด้านบน

เราก็ใช้เวลาถ่ายรูปรอบๆเอา 
แล้วเพื่อนก็ส่งข้อความมาบอกว่า จะไปท่าเรือ
ไปเกาะพีพีแล้วนะ เราก็บอกว่าโอเคร 
พรุ่งนี้กลับมาค่อยเจอกัน

ส่วนเราก็ใช้เวลาด้านบนจนเสร็จสิ้น ก็เดินกลับลงมา
แล้วก็กลับที่พัก ไปเก็บของเช็คเอาท์
แล้วก็ไปอ่าวนางกันเลย





โดยผมจองโรงแรมไว้ ที่ Bamboo resort
ใกล้ๆ อ่าวนางนั่นแหละ





เมื่อผมไปถึงก็เช็คอินในราคา 300 บาท นอนได้ 2 คน
แต่ผมมาคนเดียว แอบเสียดายน่าจะมีเพื่อนอีกซักคน
ตกคนละ 150 คุ้มมาก  

เป็นห้องที่สร้างจากไม้ไผ่ ข้อดีคือมันไม่ร้อนเรย จริงๆนะ
ห้องพัดลม แต่ไม่ร้อนแม้จะเป็นตอนกลางวัน
ลมโกรกตลอด ตอนกลางคืนนี่หนาวสัส








แถมมีสระว่ายน้ำ แบบoutdoor ท่ามกลางธรรมชาติ
อย่างฟิน และที่นี่ก็ยังมีบาร์ อยู่ในรีสอร์ทอีกด้วย
เป็นต่างชาติซะ 90 เปอร์เซ็น




เก็บของเสร็จ ก็ขับมอไซ ไปอ่าวนาง 
เพื่อไปซื้อตั๋วเรือ เพื่อไปหาดไร่เลย์ ราคา 200 บาท
ไป-กลับ  จุดหมายปลายทางของผม คือไปขึ้น
จุดชมวิวอ่าวไร่เลย์















จริงๆเคยมาแล้ว 1 ครั้ง ตอนนั้นมากับทัวร์ เรยไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่
วันนี้มาเองเลย มีเวลาเดินให้ทั่วหาดไปเลย
ใครที่ชอบปีนผา ที่นี่น่าจะเหมาะที่สุด
เพราะมีเส้นทางปีนผามากที่สุดในประเทศไทย

เมื่อผมซื้อตั๋ว เสร็จ นั่งเรือประมาณ 20 นาที ก็ถึง
จากนั้น เราก็เดินไปยังทางขึ้นจุดชมวิว






ผมถึงกับอึ้ง เพราะแม่งชันสัสๆ
คือแหงนมองดูแล้ว คือค่อนข้างอันตรายทีเดียว
แต่มาแล้วก็ต้องไปให้ถึง

ต้องใช้ 2 มือปีน ไม่มีสิทธิ์ถือกล้องได้เรย
จากนั้น ก็ปีนขึ้นไปเรื่อยๆ
ใช้เวลาประมาณ ครึ่งชม. ก็ถึง บนจุดชมวิว
มองลงมา เห็นอ่าวไร่เลย์ ทั้งหมด
คือวิวดีมาก แต่ก็มีแค่เชือกบางๆกั้นอยู่ 
ถ้าหลุดเชือกไป ก็คือตกหน้าผาเรยจร้า






ชมวิวกันซักพัก ก็เดินลงมาทางเดิม
ขาลงหน้ากลัวกว่าขึ้นอีกจร้า
การขึ้นเรือกลับ ก็ไม่เกิน 6 โมงเย็น
นั่นคือเรือเที่ยวสุดท้าย








ผมก็มาเดินเล่นแถวอ่าวนาง
ซื้อเบียร์มากิน นั่งดูวิวไป
พอตกเย็น ก็ไปซื้อของกินที่แมคโคร 
แล้วก็กลับไปที่พักไปกินข้าวอาบน้ำ
แล้วกะว่าจะออกมาใหม่ตอนกลางคืน

จากนั้น ผมก็ซื้อของกลับมาที่พัก 
แล้วก็กลับมากินเบียร์ที่บาร์ ริมสระน้ำ
แล้วก็เล่นน้ำ อย่างสบายใจ

