ชีวิตเริ่ม... เมื่อเริ่ม"ใช้ชีวิต"

Latest Posts


โพสต์แนะนำ

ยินดี ปีนัง : hello penang ep.1

สวัสดี ปีนัง             เชื่อว่าหลายๆคน คงมีความฝัน ในชีวิตของตัวเอง   อยากใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากท...

วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ชีวิตติดลบ ที่ฮอกไกโด Ep4

DAY 4

18.12.2023



สำหรับการเดินทางล่วงเลยมาถึงวันที่ 4 อย่างรวดเร็ว
เช้านี้ เรายังคงกินอาหารเช้าใน โรงแรม
ที่เราซื้อมาจากห้าง ที่ลดราคามาเมื่อคืน 
เหลือกล่องละประมาณ 50 บาท จริงๆเที่ยวแบบนี้ก็ประหยัดดีนะ



ชอบภาพตัวเองกินอาหารในที่แบบนี้นะ มันดูเป็นประสบการณ์ที่ตลกดี

จากนั้นพอเดินออกจากโรงแรม 
ระหว่างทางมีวัดที่เดินผ่านประจำ เลยแวะถ่ายรูปสักแป๊ป
ขอพรต่างๆ ให้เดินทางปลอดภัย


วันนี้เราจะไปขึ้นรถบัส ที่สถานีซัปโปะโระ 
ซึ่งต้องเดินไปประมาณ กิโลกว่าๆ ท่ามกลางอากาศที่ติดลบ
ใช้ชีวิตลำบากเหมือนกันแฮะ


แวะถ่ายรูปเก็บเป็นความทรงจำ เก็บเป็นภาพทรงจำกันหน่อย



ถ้าดูจาก map เราจะใช้เวลาเดินทางกันประมาณ 2 ชม
ซึ่งตอนนี้เป็นเวลากว่า 10 โมงแล้ว 
เมื่อมาถึงสถานี ก็บอกเจ้าหน้าที่ ว่าเราต้องการไปที่ โนโบริเบทสึ

มันเหมือนเราต้องนั่งย้อนกลับไปทางสนามบินอีกรอบ
ซึ่งถ้าเป็นทัวร์ เค้าจะพาไปลงที่นี่ก่อน
ก่อนที่จะพามาซัปโปะโระ เพราะมันจะไม่ย้อน

แต่เราก็ไม่ได้สนใจ พนักงานออกมาแนะนำให้เราซือตั๋ว ตกคนละประมาณ 300 บาท
จังหวะนี้ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ แต่จะขอเล่าให้ฟัง

คือพอเราได้ตั๋วมาแล้ว เรามองไปที่ชานชาลา
ยังไม่มีรถมา เราก็เอ๊ะ ทำไมรถยังไม่มาซักที
ทั้งๆที่ อีก2นาที จะถึงเวลารถออกแล้ว ก็เดินดูไรไปเรื่อย

หันมาอีกที รถเข้ามาจอดแล้ว ด้วยความที่ถือแก้วกาแฟอยู่
เลยเดินเอาแก้วกาแฟไปทิ้ง เท่านั้นแหละ หันกลับมา
แระตูรถกำลังปิด เชี่ยแล้ววววว !!!

เรากะลังจะตกรถ วิ่งสิครับ ทั้งๆที่อยู่ห่างกันแค่ไม่ถึง 20 เมตรเองนะ
พอวิ่งไปหน้าปากประตู คนขับก็เปิดประตูให้เราอีกครั้ง 
คือใจหายเลย พนักงานขับรถ ถามว่าเราจะไปลงไหน

เราก็ตอบไปว่า โนโบริเบ็ตสึ เค้าก็โอเค
เห้ออ  เกือบบไปแล้ว มั๊ยล่ะ


พอขึ้นมานั่ง ก็หลับไปยาวๆ 2 ชม.
แต่ต้องดูสถานีที่จะลงเอาเองนะ
เพราะมันเป็นนแค่ทางผ่าน ไม่ใช่สถานีปลายทาง



ในที่สุดเราก็มาลงสถานี ที่จะต้องไปต่อรถเมล์อีกทีนึง
ซึ่งจุดที่เราลง จะต้องเดินไปขึ้นรถเมล์ ที่สถานีอีกทีนึง
ถ้าใครมารถไฟ ก็คือถึงสถานีเลยไม่ต้องเดิน




เดินสิครับ เดินไปสถานีรถไฟ JR 




ระหว่างทางที่เดิน เราก็ชอบนะ กับการเดินทางแบบนี้
ได้เห็นอะไรที่แปลกใหม่ เหมือนคนท้องถิ่นจริงๆ
บรรยากาศ บ้านเมืองเค้าดีมาก แต่ใช้ชีวิตยากอยู่นะ












มาถึงแล้วสถานีรถไฟ 
เข้ามาซื้อตั๋วด้วยตนเอง
มาซื้อที่เครื่องนี้ เครื่องขายตั๋ว
เราซื้อแบบไป-กลับ  640 เยน 
ประมาณ ร้อยกว่าบาท ต่อคน 



ที่นี่จะดังเรื่องออนเซ็น หมู่บ้านนี้มาแช่น้ำแร่ พักตากอากาศกัน บนภูเขา
มีหมีด้วยนะ 





มีตราปั๊มด้วย คนญี่ปุ่นเค้าก็มาปั๊มกันนะ




รถออกไม่เป็นเวลานะ ไม่มีเวลาบอก แต่เค้าจะมีเวลาของเค้า
เป็นรอบๆแหละ  ความตลกคือ ทุกคนออกมายืนหนาวต่อแถวเพื่อจะขึ้นรถบัส
แต่พี่คนขับ ทำท่าเหมือนจะขับมาแล้วนะ 
แต่ก็ยังไม่มา เพราะยังไม่ได้เวลา