พอเล่นน้ำจิบเบียร์เสด 
ก็ไปอาบน้ำ แล้วก็ออกมาเดินเล่นหน้าที่พัก
จากนั้นก็ขับออกไปอ่าวนาง ไปเดินเล่นตลาด





พอกลับมา พี่ซันนี่ คือคนที่ดูแลบาร์ ก็ชวน
มานั่งกินเหลาด้วยกัน
แล้วพี่เค้าก็ชวนเราไปต่อกันอีก
ที่อ่าวนางที่เดิมนั่นแหละ แต่เป็นซอยลับ
ที่ฝรั่งจะรู้ จะเป็นซอยเล็กๆที่ฝรั่งมาเที่ยวกัน




ก็ต่างคนต่างขับรถมา  ร้านเพื่อนของพี่ซันนี่
กินได้ประมาณ ครึ่งกลม ก็ต้องปิด เพราะเที่ยงคืน ตี 1 ละ
พอกลับไปที่รถ เชี่ย ยางแบน

ดีนะที่พี่ซันนี่เค้ามาด้วย เค้าเลยให้จอดรถทิ้งไว้
แล้วไปกับพี่เค้าแล้วพี่เค้าก็เข้าไปส่งที่โรงแรม
แล้วพรุ่งนี้เค้าจะให้น้องเอามอไซ ไปส่งที่รถ เอารถไปซ่อม

แต่เมื่อนั่งมากับพี่ซันนี่ ก็ยังไม่ถึงซะทีเดียวนะ
แกพาแวะร้านก๋วยเตี๋ยวอีก แกก็เลี้ยงก๋วยเตี๋ยวเราอีกถ้วย
แล้วก็พาเรากลับ โอ่โห่ เมาชิบหาย
ตอนนั้น

แล้วก็เข้าไปนอน รอพบกับวันพรุ่งนี้
วันกลับ กทม.


26.05.19



เช้านี้เมื่อตื่นมา ก็ให้น้องที่รีสอร์ท ขับรถไปส่ง
เอามอไซไปซ่อม โดนไปอีก ร้อยกว่าบาท เพราะต้องเปลี่ยนยางใน

จากนั้นก็เข้มาเก็บของ เช็คเอาท์
แล้วไปบ้านคลองท่อม เพื่อไปดูจุดชมวิว
แต่พอมาถึงคือไม่เหมือนในรูป เพราะมันต้องมาตอนเย็น มันถึงจะว้าว
เจอเด็กๆ จะนำทางเราไปให้ด้วย 
ซึ่งเราก็เกรงใจ แต่เด็กน่ารักมาก จะปั่นจักรยานไปส่งให้ได้
เพราะเราถามทางมั๊ง กลัวเราจะไปไม่ถูก



















จากนั้นก็ไปต่อที่คลองหนองทะเล ซึ่งเป็นการพายคายัค
ท่ามกลางแดดร้อนๆ น้ำใส จนเห็นพื้นด้านล่าง
นั่นคือไฮไลท์












แล้วเพื่อนก็ไลน์มาบอกว่า เรือข้ามมาจากเกาะพีพีแล้ว
เราก็เลย กลับเข้าตัวเมืองกะว่าจะไปสุสานหอย
แต่ดูจากเวลาแล้วไม่น่าทัน ก็เลยไปรับเพื่อน
แล้วไปท่าปอมคลองสองน้ำ กันเลย

ขับไปอีกเกือบ 50 KM  
เพื่อไปที่ท่าปอม คือน้ำสวยมาก ใสมากจริงๆอ่ะ 
แล้วก็ธรรมชาติมากๆ  โดยมีค่าเข้าอยู่นะคนละ 30 บาท















ทางเดินประมาณ 1.2 KM


เมื่อเที่ยวกันจนเสร็จสรรพ ก็ไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้
แล้วก็เอารถไปคืน ที่โรงแรมที่เราเช่ามา
แล้วก็เดินไปขึ้นรถโดยสารสีฟ้า
เพื่อไปสนามบิน อีกคนละ 50 บาท



แล้วก็ขึ้นเครื่องกลับ สนามบินดอนเมืองจร้า



เป็นอันจบทริป



Related Posts:

Popular Posts

Facebook