เค้าก็นั่งชิลบนรถไป รอเวลาออก ส่วนนักท่องเที่ยวตอนนี้แถวยาวมาก
แถวหนาวโคตร พี่แกก็ไม่สนใจนะ
เพราะถือว่า ยังไม่ถึงเวลา ต้องเลือดเย็นแค่ไหนกันนะ 555


พอรถมา ก็ได้เวลาออกเดินทาง
ประมาณ 20 นาที ขึ้นไปตามภูเขา 
เสียวๆอยู่ แต่พนักงานค่ออนข้างเชี่ยวชาญ 
เลยหายห่วงเรื่องนี้ไป เมื่อมาถึงท่ารถ ส่งตั๋วให้พนักงาน
แล้วเดินไปใน village ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมาพักตากอากาศกันเยอะเลย







ที่นี่ทัวร์ต่างๆจะเยอะมาก 
ทัวร์จีน ทัวร์ไทย ก็มาลงที่นี่แหละ
เดินมาประมาณ 700-800 เมตร ก็จะเริ่มได้กลิ่นกัมมะถัน
ถ้าให้อธิบาย มันคล้ายๆแก๊สไข่เน่า 
แก๊สเหมือนเราดมตดตลอดเวลาแบบนั้น
แต่มันจะแรงกว่า  

 



นี่คือ 1 ในฉากหนังเรื่อง แฟนเดย์
ที่ยังไงคนที่มาฮอกไกโด ต้องมาให้ได้
 








ให้เดินมาถึงข้างล่างเลยนะ ถ่ายรูปสวย
แต่ลื่นสุดๆ ระหว่างทางคนล้มกันเพียบ
เพราะน้ำแข็งเป็นน้ำแข็งแบบที่ละลายแล้ว
มันจะลื่นแบบสุดๆ







เรามาถถึงกันก็บ่ายแล้ว มีเวลาอยู่ที่นี่แค่ 3-4 ชม เท่านั้น
แต่วันนี้มันหนาวมากจริงๆ -9 ได้นะวันนี้
พอเดินขึ้นมาข้างบน มันหนาวากเลยเข้ามากินข้าว
ในมาร์ท มีที่นั่งกิน พักหนาวกันก่อน










ก่อนจะไปเข้าร้านไอติม ฮอกไกโด
เหยย มันอร่อยแบบสุดๆไปเลย โคนละร้อยกว่าบาท
แพงอยู่นะ แต่ก็ทำไงได้ มาถึงแล้ว










เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขจริงๆ
กินอยู่นานประมาณ 1 ชม ก็ออกมาขึ้นรถกลับ
ไปที่สถานี ตอนนีเวลาประมาณ 4 โมงกว่าแล้ว
เราจะไปขึ้นรถให้ทัน รอบ 17.28 







ได้เวลากลับแล้วนะ Hell valley
พอกลับมาถึงสถานี ก็ยังงงๆ ว่าจะต้องไปขึ้นรถตรงไหน
ตัดสินใจถามพนักงงาน พนักงานให้เราออกไปรอ
ปากทางที่เดิม กับที่เราลงมา

ก็เดินประมาณ 10 นาที ก็ถึง
แต่มันหนาวมาก เลยเข้าไปหลบในมาร์ท
รอบนี้เจอคนไทย ที่มาทำงานที่ญี่ปุ่น ก็มารอรถรอบเดียวกัน
คือเค้าก็มาเที่ยวเหมือนกัน แต่ทำงานอยู่โตเกียว

เลยได้คุยกันถึงเรื่องการใช้ชีวิตที่นี่
เค้าก็บอกว่าคิดถึงไทยนะ แต่ก็อยากอยู่นี่มากกว่า



พอถึงเวลา 17.28 รถมาตรงเวลามาก อะไรจะขนาดนั้น
นั่งรถประมาณ 2 ชม กว่าๆ ก็มาถึง ซัปโปโระ
ก็เดินกลับมาที่ TV Tower แต่เดินข้างล่างนะ





เจอทาร์ตชีส มีหรือจะอดใจไหว







เราตัดสินใจกลับมากินราเมง ร้านคุณลุง
ร้านเดิมในราคา 500เยน น่าจะถูกสุดในซัปโปะโระแล้วมั้ง




อิ่มแล้ว หาร้านนั่งชิลดีกว่า
เรามาเจอร้านเบียร์ร้านนึง ที่จริงหาข้อมูลมาแล้ว
ว่ามีร้านนี้อยู่ ปรากฏว่ามาเจอพนักงานคนไทยที่นี่อีก
คือเซอไพรส์มาก หนักกว่านั้นได้เจอ แอดมินเพจอีกคนนึง
ซึ่งอยู่ที่ฮอกไกโดด้วย เลยถือโอกาสถ่ายรูปร่วมกันเลย








เบียร์สด ซัปโปะโระ คือดีมากเลยอ่ะ







บรรยากาศชั้น2 คนไม่ค่อยมานั่ง ส่วนใหญ่ขึ้นมาเข้าหห้องน้ำ





แค่ห้องน้ำยังสวย 






ค่าเสียหาย 8 ร้อยกว่าบาท เบียร์ 3 แก้ว ชิป อีก 1 ที่
ถือว่าไม่แพงนะ ราคาที่นี่ประมาณนี้แหละ





กว่าจะกลับเกือบเที่ยงคืนละ  แวะซื้อราเมงถ้วยมาอีก
5555  แต่วันนี้คือหนาวจริง









Popular Posts

Facebook